ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อกลับต้องมาชดใช้ให้อสูรหนุ่มใจร้ายเช่นเขา ท่ามกลางความร้ายกาจบทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้กลายเป็นกรงขังเหนี่ยวรั้งหัวใจเธอไว้กับเขาตลอดกาล “เธอคิดว่าความสาวของเธอมันมีค่ากับฉันงั้นเหรอปรางอินท์” ปรางอินท์ผงะห่างโดยอัตโนมัติ คำพูดเหยียดหยามและการดูแคลนในสายตาคมเหมือนกับมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจจนย่อยยับ เหลือทิ้งไว้เพียงแผลที่กำลังอักเสบ “จะบอกอะไรให้เอาบุญนะคนสวย ฉันแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคือเกมและการแก้แค้นที่หอมหวานว่ามั้ย อย่างน้อยเธอมันก็ยังดีกว่าผู้หญิงขายบริการอยู่หน่อยๆ หึหึ แม่สาวเวอจิ้นเธอคิดว่าจะเอาสิ่งนี้มาทดแทนสิ่งที่พี่เธอทำกับชีวิตพี่ชายของฉันได้รึยังไง” ประโยคท้ายๆ เสียงของชายหนุ่มดังลั่นขึ้นจนกลายเป็นตะคอกเสียงก้องห้อง ตาคมลุกโรจน์ราวกับไฟ “คนสารเลว ไอ้คนชั่วช้าสามานย์” หญิงสาวตะโกนสวนกลับเช่นเดียวกัน เธอกำลังนึกเสียใจทำไมคนดีๆ อย่างภาคิไนยจะต้องมาเจ็บตัว น่าจะเป็นผู้ชายตรงหน้านี่ต่างหากที่น่าจะตายๆ ไปซะ ภาคินเลิกคิ้วสูง เรียวปากเข้มหยักยิ้ม ยิ้มที่คนมองถึงกับเสียงสันหลังวาบด้วยความกลัวจนเผลอถอยหลังออกห่างใบหน้าที่โน้มอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งศอก “อย่าปากเก่งให้มากนัก รู้มั้ยว่าฉันมีวิธีจัดการกับคนปากเก่งยังไงบ้าง รึว่าอยากจะลอง ปรางอินท์ฉันบอกให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำ เพราะเธอคือเหยื่อที่ฉันตะครุบมาได้แทนพี่สาวของเธอ” “ไม่ ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น คอยดูนะมีโอกาสเมื่อไหร่ฉันจะหนีไปจากที่นี่” “ฮ่าๆๆ เอาเลยคนสวย แต่ขอเตือนนิดนะ ที่นี่กว้างเป็นพันไร่ ถ้าคิดว่าจะพ้นสายตาคนงานของฉันไปได้ก็เอา แล้วหนุ่มๆ ที่นี่ล้วนแล้วแต่กลัดมันกันทั้งนั้น มันออกจะห่างไกลความเจริญไปสักหน่อยน่ะนะ นานๆ พวกมันจึงจะได้เข้าเมืองไปหาสาวๆ มากอดแก้หนาวระบายอารมณ์ดิบสักที อ้อ...ที่สำคัญ เมื่อไหร่ที่เธอก้าวพ้นไปจากที่นี่ วันนั้นพี่สาวของเธอจะต้องมาอยู่ที่นี่แทน ไปสิไปเล้ย”
“ศาลขอพิพากษาตัดสินโทษจำเลยโดยให้จำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานฉ้อโกงและเป็นผู้บงการสังหารพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้”
“พ่อ...พ่อขา...พ่อ!!”
เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจ ปลุกให้ นางสาวปรางอินท์ กรกรัณฑ์รัตน์ สะดุ้งตื่น เมื่อเห็นบุคคลที่นอนใกล้ๆ กำลังดิ้นทุรนทุราย หญิงสาวจึงเอื้อมมือไปเขย่า เพื่อปลุกให้ผู้เป็นพี่สาวตื่นจากฝันร้าย
“พี่...พี่ดาว พี่ดาว”
นางสาวดาราวดี กรกรัณฑ์รัตน์ ทะลึ่งตัวจากที่นอนในสภาพที่เหงื่อโทรมกาย เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพลายบนใบหน้า ก่อนจะซุกหน้ากับสองฝ่ามือ เธอมักจะฝันแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่อายุสิบห้า ความฝันและความจริงอันเลวร้ายตามหลอกหลอนเธอไม่จบไม่สิ้นนับแต่วันนั้น วันที่เธอต้องสูญเสียบิดาผู้ให้กำเนิด สังคมกล่าวหาและตัดสินโทษของท่าน ทั้งที่ในความจริงแล้ว นายอาทิตย์ รุ่งรัตน์เกรียงไกร ไม่ได้ทำความผิดอันใดเลยแม้แต่น้อย แต่เนื่องด้วยพยานหลักฐานไม่เพียงพอทำให้พ่อของเธอแพ้คดีและถูกตัดสินโทษ
ดวงตาคู่สวยของหญิงสาววาวโรจน์ขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ พ่อไม่ได้เพียงแพ้คดีแต่ท่านยังถูกฆ่าตายในคุก แล้วปีต่อมาแม่ของพวกเธอ นางดาริกา รุ่งรัตน์เกรียงไกร ก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน ดาราวดียังจำได้ดีถึงสีหน้าและแววตาของคนพวกนั้น คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของพ่อ ความเจ็บแค้นอย่างหาที่สุดมิได้ได้ฝังลงในจิตใจของหญิงสาวตั้งแต่วันนั้น คนพวกนั้นจะต้องชดใช้...
“พี่ดาวฝันร้ายอีกแล้ว”
ปรางอินท์พูดเสียงแผ่ว ใบหน้างดงามหากแต่อ่อนวัยกว่าหม่นหมองเลย เธอรู้ดีว่าอะไรที่ทำให้พี่สาวที่น่ารักของเธอต้องเป็นแบบนี้ เหตุการณ์ร้ายๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน
“ยายปราง”
ดาราวดีสวมกอดน้องสาวเพียงคนเดียวที่นั่งข้างๆ บนเตียงนอนด้วยความรักพลางส่งยิ้มเนือยๆ ให้ เสียงทอดถอนหายใจอันหนักหน่วงตามมาด้วยมืออบอุ่นที่ลูบผมสลวยด้วยความรักและห่วงใย
“ปรางอยากให้พี่ดาวลืมเรื่องพวกนี้ไปเสียนะคะ ยังไงซะเรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” น้องสาววัยยี่สิบห้าบอกเสียงแผ่ว
“ไม่...ยายปราง คนพวกนั้นมันจะต้องชดใช้ที่ทำกับครอบครัวเราแบบนี้” เสียงหวานแข็งขึ้น เมื่อดวงหน้าคมสวยเงยขึ้นมองสบตากับน้องสาว
“พี่จะไม่ยอมให้คนพวกนั้นมีความสุข ตราบใดที่พวกเขากำลังเหยียบย่ำอยู่บนความทุกข์ของเรา เธอลืมไปแล้วรึไง เราสองคนต้องกลายเป็นเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด ขาดพ่อขาดแม่ ไร้ญาติขาดมิตร”
“ปรางไม่เคยลืมค่ะ แต่ความแค้นมันกำลังทำให้พี่ดาวเป็นทุกข์ ปรางสงสารพี่” ปรางอินท์บอกเสียงแผ่ว
“พี่รู้ ปรางไม่ต้องห่วง พี่จะจบเรื่องนี้ในเร็ววันนี่แหละ”
“พี่ดาว...อย่าบอกนะคะว่าพี่ได้ทำมันลงไปแล้ว” ผู้เป็นน้องครางทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่” ดาราวดีตอบเสียงเด็ดเดี่ยว ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ พรุ่งนี้ ภาคิไนย อัศวเรืองยศ จะต้องพังพินาศ ตระกูลอัศวเรืองยศถึงเวลาที่ต้องพบกับการสูญเสียบ้างแล้ว
“พี่ดาว...แล้วพี่ไนยล่ะคะ พี่สองคนรักกันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ ทุกอย่างมันคือการแก้แค้นเท่านั้นปราง ทุกสิ่งที่พี่ทำเพื่อต้องการทำลายพวกมันเท่านั้น” ดาราวดีย้ำชัดเจนหนักแน่น ทว่าภายในใจกำลังแกว่งไกวอย่างรุนแรงเช่นกัน
ปรางอินท์มองแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจด้วยความสงสาร ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกนึกแค้นเคืองคนพวกนั้น แต่ปรางอินท์ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น หญิงสาวปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปกฎแห่งเวรกรรม เพราะเธอได้เห็นแล้วว่าคนที่จมอยู่กับความเจ้าคิดเจ้าแค้น ไฟแค้นนั้นมันก่อให้เกิดความทุกข์และความทรมานแก่ดาราวดีมากมายเพียงไหน
ดาราวดีเมินหน้าไปทางอื่นเพื่อปิดบังดวงตาที่หม่นวูบลงของตนเอง เธอควรที่จะดีอกดีใจ จะต้องไปรู้สึกเสียใจให้คนพวกนั้นทำไม สำหรับภาคิไนยนั้น เธอไม่เถียงไม่แย้งว่าเขาไม่ใช่คนดี เขาดีเยี่ยม ชายหนุ่มคอยดูแลเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอดนับแต่ที่ดาราวดีได้ก้าวเท้าเข้าสู่บริษัทของเขาในฐานะเลขาส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูง บริษัทที่ผลิตเพื่อจำหน่ายและส่งออกสินค้าเพื่อสุขภาพ บริษัท พี.เค.เอ็น เนเจอรัล กรุ๊ป จำกัด กำลังเติบโตอย่างเต็มที่ เพราะสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามล้วนได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากนี้พวกเขายังได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอีกด้วย
เรื่องราวมากมายผุดขึ้นมาในความทรงจำ ราวกับหนังเล่นซ้ำ ดาราวดีและปรางอินท์ได้เปลี่ยนนามสกุลหลังจากสิ้นพ่อและแม่ สิ่งเหล่านั้นเพื่อความปลอดภัยของเธอกับน้องสาวนั่นเอง นายภาวิชพ่อของภาคิไนยไม่ยอมรามือง่ายๆ ตลอดเวลาหนึ่งปี พวกเธอกับแม่อยู่กันด้วยความหวาดผวา เพราะนายภาวิชส่งพวกมือปืนมาคอยข่มขู่ตลอด ดาราวดีจึงตัดสินใจพาน้องสาวย้ายไปอยู่ที่อื่นหลังจากมารดาเสียไป จากเงินที่เหลือเก็บเพียงน้อยนิด เธอทั้งสองต้องอดทนเรียนและทำงานไปด้วย กระนั้นปรางอินท์ก็ไม่เคยปริปากบ่นถึงความลำบากนี้ หากเธอยังโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากนภาผู้เป็นป้า นภานั้นเป็นพี่สาวของบิดา ด้วยที่ว่าคุณป้าของเธอได้จดทะเบียนสมรสกับสามี และเธอเป็นลูกคนละแม่กับบิดาของพวกเธอ จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก เพราะป้านภาใช้นามสกุลแม่ของเธอเอง เมื่อเกิดเรื่องป้านภา และ นาวาผู้เป็นลูกชายจึงแนะนำว่าทั้งสองสาวควรจะเปลี่ยนนามสกุลเสีย ปกปิดว่าตนเองเป็นใครและย้ายไปอยู่ที่ที่คนพวกนี้จะหาไม่เจอ ทั้งเธอและน้องจึงได้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
“พี่จองตั๋วเครื่องบินไปนิวซีแลนด์สองใบสำหรับเรา เย็นวันนี้เราจะออกเดินทาง”
“ทำไมคะ” ปรางอินท์อุทานอย่างไม่เข้าใจ มองหน้าพี่สาวอย่างฉงน
ดาราวดียิ้มมุมปาก ร่างงดงามด้วยวัยสาวสะพรั่ง สิบสามปีแห่งการรอคอย วันนี้ดาราวดีในวัยยี่สิบแปด เธอทนและเฝ้ารอ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วงก็ไม่มีความจำเป็นอะไรให้เธอต้องอยู่ที่นี่อีก บวกกับจำนวนเงินที่ถูกโอนเข้าสู่บัญชีของเธอวันก่อนนั้นเป็นจำนวนที่มากเอาการ ขนาดที่ว่าเธอสองคนสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้สบายๆ
“ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องอยู่ที่นี่แล้วน่ะสิปราง นอกจากพี่จะทำลายพวกมันได้ พี่ยังได้เงินจากงานคราวนี้อีกมากพอที่จะทำให้เราสองคนสบายไปทั้งชาติ”
“พี่ดาว...แต่ปราง”
‘ผู้หญิงของเขา’ สิทธิ์ที่ไม่คิดหยิบยื่นให้ใคร ไม่ได้มีไว้แลกหรือแจกแถมฟรี ทว่าหญิงสาวชาวไทยนามว่า รติรส กลับดิ้นรนหนีและปฏิเสธการรับสิทธิ์นี้อย่างสิ้นเยื่อขาดใจ เธอหนีไปพร้อมขโมยหัวใจของเขาไปทั้งดวง... เดนิม อิสมาอิล แทบคลั่ง... ความรักกับผลประโยชน์ตีกันจนยุ่งเหยิง แต่เมื่อกายปรารถนา การลงทัณฑ์อันแสนหวามจึงเริ่มต้นขึ้น “คุณมันเลว” เธอเค้นเสียงว่า ตาวาววับด้วยความโกรธเกลียด ดิ้นรนหนีมือหยาบหนาข้างนั้นสุดฤทธิ์ แต่สองมือถูกจับ ร่างกายถูกทาบทับครึ่งๆ มันทำให้รติรสทำอย่างใจคิดไม่ได้ เรียวปากเข้มกดยิ้ม ชายหนุ่มหาได้เอะใจกับความเกรี้ยวกราดนั้นไม่ ในหัวของเขาตอนนี้รับรู้แต่ความหอมกรุ่นจากร่างนุ่มเนียน มารยาสาไถยต่างๆ เขาไม่สนใจ เดนิมจะคิดเห็นเป็นอะไรไปได้ นอกเสียจากว่าลุงและหลานคู่นี้เต็มใจเดินทางมากับเขาเพื่อเสนอ... และเขากำลังสนองความต้องการของพวกเธออยู่นี่ยังไง “ธุรกิจ... มีแต่คำว่าได้กับเสีย คำว่าเลวของเธอมันใช้ไม่ได้หรอกคนสวย”
กติกาคือ กอดได้แต่ห้ามรัก เมื่อหัวใจถลำรัก เธอควรฉีกกติกานั้นหรือถอยห่างจากกันดี “มนเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นที่ต้องได้รับการบำบัด” “ยังไง” สายตาคมไหวเหมือนจะยิ้มได้ ทำมนสิชาหน้าร้อนผ่าว ทั้งที่นั่งอยู่ในห้องแอร์ กลับเหมือนมีเปลวแดดมาลูบแก้มให้ร้อนวูบวาบ สีหน้าและลักษณะการเอียงคอมองอย่างใคร่รู้ของหญิงสาวชวนให้หนุ่มทั้งแท่ง เลือดร้อนฉ่าใคร่ลงมือสาธิตการบำบัดเสียเดี๋ยวนี้ “อย่าทำหน้าแบบนั้น” “แบบไหน” เธอนิ่วหน้า งงจัดจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งมารยา กฤษฎิ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กวาดสายตายิ้มได้ ลูบไล้นวลแก้มละมุนที่เริ่มซับสีเรื่อ แล้ววกกลับมาสบตาคู่งาม “แบบที่กำลังมอง สนใจ ใคร่รู้ มันทำให้ผู้ชายเกิดอารมณ์ ไม่รู้หรือ” บ้าจริง! มนสิชาหน้าม้าน หลบตาวูบ เบี่ยงหน้าหนีจากใบหน้าคมเข้มอย่างรวดเร็ว ใจหวามไหว ทำลมหายใจติดขัด เสียงหัวเราะที่ดังจากลำคอหนาเบาๆ ยิ่งสร้างความอับอายแก่เธอ ตาคมหรี่หลุบทอดมองนวลแก้มปลั่ง เขารู้ว่าเธออายจริงๆ ไม่ใช่มารยาหญิงแบบผู้หญิงที่เคยเจอ แบบนี้แหละที่เขาสนใจ ขี้อายแต่อยากรู้ บางครั้งเข้าใจยากแต่...น่าเอาเป็นบ้า!
เรือคาสิโนลำงามได้เข้ามาเปิดให้บริการยังประเทศไทยเป็นครั้งแรก เจ้าเของเรืออย่าง อัลแบร์โต วินเซนโซ อัจไบร์จาร์ ไม่เคยคิดเลยว่าจิ้งจอกร้ายอย่างเขาจะต้องมาตกบ่วงเสน่หาของสาวน้อยสาวไทยอย่างสิตาพร เพียงได้เห็นเธอครั้งแรก ชายหนุ่มก็ปรารถนาสิตาพรจนยากจะหักห้าม เธอมากับน้าสาวและน้าเขยผู้ติดการพนัน เมื่อน้าสาวของเธอติดหนี้เขาหลายล้าน ชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอให้ยกสิตาพรให้เขาเพื่อแลกกับหนี้ในครั้งนี้ ในวันที่เรือจะออกจากประเทศไทย สิตาพรก็กลายเป็นสมบัติบรรณาการของเจ้าของเรือหนุ่ม “เคยดูสารคดีสัตว์โลกน่ารักไหมน้ำหวาน เนื้อที่เข้าปากเสือ อ้อยที่เข้าปากช้าง เธอคิดว่ามันจะยอมคายง่ายๆ ไหมแม่สาวเวอจิ้น” สิตาพรแก้มแดงแช้ด คำเรียกขานของเขาสร้างความร้อนผ่าวทั่วใบหน้า ตาคมดุเอาจริงทำให้สาวน้อยใจสั่นทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าห้ามกลัวเขา ห้ามทำให้เขารู้ว่าเธอหวาดหวั่นแค่ไหน “อย่ามาเรียกหนูแบบนี้นะ คนแก่โรคจิต ถามจริงเถอะโลกนี้ไม่มีใครเอาแล้วหรือไงถึงได้มาตามตอแยหนูแบบนี้” สาวน้อยแหวเข้าให้ คำพูดเธอเรียกรอยยิ้มขำจากปากเข้ม ยิ้มที่เกิดที่ปากและส่งไม่ถึงดวงตาคม
เมื่อรักเข้ามาเคาะประตูหัวใจหนุ่มหล่อเจ้าของสายการบินคนดังให้มันรุ่มร้อนจนทนไม่ไหว เขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้ตัวเธอมา สาวใสไร้เดียงสากลับหวาดผวาเมื่อเจอความต้องการแบบชายหญิงเข้า ชายหนุ่มจึงต้องหยุดตัวเองแล้วค่อยๆ เริ่มบทเรียนสอนรัก ที่ทั้งหวานและเร่าร้อนมากขึ้นตามลำดับ เธอกำลังจะตาย... ปัทมณฑ์บอกตัวเองในความพร่างพร่า ความรัญจวนที่เขามอบให้มันมากมายจนทรมานไปหมด เรือนกายสาวในวัยแรกสวยบิดเร้า บางครั้งดิ้นรน สองมือเรียวสอดแทรกเข้าไปในเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวแค่ครึ่งนิ้ว เผลอกอบกำดึงทึ้งไปก็หลายหนเพื่อระบายอารมณ์หวาม เธอทรมานเหมือนจะตาย แต่ถ้าเขาหยุดเธอคงเหมือนตายทั้งเป็น อารมณ์ลึกถูกปลุกขึ้นโดยชายหนุ่ม และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะหยุดมันลงได้ “พี่ไรอัน...ลูกปัด...ทนไม่ไหว” “ต้องได้สิคนเก่ง...พี่บอกแล้ว ถึงเธอจะร้องลั่นจนบ้านแตกพี่ก็ไม่มีทางหยุดอีกต่อไป ปัทมณฑ์...” ไรอันตอบเสียงขาดห้วงไม่แพ้กัน และแทนการหยุดหรือผ่อนปรน มือหนากลับยิ่งเคล้าคลึงร่างบางหนักหน่วงมากขึ้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาผลักใสเธอออกจากชีวิตอย่างร้ายกาจ ไม่ติดต่อ ไม่สนใจ ราวเธอไม่เคยมีตัวตน ปล่อยให้เธอเจ็บปวด อ้างว้างและแสนเดียวดาย กระทั่งวันนี้...วันที่ร่างกายและหัวใจเข้มแข็ง เขากลับเข้ามาเอ่ยอ้างว่า เธอคือ ‘สมบัติส่วนตัว’ ********* “คุณเคยรู้ตัวเองไหมคะว่าเป็นคนที่...เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หน้าไม่อายที่สุดในโลก” คมคายเลิกคิ้วตาเปล่งประกายพลางอมยิ้มยั่วเย้า เธอมองค้อนแล้วสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เขาจึงไล้ปลายจมูกบนแก้มนุ่มเล่น “อีกเรื่องที่เธอควรรู้” ฝ่ามือหนาเลื่อนลูบแผ่นท้องเรียบ...แผ่วเบา กายแกร่งขยับอีกครั้ง แผ่นหลังเล็กแนบแผงอกกว้าง มัลลิกากานต์หันกลับมามอง “ฉันเป็นคนหวงของมาก” “...” “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกแบบนั้น” ปากได้รูปก็เคลื่อนเข้าประกบจูบปากอิ่ม บดเบียดละเลียดลิ้มความหวานหอมที่ใจโหยหิวไม่สร่าง
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"