ซูหนวนจิ่วถูกเพื่อนสนิทและว่าที่สามีของเธอวางแผนให้นอนกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งในผับ และไม่นานเธอก็พบว่าตัวเองท้อง เธอได้คลอดลูกแฝดออกมา หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจกลับบ้านเกิดและเข้าทำงานที่ โม่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งทำให้เธอได้พบกับมู่เส้าเหิง ประธานของบริษัท มู่เส้าเหิงเป็นนักธุรกิจยอดเยี่ยม แต่เพื่อไม่ได้คนอื่นรู้ตัวจริงของเขา เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยสองฐานะ หนึ่งคือมู่เส้าเหิง และอีกฐานะคือไผเย่ โชคชะตาได้นำพาพวกเขามาพบเจอกันอีกครั้ง เมื่อซูหนวนจิ่วเผชิญหน้ากับชายที่เธอเคยมีสัมพันธ์กันอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เธอจะเลือกอย่างไรกับผู้ชายที่กำลงมาตามจีบเธอสองคนนี้ เธอจะได้รู้ความลับเกี่ยวกับฐานะของมู่เส้าเหิงเมื่อไร และมู่เส้าเหิงเมื่อไรจะรู้ว่าเขามีลูกอยู่สองคนแล้ว เรื่องราวจะเป็นเช่นไรเมื่อความจริงทั้งหมดได้เปิดเผย มาติดตามด้วยกันเลย
“ฉันรู้สึกร้อนรุ่มและไม่สบายไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ ช่วยฉันทีนะคะ”
ซูหนวนจิ่วรู้สึกราวกับว่าทั้งร่างของเธอกำลังถูกไฟเผา เธอขยับตัวไปจุมพิตลูกกระเดือกของชายหนุ่มคนนั้นด้วยความอ้อนวอน และร้องขอให้เขามีอะไรกับเธอ
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธผู้หญิงสวยอย่างเธอได้ เธอสวย มีเสน่ห์ และดุเย้ายวนมาก
“คุณเป็นคนขอเองนะ”
ชายคนนั้นกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกของเขากระดกขึ้นลง เพราะความหลงใหลไปกับเสน่ห์ของเธอ เขาจึงจับเอวเธอยกขึ้น และก้มตัวลงสนองราคะให้เธอ
“อ๊ะ...” หนวนจิ่วเริ่มครางด้วยความพอใจ
จากเสียงของเธอ มันยากที่จะแยกออกว่าเธอกำลังเจ็บปวด หรือว่ารู้สึกดีกันแน่
ในไม่ช้า ความปรารถนาอันท่วมท้นทำให้เธอโอบไหล่ของชายผู้นี้อย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จังหวะการขยับร่างกายของเขาทั้งรวดเร็วและรุนแรงจนทำให้เธอถึงจุดสุดยอดในที่สุด ร่างกายของเธอสั่นสะท้านขณะที่นอนแนบไปกับเตียง
เธอเหนื่อยล้าและรู้สึกอยากพักผ่อน ก่อนที่เธอจะหลับตาลง เธอเห็นรอยแผลเป็นสะดุดตาบนหน้าอกที่เต็มไปด้วยเหงื่อของชายคนนั้น
... ...
เช้าวันรุ่งขึ้นหนวนจิ่วตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังเมาค้าง
ขณะที่ลืมตาขึ้น ร่างกายของเธอก็รู้สึกเจ็บระบมไปหมด โดยเฉพาะที่ร่างกายส่วนล่างของเธอ
เธอถูขมับตัวเองพลางพยายามเรียกสติตัวเอง
‘เกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่ได้กำลังดื่มอยู่ในห้องของหวั่นโหรวเหรอ? ผู้ชายคนนั้นที่ฉันนอนด้วยเป็นใคร?’ เธอคิดในใจ
เมื่อคืนนี้เมิ่งหวั่นโหรวเชิญหนวนจิ่วให้ไปงานปาร์ตี้ล่องเรือสำราญ แล้วหลังจากนั้น...
ปัง! ประตูถูกกระแทกเปิดออก
“ให้ตายเถอะ! หนวนจิ่ว! เมื่อคืนเธอ...” ความประหลาดใจปรากฏชัดบนใบหน้าของหวั่นโหรว
และผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอ หรงยวี่ชู ก็ดูตกใจยิ่งกว่า
หนวนจิ่วตื่นตระหนกพลางดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของเธอไว้ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่ปกปิดรอยจูบที่เด่นชัดไปทั่วทั้งร่างของเธอได้
มีรอยฟกช้ำที่คอและแขนของเธอ และบรรยากาศในห้องก็บ่งบอกว่า เมื่อคืนนี้เธอได้ร่วมรักกับผู้ชายคนหนึ่ง
“ยวี่ชู ฉันไม่ได้...” หนวนจิ่วต้องการอธิบายตัวเองกับแฟนหนุ่มของเธอ
“หนวนจิ่ว เธอนอนกับผู้ชายคนอื่นจริง ๆ เหรอ! เธอทำแบบนั้นได้ยังไง? เธอนอกใจยวี่ชู!”
หวั่นโหรวดูไม่พอใจมาก ฟังดูเหมือนเธอเป็นคนที่ถูกนอกใจเสียเอง
พอได้ยินแบบนั้นหนวนจิ่วก็มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นนะ! หวั่นโหรว ทำไมเธอต้องโกหกด้วย?”
ภายในไม่กี่วินาที หนวนจิ่วก็นึกเหตุการณ์เมื่อคืนรวมถึงความเชื่อมโยงต่าง ๆ ออก
“อะไรนะ...? ฉันรู้แล้ว ยวี่ชู! หวั่นโหรวเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น ฉัน...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! คุณมันก็แค่อีตัว!” ยวี่ชูตวาดขัดจังหวะการพูดของหนวนจิ่ว ดวงตาของเขาส่องประกายเต็มไปด้วยความโกรธ และน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“หนวนจิ่ว คุณก็เป็นแค่ผู้หญิงสกปรก เหมือนแม่ของคุณ! ที่ชอบยั่วยวนผู้ชายไปทั่ว ถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ซูซื่อ กรุ๊ป ก็คงไม่ล้มละลายหรอก เป็นความผิดของเธอที่ซูซื่อ กรุ๊ป จบลงแบบนี้!“
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ยวี่ชู? แม่ฉันทำอะไร?”
หนวนจิ่วรู้สึกมืดแปดด้านขณะที่เธอนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง
“คุณอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
พูดจบยวี่ชูก็เดินออกไปด้วยความโมโห เมื่อเขาเดินออกไปแล้วหวั่นโหรวก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ยวี่ชู รอฉันด้วย!”
เมื่อหนวนจิ่วสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จากนั้นเธอก็สวมเสื้อคลุม และตามเขาไปที่ดาดฟ้า เธอจำเป็นต้องคุยกับเขา
“ยวี่ชู คุณหมายความว่ายังไง? ซูซื่อ กรุ๊ป ล้มละลายได้ยังไง? และก็บอกฉันที ทำไมพ่อแม่ของฉันถึงตาย?”
หนวนจิ่วจับไหล่ของยวี่ชูไว้ด้วยมืออันสั่นเทา
ความรู้สึกผิดแสดงออกผ่านสายตาของยวี่ชูชั่วขณะ แต่ไม่นานมันก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
“พอสักที! ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก?”
เขาพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากมือของหนวนจิ่ว
“แค่คุณบอกความจริงกับฉันมา แล้วฉันจะปล่อยคุณไป นะคะ ได้โปรด... ฉันต้องการที่จะรู้เรื่องนี้จริง ๆ ”
หนวนจิ่วยังคงจับยวี่ชูไว้ทั้งน้ำตา
เธอไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ตัวเธอกำลังยืนอยู่ข้างราวกั้น
ซึ่งเบื้องล่างนั้นเป็นทะเลที่แสนกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!”
ยวี่ชูหมดความอดทน เขาผลักเธอออกด้วยความโกรธ
ด้วยเหตุนี้ หนวนจิ่วจึงเซถอยหลัง และตกลงไปในน้ำ
“หนวนจิ่ว!” ยวี่ชูเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว
“อั่ก!”
ในไม่ช้าทะเลอันเชี่ยวกรากก็กลืนกินเธอ หนวนจิ่วไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือ
หลังจากนั้น ผู้คนที่กำลังหลับใหลอยู่บนเรือสำราญก็ตื่นขึ้นมาทีละคน แต่ไม่มีใครรู้เลย ว่ามีหนึ่งชีวิตกำลังจมลงไปในน้ำอย่างช้า ๆ
... ...
ห้าปีต่อมา ที่สนามบิน
หนวนจิ่วเข็นรถเข็นขนสัมภาระ และกำลังเดินออกไปข้างนอก หมิงฮ่าวทำหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ให้ผมช่วยคุณแม่นะฮะ”
เธอก้มลงมอง และลูบผมที่อ่อนนุ่มของเขา “ลูกชายแม่มีน้ำใจจริง ๆ !”
“แล้วหนูล่ะคะ?” หมิงเจาลูกสาวของเธอซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นขนสัมภาระโผล่หน้าออกมา ดวงตาเป็นประกายนั่นทำให้เธอดูน่ารักมาก
“เธอเหรอ เธอก็มีน้ำใจที่ช่วยเพิ่มภาระให้พวกเราไง” หมิงฮ่าวพูดเหน็บแนม
หมิงเจายืดตัวขึ้นแล้วมองไปที่พี่ชายของเธอ
หนวนจิ่วหัวเราะคิกคักขณะดูลูก ๆ ของเธอโต้ตอบกัน และดวงตาของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความเอ็นดู
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเธอก็สั่น หลังจากที่หนวนจิ่วเหลือบมองข้อความ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็เลือนหายไป
ข้อความนั้นมาจากจี้หมิงซวี่ “โทรหาผมถ้าคุณมาถึง ผมเตรียมพี่เลี้ยง และรถให้คุณแล้ว” เธออ่านข้อความดังกล่าว
ขณะที่ตาของเธอกำลังจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ หนวนจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษของชายคนนั้นขึ้นมา
เธอลังเลว่าจะโทรหาหมิงซวี่ดีไหม
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เธอไม่ทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก ๆ ของเธอ
หมิงเจาถือของเล่นชิ้นโปรดของเธอไว้ในมือ มันเป็นหมีคริสตัลทรงกลม และเธอก็กำลังเล่นกับมันอย่างมีความสุข
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคนเดินผ่าน และปัดมือของหมิงเจาจนทำให้หมีตกลงบนพื้น ในสนามบินคราคร่ำไปด้วยผู้คน ดังนั้นเมื่อหมีน้อยน่าสงสารตกลงมา มันจึงโดนเตะไปรอบ ๆ
“หมีของหนู!” หมิงเจาร้องเสียงดัง
“หมิงเจา เดี๋ยวก่อน!” หมิงฮ่าวตะโกน
หมิงเจาวิ่งไล่ตามหมีของเธอ โดยมีหมิงฮ่าววิ่งไล่ตามเธอไปอีกคน
ในไม่ช้าหมีก็กลิ้งจนไปหยุดอยู่ที่เท้าของชายคนหนึ่ง
“จับได้สักที!”
หมิงเจาหยิบหมีขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเงยหน้ามอง
ผู้ชายตัวสูงและรูปร่างดีซึ่งอยู่ตรงหน้าเธอ เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว ใบหน้าของเขาดูดีน่ามอง และมีดวงตาที่ลึกล้ำ การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นไม่กล้าเข้าใกล้เขา แต่ในทางกลับกันเขากลับเป็นที่ดึงดูดของหมิงเจา
ชายคนนั้นก้มลงมองสบตากับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดวงตาของพวกเขาดูคล้ายคลึงกันมาก
แววตาของหมิงเจาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เธอจะใช้แขนโอบรอบต้นขาของชายคนนั้นไว้
“คุณพ่อ!” เธอร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า