“โรคนี้ รักษาได้อยู่สามวิธีนะ ใช้ยา ผ่าตัดและ... ท้อง” คำตอบของคุณหมอทำให้หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “งั้นวิธีสุดท้ายแล้วกันค่ะ...รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ"
“โรคนี้ รักษาได้อยู่สามวิธีนะ ใช้ยา ผ่าตัดและ... ท้อง” คำตอบของคุณหมอทำให้หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “งั้นวิธีสุดท้ายแล้วกันค่ะ...รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ"
“เป็นอะไรมาคะเนี่ย” เสียงหวานๆ ของผู้ชายในชุดกาวน์สีขาวทำให้ใจฉันชื้นขึ้นมานิดหน่อย ฉันนั่งตัวงออยู่บนเก้าอี้ในห้องตรวจโรคทั่วไป เป็นเพราะฉันปวดท้องแบบแปลกๆ มาหลายครั้งทั้งในช่วงมีประจำเดือนและก่อนประจำเดือน ตอนแรกฉันก็เข้าใจว่าทุกคนเป็นแบบนี้ แต่ไปๆ มาๆ ฉันว่ามันไม่ใช่ มันมากเกินไปสำหรับการปวดท้องประจำเดือน
หน้าฉันซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ หายใจไม่ถนัดนัก เพราะความรู้สึกปวดมันเริ่มตั้งแต่ท้องน้อยไปยันเรียวขา ราวกับถูกสูบแรงไปซะหมด
“ปวดท้องค่ะหมอ” ฉันทำเสียงเหมือนจะร้องไห้พร้อมกับใช้มือปาดเหงื่อ “ปวดมากเลย แต่ก่อนก็ปวดแค่ตอนประจำเดือนมา ตอนนี้ประจำเดือนไม่มาก็ปวด ปวดลงไปถึงขาเลยค่ะ”
ฉันอธิบายอาการ ก่อนที่นัยน์ตาจะสบกับป้ายชื่อที่ปักด้วยไหมสีแดง ‘พชร อัครโภคิน’ และเป็นคราเดียวกับที่คุณหมอถอดแมสก์ออก อาการปวดท้องของฉันก็หายไปชั่วครู่
“ปวดตรงท้องน้อยเหรอคะ”
ฉันตะลึงกับความเนียนใสของใบหน้าคนตัวสูงกว่า ฉันอยู่แถวนี้มาตั้งหลายปี มีแต่หมอแก่ๆ ไม่ก็หมอรุ่นแม่ แต่ฉันไม่เคยเห็นหมอวัยใสที่หน้าเบ้าเกาหลีขนาดนี้มาก่อน
โอ๊ย น่ารัก หล่อ ฉลาด แถมยังพูดจาคะขา หน้าตาก็ผ่าน ฉันเผลอมองหน้าหมออยู่นาน นานจนหมอสะกิดและเรียกชื่อฉันอีกรอบ
“คนไข้คะ”
“คะ? อ๋อ ใช่ค่ะ”
โอ๊ย ปวดท้องก็ปวด อยากกรี๊ดหมอก็อยาก
“หมอเป็นหมอใหม่ที่นี่เหรอคะ” ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงสงสัย เขายิ้มให้เล็กน้อย
“เปล่าหรอก เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ปีสุดท้าย เพิ่งมาฝึกที่นี่เอง ถ้าไม่เก่งพอก็ขอโทษด้วยนะ” หมอว่าอย่างถ่อมตัว ก่อนจะโฟกัสที่อาการปวดท้องของฉันอีก จู่ๆ คนตัวสูงก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสะดุ้งเล็กๆ “เหงื่อออกเต็มเลย ปวดมากเลยสิคะ”
“อะ อ๋อ ใช่ค่ะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คงเพราะหน้าหมอใกล้มาก ใกล้กว่านี้ก็จูบกันแล้ว
“คนไข้ชื่อเล่นว่าอะไรนะคะ จะได้เรียกถูก”
“ตะ เตยค่ะ” ฉันตอบก่อนจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ใบหน้าร้อนขึ้นมาหนึ่งระดับเพราะได้กลิ่นน้ำหอมของหมอลอยเข้ามาแตะจมูกฉัน และไม่รู้ฉันประสาทหรือเมากลิ่นของมัน ฉันจ้องหมอด้วยสายตาวอนนาบีและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าปกติ “เอาเบอร์บ้านกับเบอร์มือถือไปด้วยเลยไหมคะ”
“คะ? อ๋อ คนไข้กรอกเบอร์ไว้ในแฟ้มประวัติแล้วนี่นา” เขาหัวเราะ
“งั้นถ้าหมอมีเบอร์เตยแล้วก็อย่าลืมโทรนะคะ จะรอค่ะ” ฉันมองหมอด้วยสายตามีเลศนัย มือข้างที่ว่างเกลี่ยผมไปทัดหู
“...” หมอย่นคิ้วงง
“หมายถึงโทรมาถามอาการเตยไงคะ แต่ถ้าอยากถามอื่นเตยก็สามารถตอบหมอได้ทุกข้อเลยนะคะ เช่นสถานะโสด...อะไรแบบนี้ค่ะ เตยหมายถึงเตยไม่มีแฟนค่ะ”
“แล้วตอนนี้คนไข้ที่สถานะโสดหายปวดท้องละเหรอคะ” คนตรงหน้าหัวเราะกับท่าทีของฉัน บางทีเพราะหน้านางเบ้าเกาหลีจ๋าเหมือนโอปป้าที่พร้อมเดบิวต์ คงจะเจอลูกไม้อ่อยมาทุกแบบเลยเฉยชากับสิ่งที่ฉันพยายามก็เป็นได้
ฉันอยากตอบว่าเห็นหน้าหมอ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง แต่มันดูจะแรดไปหน่อย ไม่ค่อยเป็นกุลสตรี ฉันเลยเม้มริมฝีปากพลางกดท้องน้อยให้หนักขึ้น
“ยังเลยค่ะ”
“แล้วนอกจากปวดท้องน้อยนี่มีอาการอื่นร่วมด้วยไหมคะ”
“อาการรักค่ะ” ฉันว่าพลางปรายสายตาโปรยสเน่ห์ให้หมอ เล่นทุกมุก เก็บทุกเม็ด บาทสองบาทฉันก็เอา หากแต่หมอก็ไม่เข้าใจฉันอีก
“คะ?”
“ก็มันปวดไปหมดเลยค่ะ ปวดมากสุดก็ท้องน้อย บางทีก็เหมือนท้องอืด ท้องเสีย ท้องไส้แปรปรวนไปหมดเลย... ถ้ามีคนดูแลสักคนก็คงดีนะคะ” ฉันว่าแล้วก็เหล่สายตาไปที่หมออีก
“สงสัยหมอคงต้องขอตรวจเพิ่มหน่อยนะ”
“ถอดเลยไหมคะ” ฉันถามและนั่นทำให้หมอชะงัก
“อะไรนะคะ”
“ก็เวลาตรวจเขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้ากันเหรอคะ” ฉันมองหมอด้วยสายตากรุ้มกริ่ม หุบยิ้มไม่ได้ ดีนะที่เมื่อเช้าฉันเลือกชุดชั้นในวิคตอเรียซีเคร็ตที่ลายน่ารักกุ๊งกิ๊งเหมาะสำหรับการเผด็จศึกมาใส่
“ใจเย็นนะคนไข้ เดี๋ยวหมอเรียกพยาบาลให้นะ” หมอหัวเราะก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วเรียกเจ๊พยาบาลที่หน้าตาควรเกษียณไปแล้วเข้ามาหาฉัน เธอตีหน้าถมึงทึงเล็กน้อย
“พี่แป๊ว คนไข้จะตรวจภายใน รบกวนจัดการให้หมอหน่อย พาคนไข้ไปเข้าห้องน้ำ ทำอะไรให้เรียบร้อยด้วยนะคะ” เสียงของหมอหวานมาก หวานจนฉันเคลิ้ม แม้แต่อีเจ๊พยาบาลหน้าดุที่ตีหน้าเหมือนจะกินหัวฉันเมื่อกี้ก็อมยิ้มขึ้นมาบางๆ
“ได้ค่ะหมอมีน” เจ๊พยาบาลรับคำ
“อ้าว หมอชื่อเล่นว่ามีนเหรอคะ” ฉันหันมองด้วยสายตาต้องการคำตอบ หมอยิ้มรับ
“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอ”
“บังเอิญจังเลยค่ะ”
“หืม ยังไงเหรอคะ มีคนรู้จักชื่อมีนเหรอ” หมอย่นคิ้วนิดหน่อยขณะที่ฉันอมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อ๋อ ก็วันก่อนแม่ไปหาหมอดูที่หน้าโรงพยาบาลมาค่ะ เค้าบอกว่าเนื้อคู่เตยชื่อมีนค่ะ”
“หมอคะ พี่ว่าคนไข้น่าจะมีอาการเพ้อเจ้อร่วมด้วย ทำเรื่องส่งไปตรวจแผนกจิตเวชด้วยเลยไหมคะ”
อ๊าย อีป้า อย่ามาขัดจินตนาการฉันสิ! ฉันเคืองนะ! แผนกจิตเวชอะไรวะ ฉันปกติดีโว้ย!
ฉันเบ้ปากเล็กๆ และสบตากับหมอที่ยืนอมยิ้มแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“นี่ อีหนู หมอเขาโดนสาวแอ๊วทุกวัน เขาชินแล้ว มานี่ มาห้องน้ำกับพี่ ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยแล้วเปลี่ยนผ้าถุงมาขึ้นขาหยั่ง หมอเค้าจะได้ตรวจให้เสร็จๆ”
ฉันโดนลากไปเปลี่ยนผ้าถุงแบบเสร็จสรรพ ได้แต่มองตามหมอตาละห้อยก่อนจะกลับมาที่ห้องเดิมและขึ้นนั่งเตียงแปลกๆ ที่พยาบาลเรียกว่าขาหยั่ง จากความกล้ามากมายในตอนแรกเริ่มหดเล็กลงตามกาลเวลา เพราะว่าฉันกำลังจะถูกตรวจโดยหมอที่หน้าตาหล่อมาก ฉันเลยเกร็งจัด
ให้ตายเถอะ เกิดมาฉันยังไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนได้เห็นเลยนะ นี่เจอหน้ากันครั้งเดียวก็ขอแหกแข้งแหกขาฉันเลยอะ ฉันพยายามหลับตาและตั้งสติก่อนจะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหมอพูดขึ้น
“พี่แป๊ว ขอถุงมือสเตอร์ไรด์หน่อยค่ะ”
อ๊ากกกก หมอมาแล้ว! ฉันตื่นเต้นหนักและหลับตาปี๋เพราะฉันไม่รู้จะตีสีหน้ายังไงใส่หมอ เมื่อกี้แอ๊วไปตั้งเยอะ พอถึงเวลาฉันดันไม่กล้าสบตา
“ไม่ต้องเกร็งนะคะ” หมอว่าและทำให้ฉันเกร็งหนักกว่าเก่าด้วยการเปิดผ้าถุงดังพรึ่บ สัมผัสลมเย็นๆ จากอากาศก็ปะทะเข้าสู่ผิวอ่อนไหวของฉันทันที
แค่ฉันจินตนาการว่าหน้าหมออยู่ตรงกลางระหว่างขาของฉันและกำลังจดจ้องบริเวณนั้น ฉันก็ประสาทจะกิน และหมอก็ยังทำให้ฉันตะลึงมากขึ้นเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา
“ปวดท้องมาเนอะ เดี๋ยวหมอจะตรวจด้วยนิ้วนะคะ คนไข้ไม่ต้องเกร็งนะ”
นะ นิ้ว!
บอกไม่ให้เกร็งแต่ฉันเกร็งหนักกว่าเดิมอีก
หมอหน้าหล่อขนาดนี้แถมยังจะใช้นิ้วเข้ามาข้างใน ใครจะไม่เกร็งเล่า! แง้
“ไม่ต้องห่วงหรอก"ฉันเอ่ยปากพลางตบบ่าไอ้นุ่นเพื่อให้มันคลายความกังวลใจเรื่องที่ฉันอยู่มหาลัยจนจะปีสี่แล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักที "ถ้าหาใครไม่ได้ กูก็จะเอามึงนี่ล่ะ"
"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
เพราะฉันดันไปสาดน้ำมันพรายใส่ผิดคน จากหนุ่มหล่อเนิร์ดกลายเป็นไอ้บ้าหน้าเลือดที่น่ากลัวสุดๆ ฉันหาข้ออ้างให้เขาหายไป หากแต่เขาชี้ปลายมีดมาเข้าที่หน้าฉัน "มาเป็นแฟนฉัน ไม่งั้นตาย" กลัวแล้ว ;-;
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
© 2018-now MeghaBook
บนสุด