มะลิ หญิงสาวที่ต้องทำงานเป็นคนรับใช้อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อชดใช้หนี้ แต่ความโชคร้ายคือเธอดันตกเป็นทาสกามารมณ์ของ คุณตาม ลูกชายคนเล็ก ของคุณหญิงวงแหวน ที่คอยหาเรื่องแกล้งเธอ เพราะคุณหญิงเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรดี แต่อยู่ๆ คุณหญิงก็ปล่อยให้เธอเป็นอิสละ มะลิจึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ หนีไปอยู่กับเพื่อนสาวและเพื่อนชายคนสนิท แต่เธอกลับมารู้ตัวว่าตั้งท้อง ถึงเธอจะเลือกเก็บลูกไว้ และเลือกจะใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นไปตามที่เธอคิด คุณตามปล่อยนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงจับได้ คุณก็รู้ว่าคุณหญิงเกลียดฉัน ก็อย่าให้ใครรู้สิ ถ้าเธอไม่พูด ฉันไม่พูด เรื่องของเรา มันก็จะเป็นแค่ความลับ แต่ว่า อย่ามัวแต่หาข้ออ้างยื้อเวลาฉันเลย เธอแค่อ้าขาก็พอ..
ตอนที่1
เริ่มต้นชีวิตใหม่
"เรื่องของเรา ขอให้มันจบลงแค่นี้นะคะ คุณตาม"
หญิงสาวร่างเล็ก ได้ยืนร่ำลาทั้งที่ในห้องไม่มีใคร แววตาของเธอปนเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ภายในห้องที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทุกข์และสุข เธอได้มองไปรอบๆห้องอย่างใจหาย ก่อนจะวางมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดลงบนโต๊ะข้างๆเตียงนอน นิ้วเรียวปาดไปที่แก้ม ที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด ก่อนจะหันหลังเดินออกมา ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ
เธอกำเงินที่มีอยู่พันกว่าบาทและเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่เธออาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกจากบ้านหลังนี้โดยที่ไม่มีคนอื่นคอยตามเธอและสั่งเธอให้ซื้อของนั่นนี่ เธอไม่เคยได้ไปไหนคนเดียว ทุกครั้งที่เธอจะไปไหน ต้องมีคนอื่นไปด้วย เพราะเธอนั้น เปรียบเสมือนทาสที่ต้องอยู่เพื่อชดใช้หนี้
เธอหันหลังมองประตูรั้วและคิดว่าเธอคงไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ในตอนนี้ถึงเธอจะเสียใจ แต่อีกใจนึง เธอกลับดีใจที่ตัวเธอนั้นได้เป็นอิสละ เธอนั่งยิ้มบนรถทัวร์ในขณะที่ที่มองวิวไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหมาย หญิงสาวแต่งตัวบ้านๆได้เดินลงจากรถทัวร์และมองไปรอบๆด้วยความกลัวปนความตื่นเต้น ในตอนนี้เธอไม่มีมือถือที่จะติดต่อกับเพื่อนที่เธอนัดไว้ เธอพยายามมองหาตู้โทรศัพท์ แต่นี่มันสมัยไหนแล้ว เธอมานั่งลงบนเก้าอี้และมองไปยังผู้คนรอบๆ เพื่อหวังว่าจะเจอกับคนที่เธอนัดไว้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ท้องเริ่มร้องด้วยความหิว หญิงสาวเปิดดูกระเป๋าเงินของตัวเองที่ในตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ร้อยบาท เธอใช้เงินไปกับการเดินทางมาที่นี่ และตอนนี้เธอเริ่มกังวลว่าเพื่อนเธอจะทิ้งเธอ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เธอคงตายแน่ๆ เธอนั้นตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ เพื่อนคนนี้คือที่พึ่งเดียวที่เธอมีอยู่
"มะลิ" ในขณะที่ที่จิตใจเริ่มกะวนกะวาย ก็มีคนเรียกชื่อเธอ เสียงที่เธอรอคอย
หญิงสาวเงยหน้ามองที่ต้นเสียงทั้งๆที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัว
"ใยไหม" เสียงได้ลอดออกจากลำคอที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ได้ไหลลงมาอาบแก้มที่ไร้เครื่องสำอาง
"ขอโทษทีมะลิ" ไยไหมรีบโผกอดเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด ที่เธอมาสายจนทำให้เพื่อนขวัญเสีย
"ฉันนึกว่าแกจะทิ้งฉันไปอีกคนแล้ว" หญิงสาวที่ร้องไห้ได้โผเข้ากอดกลับอีกฝ่าย
ทั้งสองปลอบใจกันอยู่สักพัก จนมะลิหันไปเห็นชายหนุ่มที่ยืนมองทั้งสองอยู่ เธอรีบเช็ดน้ำตาอย่างร้อนรน
"พี่กล้า อย่ามองแบบนั้นสิ มะลิเค้ากลัวหมด"
"รีบไปขึ้นรถกันเถอะ เดี่ยวจะมืดไปกว่านี้" ชายหนุ่มพูดพร้อมก้มไปหยิบกระเป๋าเก่าๆที่วางอยู่ข้างๆ
"ไม่เป็นไรค่ะพี่กล้า มะลิถือเองดีกว่า" มะลิรีบคว้ากระเป๋ามาถือไว้ด้วยความเกรงใจ
"ไม่เป็นไร เดี่ยวพี่ช่วย มะลิมีกระเป๋าใบเดียวหรอ" ชายหนุ่มยิ้มและถามกลับอย่างสุขุม
"ค่ะ "
......................................................
(ในรถ)
"ขอโทษทีนะมะลิ ที่พี่กับไยไหมมารับช้า " กล้าพูดและมองมะลิด้วยแววตาที่อ่อนโยน มะลิได้ยิ้มตอบโดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ สำหรับเธอนั้น แค่พวกเขามารับตามนัดหมาย ก็ดีใจมากแล้ว
"แหมพี่กล้าพูดเพราะจังเลยนะ" ไยไหมอดแซวเพื่อนชายไม่ได้ที่มักจะพูดเพราะและอ่อนโยนกับมะลิเสมอ ทั้งสามเป็นเพื่อนกันตอนเรียนม.ปลาย โดยที่กล้ากับไยไหมนั้นบ้านไกล้กันและทั้งสองบ้านยังร่วมกันทำไร่และรีสร์อท ทั้งสองเลยสนิทกันและมักจะเทลาะกันอยู่เสมอ
"พี่ก็เป็นแบบนี้เป็นปรกติอยู่แล้ว "
ไยไหมได้แต่ทำหน้าล้อเลียนอีกฝ่าย จนชายหนุ่มนั้นส่ายหน้าหนี
"ว่าแต่ทำไมคนบ้านนั้นถึงปล่อยให้มะลิเป็นอิสละล่ะ " กล้าได้ถามขึ้น ไยไหมที่ได้ยินก็รีบตบไปที่ไหล่ของกล้าที่ถามอะไรแบบนี้
"คือ คุณหญิงบอกว่ามะลิชดใช้หนี้หมดแล้วค่ะ"
"ออ แบบนี้เอง คุณหญิงนี่ บทจะปล่อย ก็ปล่อยง่ายดีนะ"
"มะลิไม่มีใคร ไม่รู้จักใคร เลยลองโทรหาเบอร์ที่ไยไหมเคยให้ไว้ โชคดีที่ไยไหมยังใช้อยู่" มะลิพูดด้วยแววตาที่เศร้า ไยไหมได้แต่จับมือเพื่อนเพื่อให้กำลังใจ
"ไม่เป็นไร มะลิมาอยู่กับเราที่นี่ มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ มาช่วยเราทำรีสร์อท มะลิเรียนเก่ง เราเชื่อว่ามะลิทำได้"
"จริงหรอ ไยไหมจะให้เราอยู่ที่นี่จริงหรอ"
"อือ "
"ขอบใจนะ มะลิสัญญา มะลิจะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำตัวให้เป็นภาระของไยไหมเลย"
มะลิขอบคุณไยไหมด้วยสีหน้าแววตาที่มีความสุข กล้าได้แต่มองมะลิจนเผลอยิ้มออกมา สายตาที่กล้ามองมะลินั้น มันไม่ใช่สายตาที่มองเพื่อน
...........,,,(สองเดือนผ่านไป)...................
มะลิได้มาทำงานที่รีสร์อท จากหญิงสาววัยรุ่นที่มีความโศกเศร้าจนส่งผ่านออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เคยยิ้มแย้ม ในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขหน้าตาที่ยิ้มแย้ม จากคนที่ไม่เคยมีความมั่นใจ ในตอนนี้กลับกลายเป็นหัวหน้าที่คอยดูแลลูกน้องและโชว์ศักยภาพของตัวเองได้เต็มที่ จนทำให้รีสร์อทและสวนของครอบครัวกล้าและไยไหมไปได้ดีอย่างรวดเร็ว ทั้งสามร่วมด้วยช่วยกันทำงานด้วยกันอย่างเป็นระบบ จนทำให้เริ่มมีชื่อเสียง ทุกอย่างนั้นไปได้ดีอย่างก้าวกระโดด กล้ากับไยไหมมักจะพามะลิไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา เพราะมะลินั้นบ้างานเป็นที่สุด กล้าเริ่มลุกจีบมะลิอย่างชัดเจนขึ้น แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ตัวเลย
"หัดดื่มบ้างสิมะลิ" ไยไหมได้ส่งซิกไปยังแก้วที่วางอยู่ตรงหน้ามะลิ
"ไม่เอา ขมจะตาย" มะลิตอบกลับด้วยความซื่อ ถึงเธอจะเป็นหญิงเก่ง แต่เรื่องของมึนเมานั้นเธอเข้าไม่ถึงจริงๆ
"พีกล้าไปไหนของเค้านะ "
"ทำไม คิดถึงหรอ" มะลิที่มองออกว่าเพื่อนสนิทของตนนั้นแอบมีใจให้กลับกล้า ถึงจะทำท่าทีรำคาญและชอบชวนเทลาะ แต่เธอนั้นรู้ใจเพื่อนตัวเองดี
"บ้าหรอ" ไยไหมรีบยกเหล้าขึ้นก่อนจะกระดกจนหมดแก้วแก้เขิน
.......................……............................
"ต้องเป็นพี่กล้าที่มารับและคอยพาเราสองคนกลับ ขอบคุณนะคะ" มะลิได้ขอบคุณพี่กล้าพี่ชายที่เธอนั้นเคารพ กล้าแบกไยไหมขึ้นหลังระหว่างเดินเข้าบ้าน เพราะทั้งสามแอบไปเที่ยวจนดึก เลยไม่กล้าที่จะขับรถเข้ามาในบ้าน กล้าเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแบกคนเมาเข้าบ้านให้ได้เงียบที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น กล้ากลับดีใจ ที่ระหว่างทางเดินเขาได้คุยกับมะลิหญิงสาวที่เขาแอบรักและพยายามพิชิตใจเธออยู่ถึงแม้เหมือนเธอนั้นจะมีกำแพงปิดกั้น แต่เขานั้นก็จะพยายาม
"ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ พี่ชอบเวลาที่ได้อยู่กับมะลินะ"
"พี่กล้า" มะลิที่ได้ยินแบบนั้น เธอรู้ความหมายของเขาดี แต่ในตอนนี้ เธอยังไม่พร้อม
"ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่แค่อยากให้เรารู้ไว้ "
"แต่มะลิ เคารพพี่กล้าเหมือนพี่ชายคนนึง ไม่ได้..."
"อย่าพึ่งรีบปฏิเสธพี่สิ ให้เวลาพี่หน่อย ให้พี่กับมะลิเราได้รู้จักกันมากขึ้น ถึงตอนนั้นค่อยปฏิเสธพี่ก็ไม่สาย"
มะลิไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอนั้นไม่กล้าเปิดใจให้ใครในตอนนี้ เพราะความรักครั้งเก่า มันยังคงฝังใจเธออยู่
......................................................
(เช้าวันถัดมา)
มะลิตื่นแต่เช้าเหมือนทุกๆวัน ถึงแม้เธอนั้นจะไปเที่ยวจนดึกหรือทำงานจนดึกแค่ไหน แต่เธอมักจะตื่นเช้าและเข้างานก่อนคนงานอยู่เสมอ สำหรับคนอื่นอาจจะดูว่าเธอนั้นหักโหม แต่สำหรับเธอนั้นมันเป็นเรื่องปรกติ ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอทำงานเป็นคนใช้ เธอจะต้องตื่นไปตลาดตั้งแต่ตีสาม บางทีกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปสี่ห้าทุ่ม เพราะคุณหญิงมักจะแกล้งใช้เธอทำงานจนดึกอยูเป็นประจำ
"เข้าไร่แต่เช้าเลยนะ" ไยไหมที่ยังมีสีหน้าเมาค้างได้ทักทายเพื่อนสาวในขณะที่ตัวเองยังหาวอยู่
"วันนี้เราต้องไปดูรีสร์อทพี่กล้าด้วย เลยต้องรีบเครียงาน แล้วสั่งงานคนงานไว้ "
"แกไปคนเดียวได้ไหม ขอฉันงีบอีกนิด"
"เดี่ยวพ่อกับแม่แกจับได้ แกจะโดนทำโทษให้ไปเก็บขี้วัวขี้ม้าในไร่เอานะ"
"มะลิ!!!!!!!"
ระหว่างที่พูดแซวเพื่อสาว มะลิได้วูบจนเป็นลมไป ไยไหมเลยต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล
มะลิได้ลืมตาขึ้นก่อนมองไปรอบๆที่เต็มไปด้วยเตียง เธอรู้และเข้าใจได้ทันทีว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล
"สงสัยนอนน้อย" มะลิได้บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากเตียง พยาบาลเลยรีบวิ่งเข้ามาประคองอย่างร้อนรน
"อย่าพึ่งขยับค่ะคนไข้ นอนพักก่อนนะคะ เดี่ยวพยาบาลไปตามญาติให้"
"ค่ะ" มะลิได้แต่ตอบตกลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผ่านไปไม่ถึงนาที ไยไหมได้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไหร่
"มะลิแกเป็นไงบ้าง"
"ดีขึ้นแล้ว ขอบใจแกมากนะ"
"อือ วันหลังก็อย่าหักโหมอีกล่ะ"
"ไม่หรอก ฉันแค่นอนน้อย"
"คือตอนนี้แกต้องพักผ่อนเยอะๆแล้วนะ "
"จร้าา ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย แค่พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนสักหน่อยเดี่ยวก็ดีขึ้น"
"คือหมอบอกว่าแกกำลังท้อง"
"ห๊ะ อะไรนะ!!!!!"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเพื่อนสาว เหมือนโลกทั้งใบของเธอได้หยุดหมุน เธอนั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าตัวเองจะโชคร้ายซ้ำซ้อนแบบนี้
"ท้อง!!"
.................................................,
ถ้าชีวิตจริงมันง่าย คงไม่มีใครเจ็บปวดเพราะอดีตหรอก "เรารักกันมาตั้งนาน แล้วมันไม่รักกันตอนไหนวะ" เธอพร่ำพรรณาคร่ำครวญถึงวันวานที่แสนสุขตอนนี้กลับกลายเป็นความขมขื่น อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของหญิงสาวดับมอด เธอกลายเป็นคนชั่วทั้งที่เธอทำมันไปเพราะความรัก แล้วทำไมถึงไม่ได้รักตอบกลับมา
แพน เด็กสาวที่ถูกแม่เลี้ยงขายให้กับเศรษฐี เพื่อแลกกับการปลดหนี้ในครอบครัว ในวันที่หลีกหนีความชิบหายไม่พ้นก็ยังมาซวยเจอเขา เขาที่ทำร้ายน้ำใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ -เอากับเธอให้กูดูหน่อย- เนื้อเรื่องบางส่วน "เธอจะเรียกร้องสิทธิอะไร เธอลืมไปแล้วหรอ ว่าเราจ่ายค่าตัวเธอไปเท่าไหร่ แล้วเราซื้อตัวเธอมาเพื่ออะไร" น้ำเสียงถามกลับอย่างเย้ยหยัน ทำให้คนใต้ร่างน้ำตาคลอ -ชีวิตที่น่าสมเพช-
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี