อย่าตัดสินเธอเพียงเพราะงานที่เธอทำ หญิงสาวที่สละความสุขเพื่อครอบครัว
อย่าตัดสินเธอเพียงเพราะงานที่เธอทำ หญิงสาวที่สละความสุขเพื่อครอบครัว
แพรวา สาวน้อยวัยยี่สิบปีเก็บกระเป๋าจากบ้านเกิดเมืองนอนในภาคเหนือเข้าสู่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีตามคำชวนของรุ่นพี่ในหมู่บ้าน แพรวาเรียนจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ครอบครัวของเธอยากจนและมีหนี้สินมากมายจากการลงทุนทำนาของบิดามารดา บ้านที่เคยมีกินมีใช้ต้องกลายเป็นไม่มีอันจะกิน ถึงแม้จะทำงานห้างสรรพสินค้าหรืองานรับจ้างทั่วไปภายในจังหวัดที่เธออาศัยอยู่ก็ไม่อาจเพียงพอกับรายจ่ายที่เธอต้องเป็นฝ่ายหา เพราะตั้งแต่ที่บิดามารดาสูญเสียที่นาซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ทำมาหากิน พวกท่านก็ไม่มีงานทำรวมไปถึงมารดาของเธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่ที่เธอเกิด ภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่เธอ
“แพรวาใช่ไหมลูก” มาม่าซังเอ่ยถามเด็กสาวผิวขาวหน้าตาสะสวยตรงหน้าที่ยืนสะพายกระเป๋าเพียงหนึ่งใบไว้ข้างหลัง เด็กสาวหันหน้ามามองก่อนยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ...ใช่แม่จินใช่ไหมคะ หนูแพรวาค่ะ” ความนอบน้อมและรอยยิ้มหวานของสาวน้อยตรงหน้าทำให้มาม่าซังวัยห้าสิบปียิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“ใช่จ้ะ...เดินทางมาไกล เหนื่อยไหมลูก” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็เหนื่อยอยู่ค่ะ ว่าแต่หนูเริ่มงานได้วันไหนคะ พอดีหนูต้องรีบหาเงินส่งให้ทางบ้าน” เธอตอบก่อนที่จะเอ่ยถามถึงเรื่องงานทันที มาม่าซังมองเด็กสาวด้วยความเห็นใจ
“ถ้าหนูไม่เหนื่อยจะเริ่มวันนี้เลยก็ได้จ้ะ ร้านเปิดสองทุ่ม แต่พวกเราต้องเข้างานก่อนสองทุ่มนะ” จินตนาบอกเด็กสาวผู้มาใหม่
“แล้วงานที่หนูจะทำ มันต้องทำยังไงบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เธอพอจะได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับงานของผู้หญิงที่อยู่พัทยา
“ก็ไม่มีอะไรมาก หนูแค่จะมาเต้นใช่ไหม จะรับออฟหรือเปล่า” มาม่าซังเอ่ยถามลูกน้องคนใหม่
“ค่ะ...แล้วรับออฟคืออะไรคะ” หญิงสาวไม่เคยรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวงการนี้จึงเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ มาม่าซังยิ้มออกมาก่อนที่จะกระซิบบอกเธอด้วยเสียงไม่ดังนัก
“รับออฟ..ก็หมายความว่าเวลามีลูกค้าอยากให้เราออกไปนอนด้วยแล้วจ่ายเงินให้กับทางคลับและจ่ายเงินให้กับเรา เราจะไปไหมยังไงล่ะจ๊ะ”
คำตอบของมาม่าซังทำเอาเด็กสาวหน้าแดง ถึงเธอจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่เธอก็เคยมีอะไรกับแฟนที่คบกันมาช่วงทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแค่คนเดียว
“คือ...หนูขอลองเต้นธรรมดาก่อนได้ไหมคะ” ด้วยความสามารถในการเต้นที่พอจะมีบ้างเธอเลยอยากจะลองเพียงแค่เต้นและหาดื่มดูก่อนจนกว่าเธอจะไม่มีทางเลือกจริงๆ เธอถึงจะทำ
“อืม....ได้สิ ช่วงแรกๆ ก็เต้นไปก่อน แต่ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงินเมื่อไหร่ การรับออฟมันก็ไม่ใช่ทางออกที่แย่หรอกนะหนูแพรวา แม่จะบอกอะไรให้ พวกรุ่นพี่บางคนแขกรับไปดูแลก็เพราะติดใจเราเวลาที่เขาออฟเราออกไปนอนด้วยนี่แหละ” จินตนาไม่บังคับเด็กสาวที่เพิ่งจะมาถึงพัทยาเป็นครั้งแรก แต่เธอจะให้เด็กสาวได้เรียนรู้ด้วยตัวของตัวเอง
แพรวาถูกเพื่อนๆ เรียกชื่อใหม่เป็นแพทตี้เพราะง่ายสำหรับการเรียกขานชื่อของฝรั่ง ต่างชาติ หญิงสาวยินดีกับชื่อใหม่ที่เพื่อนๆ และพี่ๆ เรียกขานเพราะอย่างน้อยชื่อนี้ก็ใช้ในวงการนี้และช่วยปกปิดชื่อจริงของเธอเอาไว้ได้ คืนแรกที่หญิงสาวเริ่มงานมีหนุ่มๆ หลากหลายเชื้อชาติมาสนใจเธอมากมาย ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นคนหน้าตาดีและมีรอยยิ้มที่สวยพิมพ์ใจ แต่นักเที่ยวก็ต้องผิดหวังที่หญิงสาวดาวดวงใหม่ยังไม่รับออฟพวกเขาจึงทำได้เพียงเลี้ยงดื่มให้เธอเพียงเท่านั้น
แพทตี้กลายเป็นดาวเด่นของอะโกโก้แห่งนี้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน เพื่อนๆ บางคนถึงกับอิจฉาในความสวยของเธอที่เรียกแขกให้เข้าร้านได้มากมาย หญิงสาวรู้สึกสนุกกับการทำงานแบบใหม่ในสังคมใหม่ๆ ความตื่นเต้นในสัปดาห์แรกหายไปและเธอเริ่มกล้าที่จะโชว์และอวดสกิลภาษาอังกฤษของเธอมากขึ้น แขกประจำก็มีมามากมาย บางคนถึงขั้นมาเฝ้าเธอเพื่อรอให้เธอใจอ่อนยอมให้พวกเขาออฟเธอออกไปเพื่อนอนกับเธอเพียงสักครั้ง
อยู่มาวันหนึ่งในเดือนที่สองของการทำงาน มารดาโทรมาบอกว่าทางบ้านต้องใช้เงินเกือบห้าหมื่นในการใช้หนี้กองทุนหมู่บ้านที่กู้ยืมมาสมัยทำไร่ ทำให้แพทตี้ตัดสินใจเข้าวงการโสเภณีแบบเต็มตัว ลูกค้าคนแรกของเธอเป็นฝรั่งวัยเกือบสี่สิบปี และเขาก็เป็นฝรั่งที่มาพักผ่อนที่เมืองไทย หาใช่เป็นฝรั่งที่ชอบมาเฝ้าเธอเพราะคนนั้นบินกลับประเทศของเขาไปแล้ว
“แพทตี้ หนูตัดสินใจแน่แล้วใช่ไหม เขาจะพาหนูไปอยู่ด้วยสัปดาห์หนึ่งนะ แต่เขาจะให้หนูหนึ่งแสน”
มาม่าซังเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจของหญิงสาวที่เพิ่งตัดสินใจรับงานออฟครั้งแรกหลังจากทำงานมาจะเข้าสองเดือน ก่อนหน้านี้เธอพยายามจะโน้มน้าวให้แพรวาหรือแพตตี้รับออฟแต่หญิงสาวก็ปฏิเสธ ครั้งนี้หญิงสาวคงจะจำเป็นและถึงที่สุดแล้วจริงๆ
“น่ะ...น่ะ...หนึ่งแสนเลยหรือคะ”
แพรวาหรือแพทตี้เอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าการที่เธอไปนอนกับเขาหนึ่งสัปดาห์จะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ให้กับบิดามารดา
“ใช่จ้ะ เขาให้เราแสนนึง ตกลงเรารับออฟใช่ไหม แดนเนียลเขารอฟังคำตอบอยู่ คนนี้ดี พี่ๆ ที่เขาเคยไปกับแดนเนียลบ่นเสียดายทุกคนที่มาวันนี้เขาเลือกหนู” มาม่าซังพยายามโน้มน้าวให้หญิงสาวตัดสินใจ แพรวาหรือแพทตี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจตกลง
“แต่หนูขอเขาก่อนห้าหมื่นได้ไหมคะ พอดีที่บ้านต้องใช้เงิน” เธอเอ่ยถามมาม่าซัง
“ได้สิ เดี๋ยวแม่คุยกับเขาให้” จินตนายิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ถึงอีกเรื่องที่เธอต้องกำชับหญิงสาว
“หนูรู้กฏของคนที่ทำงานแบบเราใช่ไหมแพทตี้” มาม่าซังเอ่ยถามเพื่อให้หญิงสาวเตรียมตัวและเตรียมใจให้ดี
“อย่าหลงรักลูกค้า อย่ามีความรู้สึกให้คู่นอนที่ใช้เงินมาซื้อเรา”
แพทตี้ท่องกฎของผู้หญิงกลางคืนให้มาม่าซังฟัง จินตนาฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะพาเธอไปหาแดนเนียลซึ่งเขาก็รอฟังคำตอบจากเธออยู่ด้วยความตื่นเต้น
“เธอตกลงค่ะ แต่เธอขอมัดจำก่อนห้าหมื่น ถ้าคุณจ่ายเธอก็พร้อมจะไปวันนี้เลย” มาม่าซังพูดคุยกับลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษ
“อืม... โอเคร ว่าแต่เธอเพิ่งจะเคยออกไปกับผมเป็นคนแรกใช่ไหม”
แดนเนียลเอ่ยถามออกมาเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะมองสำรวจร่างงามที่เวลาเต้นอยู่บนฟลอนั้นดูเย้ายวนยิ่งนัก แต่พอมองใกล้ๆ ก็ทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ
“ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งจะรับงานนี้เป็นครั้งแรก”
แพรวา หรือแพทตี้ ดาวอะโกโก้คนสวยเป็นฝ่ายตอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษ และนี่คือสิ่งที่แดนเนียลชอบ เขาคุยกับเธอเข้าใจเพราะเธอสามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ จึงไม่เป็นปัญหาหากเขาจะอยู่กับเธอหนึ่งสัปดาห์ เขาไม่อยากเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ ระหว่างที่อยู่ที่นี่
“โอเครแพทตี้ ขอบคุณที่ตกลงไปกับผม ผมดีใจจัง” แดนเนียลยิ้มก่อนที่จะเอ่ยออกมา
“ขอบคุณ คุณเหมือนกันที่กล้าจ่ายเงินให้กับฉัน” แพทตี้เอ่ยขึ้นบ้าง
“สำหรับคุณ ผมไม่เสียดายเงินที่จะเสียไปเลย” เขาบอกพร้อมทั้งใช้สายตาหื่นกระหายมองร่างงามของเธอ
หลังจากที่ตกลงกันได้แดนเนียลก็ไปกดเงินสดมาให้กับอะโกโก้และให้กับหญิงสาวตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ แพทตี้ออกจากอะโกโก้เป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าหนุ่มที่เคยเจอเธอในสถานที่ที่เธอเคยทำงานต่างมองตามหญิงสาวอย่างเสียดายด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวจะตัดสินใจออกไปกับแขก
“แพทตี้ คุณกำลังจะไปไหนหรอ” หนุ่มฝรั่งที่เมื่อวานไปเลี้ยงดื่มให้กับเธอถึงกับหยุดถามขณะที่กำลังจะเดินสวนทางกัน
“ฉันกำลังจะไปกับเขาน่ะ วันนี้ฉันออกจากร้านเป็นครั้งแรก ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”
ภาษาอังกฤษที่ฉะฉานและสำเนียงที่แทบจะคล้ายกับฝรั่งดังออกมาจากหญิงสาวใบหน้าสวยรูปร่างดี แดนเนียลรู้สึกไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหากว่าเธอต้องการจะหยุดทักทายกับคนอื่น เพราะคนอื่นก็ได้เพียงแค่คุย แต่เขากำลังจะได้เชยชมดอกไม้ดอกนี้
หลังจากทักทายเสร็จแดนเนียลก็เดินเข้ามากุมมือเธอแล้วพากันเดินไปร้านอาหารเพื่อหาอะไรทาน เขาพาเธอนั่งทานอาหารราคาแพงที่เธอไม่เคยทานมาก่อน เขาคอยดูแลและเอาอกเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี หญิงสาวจึงเอ่ยคำขอบคุณ ระหว่างทางกลับโรงแรมที่เขาเข้าพักหัวใจของสาวน้อยที่ผ่านผู้ชายมาเพียงคนเดียวกลับสั่นไหว เธอเคยได้ยินมาว่าพวกฝรั่งมีอวัยวะเพศไซส์ใหญ่กว่าชายไทย และการมีเซ็กส์ครั้งแรกของเธอกับแฟนหนุ่มก็ไม่ได้น่าประทับใจนัก หญิงสาวจึงกังวล
พอถึงห้องแดนเนียลจึงให้สาวสวยเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเขารู้ว่าผู้หญิงเวลาอาบน้ำนั้นใช้เวลานาน และเขาก็อยากจะเห็นใบหน้าสวยภายใต้เครื่องสำอางว่าแท้จริงแล้ว สวยจริงหรือไม่ แพทตี้ใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง อันที่จริงเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่พิถีพิถันขนาดที่ว่าต้องขัดนั่นขัดนี่ หรือบำรุงผิวนั่นนี่ แต่เป็นเพราะเธอกำลังตื่นเต้นและกังวลใจกับการที่จะต้องมีอะไรกับฝรั่งครั้งแรกมากกว่า
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำมาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของโรงแรม ใบหน้าสวยเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอางจนแดนเนียลต้องตะลึงในใบหน้าสวยจิ้มลิ้มนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบปากอิ่มของเธอ
“รอผมก่อนนะแพทตี้ ผมอาบน้ำสักครู่ แล้วผมจะมาทำให้คุณมีความสุขไปกับผม”
เสียงทุ้มของฝรั่งที่มีใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลาแม้วัยจะล่วงเลยไปใกล้เลขสี่บอกเธอหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกจากปากอิ่ม เขาเพียงแค่จูบยังไม่ได้รุกล้ำภายในให้อารมณ์ใคร่มันปะทุ เพราะเขาก็ต้องการอาบน้ำก่อนเช่นกัน ร่างสูงล่ำของแดนเนียลเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจของแพทตี้ที่ดังออกมา
“สู้ๆ นะแพรวา เพื่อครอบครัว เพื่อหนี้สิน เราทำได้ ทีนอนกับแฟนไม่ได้เงินสักบาทเรายังทำได้เลย สู้ๆ” หญิงสาวปลอบใจตนเองก่อนที่จะเดินไปนั่งรอแขกคนแรกของเธอที่บนเตียงนุ่มที่เธอไม่เคยได้นอนมาก่อนในชีวิต ไหนจะโรงแรมสุดหรูที่ดูแล้วน่าจะราคาต่อคืนแพงอยู่ไม่น้อย ถึงว่าเขาถึงกล้าจ่ายเงินให้เธอถึงหนึ่งแสน ไหนจะค่าบาร์ฟายอีก
*มาม่าซัง คือ คนที่คอยจัดหาสาวๆมาทำงานในคลับ บาร์ หรืออะโกโก้และคอยดูแลสาวๆภายในคลับ บาร์หรืออะโกโก้
*บาร์ฟาย คือ ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายให้กับทางคลับ บาร์หรืออะโกโก้ถ้าหากเขาต้องการพาผู้หญิงออกไปจากร้าน มีทั้งShort time คือระยะสั้นหนึ่งชั่วโมง ผู้หญิงต้องกลับเข้าร้านทันทีหลังจากหนึ่งชั่วโมง และ Long timeคือออกไปหนึ่งคืน ไม่ต้องกลับเข้าร้านอีก
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
© 2018-now MeghaBook
บนสุด