“หน้าตาก็ดีทำไมเป็นพวกชอบสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่นนะ” ลักษณ์ณารา ประเมินคุณสมบัติของ การ์เร็ต แบล็ค CEO สุดหล่อเจ้าของโรงแรมห้าดาวในหลายประเทศ ทว่าชื่อเสียที่ชอบยุ่งกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วทำให้เธอต้องส่ายหน้า แต่เธอจำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับเขาเพราะคอยกันไม่ให้คนอย่างเขามาวุ่นวายกับเพื่อนรักของเธอ เธอเองก็ไม่อยากตัดสินคนสักคนด้วยคำพูดของคนอื่น เช่นเดียวกับที่เธอเคยเป็นมา “คุณจะกลับจริงๆ เหรอ” เขาถามอย่างแปลกใจ “ค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้วยิ้มที่มุมปาก “ฉันแค่มากันท่าไม่ให้คุณลากผู้หญิงคนไหนมาทำร้ายจิตใจก็เท่านั้นเอง” “ห๋า!!” เขาตกใจจนปล่อยข้อมือเธอออก แต่ลักษณ์ณาราส่ายหน้าไปมา “ขอโทษที่ทำให้เสียความรู้สึกนะคะ” เธอแสร้งทำหน้าสำนึกผิดทั้งที่กลั้นยิ้มเต็มที่ “ถ้าคุณไม่หลงเสน่ห์ผม ทำไมต้องรีบกลับล่ะหรือกลัวใจตัวเอง” “คุณต่างหากล่ะที่ต้องระวังจะหลงเสน่ห์ของฉัน” คำพูดเชิญท้าทายกับลมหายใจผ่าวร้อนของเขา เมื่ออยู่ใกล้ชิดยิ่งทำให้เห็นว่าดวงตาของเขาดูลึกลับและมีเสน่ห์ไม่น้อย คำพูดที่เหมือนท้าทาย คล้ายเล่นเกมจ้องตาหากมีใครหลบตาก่อนก็จะเป็นคนแพ้ และแน่นอนว่าทั้งสองคนสะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็น.
หญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายย้อมครามนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย ในหน้าข่าวสังคมมีภาพข่าวการบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเด็กของเซเลบฯ สาวที่เพิ่งมีข่าววิวาห์ไปไม่กี่เดือนถ่ายรูปคู่กับ CEO หนุ่มเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว
ลักษณ์ณารา ไขแสง เจ้าของร้านพรรณนา ร้านกรีนช็อปเล็กๆ แต่กำลังเป็นแบรนด์น้องใหม่ได้รับการจับตามองมากในขณะนี้ หญิงสาวเสยผมสั้นประบ่าที่ดัดเป็นลอนอ่อนของตัวเองอย่างเคยชิน เธอจำได้ชัดเจนว่า ‘ดารัณ’ เพื่อนรักเคยเปรยกับเธอเรื่อง ‘การ์เร็ต แบล็ค’ ที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอจนทำให้สามีของดารัณเข้าใจผิด ถึงแม้สามีของดารัณจะเป็นคุณหมอที่ดูเป็นคนมีเหตุผล แต่เธอกลับไม่ไว้ใจผู้ชายตาน้ำขาวคนนั้นที่รู้ทั้งรู้ว่าดารัณแต่งงานแล้วยังคิดจะเป็นมือที่สามอีกมันน่าปวดหัวแทนเสียจริง
“หน้าตาก็ดีทำไมเป็นพวกชอบสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่นนะ”
ลักษณ์ณาราพึมพำแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดคอมพิวเตอร์เสิร์สประวัติ ‘การ์เร็ต แบล็ค’ CEO หนุ่มวัย 36 ที่ยังโสดเป็นที่หมายปองของสาวๆ ซ้ำยังมีฉายาคาสโนว่าอีกต่างหาก เรื่องฉาวมีพอๆ กับความสามารถในการพัฒนาสินทรัพย์หลายพันล้านของตัวเองเลยจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่อยู่ในสายตาเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง การงานที่ยุ่งเหยิงแถมต้องมารับรู้เรื่องแย่ๆ ของคนรวยอีก หญิงสาวอยากออกไปผ่อนคลายบ้าง เธอถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานบิดตัวไปมาแก้เมื่อยขบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกุญแจรถออกจากบ้านทั้งที่สี่ทุ่มกว่าแล้วก็ตาม
เสียงเพลงและไฟสลัวในผับไฮโซกลางกรุงดูจะไม่ช่วยให้ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีดำเรียบขรึมอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ‘การ์เร็ต แบล็ค’ CEO เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทระดับห้าดาวในหลายประเทศ ซ้ำยังมีอีกหลายแห่งทั่วทุกมุมโลก เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในประเทศไทยจนพูดไทยได้ชัด และเป็นเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่ทำให้สาวๆ อ่อนระทวย มือใหญ่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แม้จะมีสาวสวยสุดเซ็กซี่แนบข้างทั้งซ้ายและขวาแต่เขากลับเบื่อหน่ายอย่างที่ไม่เคยเป็น
“เป็นอะไรไปคะการ์เร็ต” สาวสวยคนหนึ่งกระซิบถาม นิ้วเรียวไต่ที่กระดุมบนแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
“แค่เบื่อๆ” ชายหนุ่มยักไหล่ คงมีเพียงเครื่องดื่มในมือที่เรียกความสนใจจากเขาได้
“พูดแบบนี้น่าน้อยใจจัง” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดเผยอขึ้นอย่างเชิญชวน “หรือว่าเราจะเปลี่ยนบรรยากาศทำอะไรที่สนุกกว่านี้ดีคะ”
ดวงตาสีเขียวเข้มดุจน้ำทะเลลึกมองไปที่สองสาวที่ขนาบข้างของเขา ความสวยของพวกเธอไม่น้อยกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์เบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นมันคงไม่ถูกกำจัดได้ง่ายดายด้วยผู้หญิงสองคนนี้แน่ ปีนี้เขาอายุ 36 ปีแล้วยังครองความเป็นโสดไม่คิดเรื่องแต่งงานให้ปวดหัว แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง แต่ก็มีบางคนที่ผ่านเข้ามาให้รู้สึก ‘ถูกใจ’ บ้าง
ชีวิตการงานยุ่งหลายตลบเขาก็รับมือได้เสมอ แต่เมื่อหลายเดือนก่อนเขาเกิด ‘ถูกใจ’ หญิงสาวที่แต่งงานแล้วเข้าให้ เขารู้นิสัยที่แก้ไม่หายของตัวเองดีและไม่คิดอยากแก้นั้นก็คือ “อยากได้อะไรก็ต้องได้” แม้เขาจะพยายามตามตื้อเธออยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่มีเยื่อใยให้ เขาก็พร้อมที่จบความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้เริ่ม ทุกความรู้สึกที่เคยมีมันคลี่คลายเบาบางลงไปมาก และเมื่อต้องร่วมงานกับเธอคนนั้นอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่าเธอเป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเขา แต่หลายคนไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
มือใหญ่ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มชะงักไปอึดใจ ดวงตาสีเขียวของเขาเห็นร่างเพรียวในชุดเดรสลูกไม้กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอจ้องเขม็งมาทางเขาเหมือนเห็นเขาเป็นเป้าหมายและมันยิ่งย้ำชัดเมื่อริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มที่มุมปาก และเดินตรงเข้ามานั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเขาโดยไม่ขออนุญาต เรียวขาสวยยกขึ้นไขว่ห้าง หญิงสาวเจ้าของผมยาวประบ่าดัดเป็นลอนสวยเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ไม่สนใจสายตาของสองสาวที่นั่งขนาบข้างกับชายหนุ่มที่จ้องมองผู้มาใหม่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว
“ผมเข้าใจว่าผับที่นี่เข้าได้เฉพาะเมมเบอร์เท่านั้น” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก อารมณ์เบื่อหน่ายกลับเลือนหายไป
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวโปรยยิ้มหวาน “แต่ไม่ใช่มีแค่คุณที่เป็นสมาชิกนี่คะ”
“เรื่องนั้นผมรู้” เขายิ้มจนเกือบจะเป็นหัวเราะ “แค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณลักษณ์ณาราจะสนใจสถานที่แบบนี้นี่ครับ”
หญิงสาวหัวเราะไม่รู้สะเทือนกับประโยคเหน็บแหนมของเขาสักนิด เธอโน้มตัวมาใกล้ปรายตาสำรวจอีกฝ่ายอย่างประเมินราคา
“แค่เมมเบอร์ไม่ต้องรวยแค่มีเงินก็สมัครได้ค่ะ”
การ์เร็ตถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ เขาเรียกบริกรสั่งเครื่องดื่มให้หญิงสาวในชุดดำตรงหน้า เขาคุ้นเคยกับเธอดี ลักษณ์นารา ไขแสง เพื่อนสาวคนสนิทของ ดารัณ หญิงสาวอีกคนที่เขาเคยสนใจแต่เธอแต่งงานแล้วและมั่นคงในความรักที่มีต่อสามีของเธอ เขายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำต่อดารัณเป็นสิ่งผิดแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นคนเลวอะไร เพราะอย่างไรเขากับดารัณก็ยังไม่มีอะไรเกินเลย และที่สำคัญมันเป็นความรู้สึกที่อยากเอาชนะมากกว่ารักใคร่จริงจังอะไร
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง