ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
กลางเมืองหลวงที่มากมายไปด้วยผู้คนและรถ สวนทางกันไปมา ถึงแม้จะเป็นตอนเช้าแต่ในฤดูร้อนเช่นนี้ หญิงสาวรูปร่างสมสัดส่วนสวมชุดพนักงานเดินออกจากคอนโดมิเนียม ก้าวเท้าตามเส้นทางระหว่างคอยเพื่อนสนิทมาหาทุกเช้า
ดวงตากลมโตมองผ่านกรอบแว่นบางก่อนเบิกตากว้างตกใจรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างชายชราขึ้นจากพื้น แม่ค้าใกล้ ๆ พากันเดินออกมาดูพร้อมช่วยเหลือหยิบเก้าอี้มาให้นั่ง
“คุณปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
หญิงสาวถามด้วยความตื่นตกใจ เพราะเธอเพิ่งเห็นรถมอเตอร์ไซค์วิ่งบนฟุตบาทเฉี่ยวคนแก่ล้มต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์ในครั้งนี้มีหลายคนที่เห็น และต่างต่อว่ารถคันนั้นที่ขึ้นมาวิ่งบนทางเท้า
“ปู่เคล็ดสะโพก อูยยย”
“จีนเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ทัตตกรถามพร้อมเดินมาช่วยพยุงร่างชายชราก่อนจะยื่นถุงขนมส่งให้เธอถือ
“มีมอไซค์วิ่งบนฟุตบาทเฉียวคุณปู่ล้ม แกพาไปส่งโรงพยาบาลได้ไหม” เธอหันบอกเพื่อนชายสองคิ้วขมวดยุ่งแล้วก้มมองคนร้องโอ๊ยบนพื้น
“ได้สิ คุณลุงจำเบอร์ติดต่อลูกหรือหลานได้ไหมครับ”
“ปู่มีหลานชายอยู่แต่เขาคงทำงาน ถ้าไม่รบกวนพวกหนูเกิน ไปส่งปู่ที่โรงพยาบาลก็ได้” อีกฝ่ายขอร้องสีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเม็ดเหงื่อเต็มหน้าผากแสดงชัดว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” ทัตตกรพยุงอีกฝ่ายไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่อาสาพาไปส่งและช่วยตั้งแต่แรก หลังจัดการพาคุณปู่ขึ้นรถได้ เธอก็เดินไปหาเพื่อนพร้อมหมวกกันน็อค
“จะไปด้วยเหรอ” ทัตตกรถามย้ำพร้อมมองหน้าเธอ
“อื้อ ให้เราไปด้วยนะ” เธอไม่พูดเปล่ารีบสวมหมวกแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายให้สัญญาณออกรถ
หลังมาส่งโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจดูอาการ แจ้งว่าสะโพกเคล็ดให้รับยากลับบ้านเลยก็ได้ หรือจะอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนก็ได้เช่นกัน แต่ต้องแจ้งทางญาติให้มาเฝ้า เธอจึงขอรับยาแล้วให้เพื่อนสนิทโทรหาญาติให้มาแทน
“แฟนหนูเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนกัน” จันทร์จิรายกมือปฏิเสธ
“นี่ถ้าหลานชายปู่ชอบผู้หญิง ป่านนี้คงมีเหลนให้ปู่ไปนานแล้ว” เรืองศักดิ์พูดเสียงเศร้าหันออกไปมองทางอื่นพร้อมถอนหายใจ
“คุณปู่มีหลานคนเดียวเหรอคะ”
“ลูกพี่ลูกน้องเขามีอีกสองคน แต่ละคนยังไม่มีใครแต่งงานเลย ยิ่งคนโตสุดมันยิ่งไม่ชอบผู้หญิงปู่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ปู่อยากอุ้มเหลนก่อนตาย”
จันทร์จิราเห็นใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากความเพราะเป็นเรื่องในครอบครัว และเข้าใจว่าคนแก่มักยอมรับว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ไม่ได้ปรับเปลี่ยนความคิดตามยุคสมัย
“ยาครับ ให้ผมไปส่งที่ไหนไหม” ทัตตกรเดินมาพร้อมกับถูกยาส่งให้อีกฝ่ายถือ
“ไม่เป็นไร ฉันโทรหาหลานชายให้มารับแล้ว ว่าแต่แม่หนูชื่ออะไรล่ะ”
“ชื่อจีนค่ะ คนนี้ชื่อบอมค่ะ” จันทร์จิราแนะนำตัวเองคร่าว ๆ ให้รู้จักรวมถึงงานที่ทำด้วย
“ขอบใจพวกเธอมากนะ ว่าแต่ขอเบอร์โทรได้ไหม เผื่อว่าครั้งหน้าฉันจะได้ตอบแทนถูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเต็มใจช่วย” จันทร์จิราทิ้งเบอร์โทรให้ ถึงแม้จะปฏิเสธไม่อยากได้ของตอบแทนหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ทนลูกตื้อไม่ไหว ก่อนจะแยกจากอีกฝ่ายที่หน้าโรงพยาบาล
จันทร์จิรา หญิงสาววัยยี่สิบสองปีจากบ้านเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อแม่ และไม่คิดออกตามหา เมื่อพวกเขาไม่ได้ต้องการเธอเข้าไปอยู่ในชีวิตแล้ว เธอก็เลือกเส้นทาง หลังสอบชิงทุนเรียนต่อได้สำเร็จ ก็ย้ายตัวเองออกมาอยู่ข้างนอก ทำงานหนักส่งตัวเองเรียนและเก็บออมส่งให้ทางมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้าที่เคยชุบเลี้ยง เมื่อตอนเป็นเด็กตอบแทนบุญคุณ ก่อนจะหันมาเก็บเงินเพื่อทำตามความฝันที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง
“วันนี้จะไปทำงานพาร์ทไทม์ต่อไหม” ทัตตกรมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ แล้วหันไปมองหน้าหญิงสาว ทุกเย็นเจ้าหล่อนจะออกไปทำงานเสริมหารายได้เพิ่มทั้งที่งานประจำนั้นเงินเดือนดีอยู่แล้ว อีกอย่างเธอตัวคนเดียวค่าใช้จ่ายไม่ได้หนักมากนัก
“ร้านหยุดปรับปรุงหนึ่งอาทิตย์ ฉันว่าจะหางานใหม่ทำระหว่างรอ”
“ทำงานอะไรเยอะแยะ ถ้าเงินไม่พอใช้เอาของฉันไปก็ได้”
“ไม่เอา แกก็ทำงานหาเงิน เหนื่อยกว่าจะได้แต่ละบาท และฉันก็มีเงินเก็บอยู่” จันทร์จิราบอก ความจริงที่เธออยากทำงานเพิ่มนั้นเพราะอยากซื้อบ้านที่เป็นชื่อของตัวเองไว้สักหลังเท่านั้น ดีกว่าเสียเงินเช่าคอนโดอยู่
“คิดอะไรอยู่”
“ปิดบังไม่ได้เลยสินะ” เธอก้มดูดน้ำผลไม้ปั่น “ฉันอยากเก็บเงินซื้อบ้าน”
“ดีเลย ขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ”
“ถามแบบนี้ทำไม ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง” เธอมองหน้าเพื่อนพร้อมทำคิ้วยุ่ง
“ก็ไม่ได้ให้ฟรี ฉันให้เธอยืม แล้วก็มาผ่อนไง ตกลงขาดอีกเท่าไหร่”
“ก็เยอะแหละ” หญิงสาวก้มหน้าลง พอนึกถึงเงินที่เก็บได้รวมสองปีมานี้ก็สามารถวางเงินมัดจำได้ แต่มันเป็นเงินก้อนใหญ่เวลาจะหยิบมาใช้ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
“โอเค ฉันให้ยืม แล้วเล็งที่ไหนไว้บ้าง”
จันทร์จิราส่ายหน้า “ยังเลย”
“อยากได้แบบไหน”
“ก็ประมาณ...” จันทร์จิราพูดรายละเอียดเรื่องบ้านที่อยากได้ให้ทัตตกรฟัง เธอไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ เพราะอยู่คนเดียวกลัวจะเหงาด้วยซ้ำ พอพูดแบบที่อยากได้ ทัตตกรก็เสนอโครงการหนึ่งที่เขาขับรถผ่านประจำก่อนจะนัดไปดูบ้านกันเย็นวันนั้นเลย
ด้วยความไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการซื้อบ้านในโครงการเลย ทัตตกรอาสาหาวิศวกรมาตรวจบ้านให้ จัดการทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ก่อนจะกำหนดวันทำสัญญาอีกครั้ง
ทว่าวันนัดส่งมอบกลับกลายเป็นว่าบ้านที่เธอลงทุนจ้างให้คนตรวจสอบและแก้ไขถูกขายให้คนอื่นไปแล้วในราคาที่สูงกว่า จากสีหน้าที่ดีใจตอนแรกเปลี่ยนไปทันทีพร้อมความโกรธเข้ามาแทนที่
“บ้านที่คุณจะเข้ามาจองพอดีว่ามีคนซื้อตัดหน้าไปแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลโครงการบ้านมาพร้อมกับอีกคนเดินเข้ามายกมือไหว้ยื่นกระเช้าของบำรุงและช่อดอกไม้แทนคำขอโทษ
พอได้ยินว่าบ้านถูกขายไปแล้ว ความดีใจที่มีบ้านหลังแรกก็ล่วงติดลบทันทีและแทนที่ด้วยความโกรธ แต่ก็เอาเรื่องไม่ได้เพราะบ้านถูกขายไปแล้ว
“ได้ไง พวกเรามาดูก่อน ทำไมคุณทำแบบนี้” ทัตตกรโมโหต่อว่าอีกฝ่ายที่ไร้จรรยาบรรณเสียงดัง
“เอ่อ คือพวกผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นโค้งกายขอโทษขอโพย และยังยืนยันไม่สามารถส่งมอบบ้านให้ได้ในวันนี้เสนอให้ไปดูหลังอื่นแทน
จันทร์จิราที่น้ำตาคลอทั้งเสียใจและโกรธ ไม่คิดว่าประสบการณ์การซื้อบ้านครั้งแรกจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ พอได้คำขอโทษจากอีกฝ่ายแบบลวก ๆ และไม่มีการชดเชยอะไรให้มีเพียงช่อดอกไม้กับกระเช้าที่ไม่สามารถทนแทนได้ จึงพากันกลับ แต่ยังไม่ได้ไปไหนเสียงหนึ่งเอ่ยทักขึ้น
“เอ้า พวกเธอสองคนมาทำอะไรกันที่นี่เหรอ”
พอหันกลับไปมองก็เจอเข้ากับเรืองศักดิ์เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เดินเลี่ยงไปทางอื่นแทน
“คุณปู่สวัสดีครับ พวกเรามาดูบ้านที่จอง แต่เจ้าหน้าที่บอกขายให้คนอื่นไปแล้ว” ทัตตกรบอกแล้วหันมองหน้าเจ้าหน้าที่พวกนั้น ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไป
“กลับกันเถอะ มันคงไม่ใช่บ้านฉัน” จันทร์จิรากระตุกชายเสื้อเพื่อนบอกเสียงโรยราอย่างหมดใจ ใบหน้าเศร้าหม่นหมองน่าสงสาร
ทัตตกรพยักหน้ารับ กำลังจะพาไปที่รถแต่ถูกเรืองศักดิ์ห้ามไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยว ๆ ปู่มีอยู่ที่หนึ่ง ทำเลดีมาก หนูจีนต้องชอบแน่ ๆ สนใจจะไปดูไหมล่ะ ปู่รู้จักเจ้าของโครงการเคยไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ จะขอให้เขาลดราคาพิเศษให้”
สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากัน
“เอาไง อยากไปดูไหม” ทัตตกรถามย้ำ
“อืม ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดูหน่อยก็ได้” เธอบอกอย่างสิ้นแรง
“ซื้อบ้านสร้างเรือนหอเหรอ”
คำถามนั้นทำให้คนเศร้าอยู่เบิกตากว้างหายใจสะดุดรีบปฏิเสธเสียงหลง
“แค่ก ไม่ใช่ค่ะ พวกเราไม่ได้เป็นแฟนกัน จีนอยากได้บ้านเป็นของตัวเองดีกว่าไปเช่าคอนโดอยู่ค่ะ บอมเลยอาสาพามาดู วันนี้นัดทำสัญญากันแต่บ้านถูกขายตัดหน้าไปแล้วค่ะ”
เรืองศักดิ์ยิ้มแย้มพยักหน้าเดินไปขึ้นรถตัวเองให้ทั้งสองขับตามตนไป
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
“ฉันก็แค่อยากช่วยเพื่อนให้ห่างจากผู้หญิงแบบเธอ” “ผู้หญิงแบบฉันมันเป็นยังไง” “ก็อยากได้ผัวของคนอื่นไง!!!”
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
หลินหลั่งเยี่ยน เป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ จากรัฐ เป็นสาวอัจฉริยะที่ทุกคนในองค์กรอิจฉา มีความสามารถทางการต่อสู้สูงและไม่ยอมใคร แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวฝาแฝดของเธอเพียงลำพัง หลังจากผ่านไปเจ็ดปี ในที่สุดรัฐก็อนุมัติอิสรภาพให้เธอ หัวใจของหลินเหลิงเหยียนเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง ขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่เธอกลับต้องพบว่าป้าของเธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราในบ้านพักของพ่อแม่ผู้ล่วงลับ ขณะที่น้องสาวของเธอเองกลับถูกบังคับให้นอนในคอกสุนัขและกินของเหลือ ทันใดนั้น เธอพลิกโต๊ะอาหารด้วยความโกรธ ป้าข่มขู่? เธอใช้วิธีการที่เด็ดขาดถอนตัวจากการร่วมมือ จนบริษัทของป้าพังทลายลงอย่างรวดเร็ว! การกลั่นแกล้งในโรงเรียน? เธอปลอมตัวเป็นน้องสาว เข้าไปในโรงเรียนและตัดสินใจสู้ไฟด้วยไฟ จากนั้นเธอก็ถ่ายทอดสดตอนพวกอันธพาลคุกเข่าร้องขอความเมตตา ถูกเยาะเย้ยเรื่องตัวตน? หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ฉันก็แค่คนธรรมดา” ในวินาทีถัดมา ครอบครัวที่มีชื่อเสียงมายืนยันว่า“เธอคือลูกสาวคนโตของเรา!” สถาบันวิจัยแห่งชาติ “พวกเราคือเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ!” …… ซือฮานเฟิง ผู้เป็นผู้นำของตระกูลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวในสายตาสาธารณชน ข่าวลือว่าเขาเป็นคนเยือกเย็นและไร้ความปรานี บางคนเคยเห็นเขายืนสูบบุหรี่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว และบางคนก็เห็นเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่ต่อมากลับมีคนเห็นว่าเขาไล่ตามหลินหลั่งเยี่ยนจนถึงมุมกำแพง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความไม่พอใจ “หลั่งเยี่ยน ฉันช่วยเธอจัดการพวกนั้นแล้ว เธอควรจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันบ้างไหม?” “เราไม่ใช่แค่พันธมิตรหรือ?” หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างงงงวย ซือฮานเฟิงถอนหายใจลึกๆ แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเธอ “ตอนนี้ล่ะ”
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY