อีกไม่กี่วันเธอก็จะบินไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันในคืนเดียว นอกจากจะไม่ได้บินไปอังกฤษ ยังได้สามีมาหนึ่งคน เธอตั้งใจจะไปคลอดเสียที่อังกฤษ รอจนลูกโตสักหน่อยค่อยกลับมา ทว่าพ่อของลูกขัดขวางเธอตั้งแต่เธอยังไม่ทันก้าวพ้นประตูด้วยซ้ำ 'เรามาแต่งงานกัน' เขาใช้น้ำเสียงราวกับเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจ นี่มิใช่การแต่งงานด้วยความรัก เขาเพียงต้องการลูก ส่วนเธอแต่งเพราะความจำเป็น ทว่าในใจส่วนลึกเธอรู้ดีว่าแท้จริงแล้วเธอยอมแต่งงานกับเขาเพราะเหตุผลเพียงอย่างเดียว
วังสการภิรมย์ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๘๓
ลมพัดโชยกรูผ่านหน้าต่างฉลุลายเข้ามาในห้องทางปีกซ้ายของเรือนชั้นเดียวสีขาวสะอาดตาหลังหนึ่ง กลิ่นดอกแก้วที่ปลูกไว้โดยรอบถูกลมพัดเข้ามาจนหอมฟุ้งอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ชายผ้าม่านสีขาวบางพลิ้วไหวดั่งระลอกคลื่น เปิดรับแสงอรุณที่ส่องลอดร่มไม้ใบบังของต้นจามจุรีขนาดสามคนโอบเข้ามากระทบเตียงไม้สักขนาดคิงไซส์ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ ตามการขยับตัวของคนที่อยู่บนเตียง
ใต้ผ้าห่มนวมสีขาว ใครคนหนึ่งกำลังพลิกตัวจากนอนตะแคงมาอีกด้านหนึ่ง เรียวแขนกลมกลึงวาดไปด้านข้างหมายจะโอบกอดหมอนข้างนุ่มนิ่มเช่นที่ทำเป็นประจำจนเคยชิน ใบหน้างดงามซุกอยู่บนหมอนใบใหญ่ ปลายจมูกขยับเล็กน้อยเมื่อสูดเอากลิ่นที่ไม่เคยคุ้นเข้าไป
ที่ไหน...
กลิ่นหอมละมุนเจือกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของบุรุษทำให้คนที่เพิ่งตื่นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย อ้อมแขนที่กอดรัด ‘หมอนข้าง’ ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงความอุ่นร้อนและแข็งแกร่งราวกับกำแพง
หม่อมราชวงศ์หญิงอรอนงค์ นาวายุทธ์ส่งเสียงอืออาในลำคอขณะลากไล้มือไปตามหมอนข้างที่ใช้มาเกือบสิบปี
...สัมผัสไม่คุ้นเคย ทั้งแข็ง ทั้งร้อนและยังขยับได้
ขยับได้?! อรอนงค์ใจกระตุกวูบ ผุดลุงนั่งทั้งๆ ที่ยังไม่หลับตา ผลจากการลุกนั่งเร็วเกินไปทำให้เตียงที่เธอนั่งอยู่ไหวโอนเอนราวกับจะถล่มได้ทุกเมื่อ หญิงสาวยกมือกุมขมับก่อนส่งเสียงครางอย่างทรมานเมื่อรู้สึกวิงเวียนจนอยากจะอาเจียน ศีรษะซีกซ้ายปวดตุบๆ จนต้องใช้มือทุบเบาๆ สองสามครั้ง ผมยาวดำขลับพันกันยุ่งเหยิง เส้นผมส่วนหนึ่งตกลงมาปรกหน้าจนมองไม่เห็นสิ่งใด เธอใช้มือปัดๆ มันออกอย่างลวกๆ ลมพัดผ่านเข้ามากระทบผิวกายจนขนลุกชัน เมื่อนั้นอรอนงค์จึงได้สติ รับรู้ว่าตนเองกำลังเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์คลุมกาย ก้มมองเห็นยอดปทุมถันแดงระเรื่อชูชันยามสัมผัสลมหนาวก็อุทานออกมาคำหนึ่งก่อนจะกระชากผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย ซ่อนทรวงงามไว้ข้างใต้
เกิดอะไรขึ้น?!
สติกลับมาเกินครึ่ง อรอนงค์จึงรับรู้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เธอกะพริบตารัวเร็วเพื่อปรับสายตาที่พร่ามัวให้ชัดเจนขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือมือซีดขาวและผ้าห่มนวมผืนใหญ่ ยังไม่ทันได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู
“เป็นอย่างไรอรอนงค์”
ลมร้อนๆ กระทบข้างหู อรอนงค์กระถดกายหนีอย่างตกใจ สองมือกอดตัวเองเอาไว้ขณะเงยหน้ามองคนพูด ใบหน้าคมสันที่เด่นชัดในคลองจักษุทำให้คนมองตัวแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็งไปแล้ว
“ทะ...ท่านชาย” กลีบปากอิ่มเต็มแดงช้ำขยับเล็กน้อยพลอยทำให้ถ้อยคำที่เปล่งออกมาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แววตาของเธอระริกไหวตื่นกลัว ร่างแบบบางสั่นน้อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัว ผิวที่เคยผุดผ่องยามนี้ปรากฏรอยแดงซ่านขึ้นเป็นริ้วจางๆ ทั้งบนแก้มนวล ซอกคอและลาดไหล่ คนมองหลุบสายตาลง...ทันเห็นรอยแดงระเรื่อบนเนินทรวงก่อนผู้เป็นเจ้าของจะดึงผ้าห่มคลุมไว้ทั้งตัว โผล่ให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่สุกสกาวงดงาม
“กะ...เกิดอะไร...ทะ...ทำไม...” คนที่ไม่เคยพูดติดขัดมาก่อน วันนี้แทบพูดอะไรไม่ออก สมองมึนงงสับสนจนเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ ดวงตาตื่นกลัวเหลือบมองไปทั่วห้อง เห็นชัดเจนด้วยตาตัวเองว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ แม้แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านของเธอ อรอนงค์หวาดกลัวจนน้ำตาซึม เธอชันเข่าโอบกอดตัวเองพลางกระเถิบหนีผู้ร่วมห้องที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า อวดกายท่อนบนที่กำยำและเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
...เขาคือหม่อมเจ้าทิทยุ สการภิรมย์ ปีนี้อายุย่างเข้า 43 แล้ว แต่ยังองอาจผึ่งผายทรงเสน่ห์ รูปร่างงดงามชวนมอง ไม่น่าเชื่อว่าอายุจะพ้นเลขสี่แล้ว
อรอนงค์ไม่คาดคิดว่าเธอจะตกอยู่ในสภาพอันน่าอับอายนี้ต่อหน้าพี่ชายของเพื่อน ทั้งยังไม่คิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงถึงขั้นเธอและเขาเปลือยเปล่าบนเตียงเดียวกัน!
ถ้าเป็นกับคนอื่น...เธอคงไม่รู้สึกราวกับโลกจะถล่มทลายลงมาตรงหน้าเพียงนี้
แต่กับเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
“หน้าซีดแล้วนั่น” เขาเอ่ย เสียงทุ้มลึกสั่นสะเทือนในอกของเธอ อรอนงค์ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา ดวงตาของเธอเหลือบมองซ้ายขวา คิดในใจว่าจะใช้ผ้าห่มนี้คลุมกายแล้ววิ่งลงจากเตียงแล้วไปขอความช่วยเหลือจากท่านหญิงทัสดาผู้เป็นเพื่อนสนิท
...ท่านหญิงอยู่ที่ไหนหนอ ป่านนี้คงยังหลับไม่ตื่นกระมัง ดีแล้ว จากห้องนี้ไปถึงห้องบรรทมท่านหญิงคงไม่ไกลเท่าไร เสียเวลาหลบหลีกสายตาคนสวนและเด็กรับใช้นิดหน่อย ไม่ถึงห้านาทีเธอก็น่าจะได้พบท่านหญิงแล้ว ขณะที่กำลังจะขยับก้าวลงจากเตียงนั้น อรอนงค์ก็ถูกรวบไว้ในอ้อมแขนของท่านชายทิทยุพร้อมผ้าห่มที่คลุมเรือนร่างเอาไว้
“อาบน้ำก่อนค่อยพูดกัน”
“คะ?”
ไม่รอให้ตอบรับหรือปฏิเสธ ท่านชายก็อุ้มเธอทั้งๆ ที่ตนเองเปลือยเปล่าไปยังห้องน้ำ วางเธอลงข้างอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำอุ่นให้ จากนั้นก็จับตัวเธอให้ลุกยืน จับชายผ้าห่มกำลังจะดึงออกแต่อรอนงค์รีบยื้อยุดไว้ทันควัน
“ดะ...เดี๋ยวเพคะ! อร...อรไม่ได้สวมเสื้อผ้า...”
คนตัวโตขมวดคิ้วน้อยๆ ใช้สายตาดุดันชนิดหนึ่งจ้องเธอก่อนจะยอมปล่อยมือ
“อย่าอาบน้ำนานนัก” เขาว่าพลางหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนชั้นข้างผนังให้กับเธอ “อาบเสร็จแล้วก็บอก ฉันจะเอาเสื้อผ้ามาให้”
อรอนงค์รับผ้าห่มไว้ พึมพำตอบรับเบาๆ รอกระทั่งท่านชายเดินออกไปแล้ว เธอจึงถอนใจเฮือก ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
เขาคือตรีทศ ปัจจภาคย์...บุรุษผู้เกลียดชังเธอสุดขั้วหัวใจ แม้เมื่อยามต้องร่วมทางเดินเดียวกันในระยะเวลาหนึ่งปี เขาก็ไม่เคย ‘ใจดี’ กับเธอเลยสักครั้ง เขาก้าวเท้าพรวดเดียวมายืนตรงหน้า ใกล้มากพอที่ลมหายใจร้อนผ่าวจะรินรดบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา สายตาของเข้าจับจ้องเธอแน่วนิ่ง ก่อนกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับต้องการสำรวจว่าเธอแต่งกายเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นภรรยาของเขาหรือไม่ แต่ใครจะรู้...เจ้าสาวที่ใครๆ อิจฉา ยามนี้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน และเก็บกดรอยน้ำตาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจอย่างสุดความสามารถเพียงใด! พรนภัสแตะปลายนิ้วบนแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนที่ไม่มีความสำคัญอันใด นอกเสียจากเป็นหลักประกันว่าเขาจะได้มรดกทั้งหมดจากผู้เป็นบิดา!
เขาฝากรอยมลทินไว้บนเรือนร่างของหล่อนด้วยความแค้น หล่อนยอมชดใช้ความผิดนั้นด้วยหัวใจแตกสลาย หล่อนคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ทว่าโชคชะตากลับกลั่นแกล้ง เมื่อหล่อนตั้งใจจะหลบไปอยู่เงียบๆ กับลูกน้อยเพียงสองคน ณ ที่แห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นหล่อนได้พบกับเขา คนที่หล่อนทั้งรักและชิงชัง อะไรก็ไม่แย่เท่า เด็กน้อยที่เกาะกุมมือหล่อนอยู่ เป็นลูกของเขา! คนที่ชิงชังหล่อนหมดหัวใจ!
“รุ้ง...” เห็นสายตาวิงวอนของเขา สายรุ้งก็อดยอกย้อนไม่ได้...นับว่าเป็นครั้งแรกที่หล่อนใช้สุ้มเสียงประชดประชัน และเคียดขึ้งเช่นนี้ “ทำไมคะ? พี่กรไม่อยากหย่าเพราะยังกอบโกยไม่พองั้นเหรอคะ?!” “รุ้ง!” เขาอุทานเรียกหล่อนอย่างตกใจไม่น้อยกับถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากเรียวปากอิ่มเต็ม “พี่กรจะเอาอะไรจากรุ้งอีก! รุ้งไม่มีอะไรจะให้ ไม่อยากให้แล้ว!” สายรุ้งสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อสามีกระชากกระเป๋าจากมือของหล่อนแล้วโยนไปส่งๆ มันกระแทกกับผนังก่อนเสื้อผ้าบางชุดในกระเป๋าจะร่วงหล่นลงมากระจัดกระจาย
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…