'นางต้องการเพียงหนึ่งบุรุษที่รักเดียว ทว่าเขากลับมีชะตาพัวพันสตรีไม่จบสิ้น' เพื่อช่วยเหลือ "เยี่ยนเยว่ฉี" น้องสาวสุดที่รักจากชะตากรรมที่ต้องตรอมใจตายอย่างเปลี่ยวดายในเรือนหลัง จิ้งจอกสีเงินแห่งแคว้นอย่าง "เยี่ยนจิ้นหลิง" จึงต้องออกโรงวางแผนทะลายชะตาดอกท้อมากภรรยาของ "ฉินอ๋อง มู่เลี่ยงหรง" ให้จงได้
แผ่นดินใหญ่ปู้จิ่นฉีอันไกลโพ้น
สงครามระหว่างแคว้นหานและแคว้นเป่ยเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการครองความเป็นหนึ่ง ต่อมาแคว้นหานได้ส่งแม่ทัพผู้กร้าวแกร่งแห่งตระกูลเยี่ยนเข้าสู่สนามรบ ด้วยสืบสายเลือดตระกูลนักรบอันดับหนึ่งในแผ่นดิน แม่ทัพหนุ่มห้าวหาญดุดันบุกตีฝ่ายตรงข้ามจนแตกพ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า และแล้วในที่สุดก็มีชัยเหนือแคว้นเป่ย
หลังได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแคว้นเป่ยหยุดยกทัพโจมตีแคว้นหานนานราวสิบปี ทว่าท่ามกลางความเงียบสงบต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันโดยไม่ประมาท
ปราการที่กั้นขวางทั้งสองแคว้นไว้คือแนวเขาลืมทุกข์กับแม่น้ำลืมเลือน แม้จะสงบศึกกันอยู่แต่ก็ยังปรากฏเหตุความไม่สงบก่อตัวขึ้นบ้างตามแนวชายแดน มีการบุกปล้น ลอบทำร้ายกองทหารลาดตระเวนของแคว้นหานเป็นระยะ ทหารแคว้นเป่ยมักลอบเข้ามาดักซุ่มแบบกองโจร ถึงไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่ก่อให้เกิดความหวาดวิตกแก่ราษฎรผู้อาศัยอยู่ในเมืองหน้าด่านเป็นอย่างมาก
เมื่อเหตุการณ์ยังไม่สงบเรียบร้อยอย่างแท้จริง แม่ทัพตระกูลเยี่ยนผู้เกรียงไกรย่อมต้องแบกรับปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน ยามนั้นเยี่ยนหยางเจวี๋ยนิสัยดุดันเหี้ยมหาญ หากใครอยากลองดีคงต้องมอดม้วยด้วยทวนเกล็ดมังกร เมื่อต้องสู้รบติดพันมายาวนานหลายปี ความที่ยังหนุ่มยังแน่นย่อมคิดถึงฮูหยินและบุตรธิดาเป็นธรรมดา สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจย้ายครอบครัวมาปักหลักที่เมืองชายแดนหานจี
ฮูหยินท่านแม่ทัพได้เดินทางตามสามีมาพร้อมกับบุตรชายทั้งสองคน อีกหลายปีต่อมานางได้ให้กำเนิดบุตรสาวแก่เยี่ยนหยางเจวี๋ย สร้างความปีติยินดีให้เขาเป็นอย่างมาก
แม้จะอยู่เมืองชายแดนห่างไกลความเจริญ แต่ท่านแม่ทัพกับฮูหยินก็ตั้งใจอบรมบุตรชายกับบุตรสาวอย่างเข้มงวด เพราะต้องการให้บุตรธิดาเติบโตมาอย่างไม่น้อยหน้าผู้ใดในแคว้นหาน สองสามีภรรยาจึงเชิญอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในยุทธภพและเชี่ยวชาญศาสตร์ในแต่ละด้านมาสั่งสอนวิชาให้แก่เด็กทั้งสาม
คุณชายใหญ่มีพรสวรรค์ด้านฝึกยุทธ์ เขามานะฝึกฝนจนสำเร็จวิชาทวนตระกูลเยี่ยนได้ตั้งแต่อายุเพียงสิบห้าปี ด้วยฝีมืออันเยี่ยมยุทธ์รวมไปถึงความห้าวหาญและแข็งแกร่ง ในที่สุดเขาก็สามารถสังหารแม่ทัพแคว้นเป่ยคนสำคัญได้ เหตุการณ์นี้สร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ จนฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้เขาขึ้นเป็นรองแม่ทัพอย่างภาคภูมิเมื่อมีอายุได้เพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น
บุตรชายคนรองเชี่ยวชาญทั้งศาสตร์และศิลป์ โดยเฉพาะความรู้ด้านพิชัยสงคราม อีกทั้งยังเป็นศิษย์หนึ่งในสองของท่านโหราจารย์ประจำรัชกาลของอดีตฮ่องเต้ ด้วยความฉลาดหลักแหลม เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ทำเอาข้าศึกงุนงงตกหลุมพราง เขาจึงขึ้นเป็นกุนซือฝีมือฉกาจได้ตั้งแต่อายุสิบแปดปี
ความสามารถของบุตรชายท่านแม่ทัพเป็นที่ประจักษ์ นำพาให้ทั้งราชสำนักและราษฎรมั่นใจว่าตระกูลเยี่ยนจะปกป้องชายแดนให้สงบสุขได้อีกหลายชั่วอายุคน
ส่วนบุตรสาวเพียงคนเดียวนามเยี่ยนเยว่ฉี ท่านแม่ทัพและฮูหยินให้นางศึกษาวิชาความรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งเขียนอักษร วาดภาพ และดนตรี แต่เรื่องที่คนกล่าวขวัญมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องที่ท่านแม่ทัพเชิญปรมาจารย์ขลุ่ยโลกันต์แห่งยุทธภพ ไป่หลงจิว มาเป็นอาจารย์ให้นาง
เนื่องจากไป่หลงจิ่วประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในยุทธภพ เขาผนึกขลุ่ยโลกันต์พร้อมให้คำมั่นว่าจะไม่ถ่ายทอดวิชาต้องห้ามนี้แก่ผู้ใดเด็ดขาด ตราบเท่าที่เขายังรักษาคำสัตย์ ราชสำนักจึงปล่อยให้ผู้อาวุโสได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสงบ ทำให้ผู้คนหาได้นึกหวาดกลัวที่ชายชราคนหนึ่งจะมาเป็นอาจารย์สอนดนตรีให้สตรีตัวน้อย แต่ก็มีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังคลางแคลงใจ
ท่านแม่ทัพเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน หากผู้ใดอยากจับผิดก็ทำไป เมื่อธิดาน้อยเรียนเพียงวิชาขลุ่ย เหตุใดเขาจะต้องกลัวคำครหา นานวันเข้าข่าวลือไม่ดีก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ดรุณีน้อยเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีในห้องหออย่างสมบูรณ์แบบ
เยี่ยนเยว่ฉีได้รับขลุ่ยหยกพลิ้วพลายซึ่งไป่หลงจิวสร้างให้เป็นพิเศษ ว่ากันว่านางสามารถเป่าขลุ่ยเป็นเพลงไพเราะน่าอัศจรรย์ เมื่อใครได้ฟังจะเคลิบเคลิ้มสุขใจยิ่ง ผู้คนจึงเข้าใจว่าท่านแม่ทัพแค่ต้องการให้บุตรสาวได้เรียนกับอาจารย์ผู้เป็นสุดยอดแต่ละด้านเท่านั้นเอง
นอกจากความสามารถด้านต่าง ๆ ที่โดดเด่นของทายาทตระกูลเยี่ยน อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นที่กล่าวขวัญคือรูปร่างหน้าตา ผู้คนต่างร่ำลือถึงรูปโฉมอันงดงามของสามพี่น้อง
บุตรชายคนโตของตระกูลนามเยี่ยนหยางจง ปีนี้อายุยี่สิบสามปี เขามีรูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อทุกมัดเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เส้นผมดำสนิทราวขนกาถูกรวบเป็นมวยด้วยผ้าแถบ องคาพยพทั้งห้า[1] ได้รูป ใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากอิ่มหนา ผิวคร้ามแดด นัยน์ตาเหยี่ยวฉายแววล้ำลึกดุดัน กลิ่นอายบุรุษแผ่กำจายมีสง่าราศีของผู้ฝึกยุทธ์อยู่เต็มเปี่ยม เรื่องฝีมือก็เป็นที่ประจักษ์จนเลื่องระบือไปถึงเมืองหลวง เขาจึงเป็นความหวังของตระกูลและราชสำนัก ด้วยรองแม่ทัพเป็นคนหนุ่มรูปงาม องอาจ อนาคตไกล จึงไม่แปลกที่จะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเหล่าตระกูลผู้ดีทั้งหลายเพราะอยากได้เป็นเขยขวัญ หญิงงามที่นิยมชมชอบก็มีอยู่มากมายแต่ชายหนุ่มมักพูดเสมอว่าชายแดนยังไม่สงบจึงไม่อาจวางใจแต่งงานได้
บุตรชายคนรองของตระกูลนามว่าเยี่ยนจิ้นหลิง วัยยี่สิบสองปี เขามีลักษณะแตกต่างจากบิดาและพี่ชายจนน่าตกใจ หากเยี่ยนหยางจงมีลักษณะของยอดนักรบ เยี่ยนจิ้นหลิงก็คงเรียกได้ว่ามีลักษณะของยอดบัณฑิต ร่างสูงโปร่งห่อหุ้มด้วยอาภรณ์แพรไหมสีขาว จุดเด่นสะดุดตาคือผมเงินเป็นเงางามปล่อยสยายไปด้านหลัง รูปโฉมสง่างาม ท่วงท่ากริยาสุภาพ นัยน์ตาดอกท้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความลุ่มลึกบางอย่าง เขางดงามราวเทพเซียน อาวุธประจำกายมิใช่ทวนหนักแปดสิบชั่ง หากแต่คือมันสมอง
[1] องคาพยพ หมายถึง หมายถึงส่วนทั้งหลายที่ประกอบกันเข้าเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในที่นี้หมายถึงอวัยวะบนหน้า คิ้ว ตา จมูก ปาก
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"