หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ไร่อวัสดา กำลังตกอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก เมื่อผลประกอบการช่วงปีที่ผ่านไม่ดีเอาเสียเลย ผลไม้เน่าเสีย ราคาตกต่ำไม่พอแม้จะจ่ายค่าจ้างต่าง ๆ ทำให้ชีวิตสะดุดไปมากนัก กระทั่งเขาต้องไปกู้หนี้ยืมเงินมาหมุนเวียนในไร่ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้
ชรันตร์นั่งทำหน้ากลุ้มใจมองหน้าขุนพลลูกน้องพ่อเลี้ยงพันกร เมื่อครบกำหนดต้องชำระเงินตามสัญญา เอกสารสัญญาฉบับสำเนาถูกวางไว้ตรงหน้า
“เงินที่พ่อเลี้ยงยืมไปใกล้ถึงกำหนดคืนทั้งต้นและดอกแล้วนะ”
“ปีนี้ขาดทุน ผมไม่มีเงินคืนให้ ขอเป็นปีหน้าได้ไหม รับรองจะคืนทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” เขาพูดด้วยความมั่นใจแม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็แน่ใจว่าต้องหาเงินมาคืนให้ได้แน่นอน
“ไม่ได้ กำหนดคือสิ้นเดือนนี้ถ้าไม่เอาเงินมาคืน พ่อเลี้ยงก็เตรียมตัวย้ายออกจากที่นี่ได้เลย”
“เงินมากมายแบบนั้นผมหาคืนให้ตอนนี้ไม่ได้หรอก ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมคุณเลขา ช่วยพูดกับพ่อเลี้ยงหน่อยนะ”
“ผมคุยให้คุณมาสามครั้งแล้ว พ่อเลี้ยงกำชับมาต้องได้สิ้นเดือนนี้”
ชรันตร์ทำหน้ากลุ้มใจ ยกมือขึ้นลูบหน้า อย่างจนหนทาง ไม่ใช่
เพียงแค่เขาต้องเสียไร่ ยังต้องรับผิดชอบชีวิตคนงานที่หลายสิบคนที่ต้องขาดรายได้ และยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบุตรสาว
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าออฟฟิศในไร่ พร้อมร่างอวัสดาที่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ผู้เป็นพ่อก้าวเท้าลงมา ดวงตาสดใส ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มมองภาพตรงหน้า แม้จะเปลี่ยนไปไม่มากแต่ยังคงภาพเดิมเหมือนก่อนที่เดินทางไปเรียนต่างประเทศ
“ฉันกลับมาแล้ว” เธอเอ่ยกับสายลมพัดยามเย็น แสงสีทองจากฟากฟ้าสาดส่งกระทบกับสิ่งของ
“คุณหนู!” ปราบปลื้มที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็รีบวิ่งมาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“โตขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่าเนี่ย” เธอมองเด็กหนุ่มที่สูงใหญ่กว่าเธอมากนัก จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจอตัวไม่สูงไม่เท่าไหร่
“พี่เรียนจบแล้วเหรอ จะกลับมาอยู่ยาวเลย”
“ตั้งใจจะอยู่ช่วยงานที่นี่สักพักใหญ่เลย” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยิ้มตามแถมยังมีความกังวลใจจนเห็นได้ชัด พอได้เห็นแบบนั้นในใจก็เริ่มเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ “พ่ออยู่ไหน”
“อยู่ในห้องทำงานครับ เอ่อ คุณหนู”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
อวัสดาเดินเข้าไปในออฟฟิศผู้เป็นพ่อ ทันทีที่บานประตูเปิดกว้าง ดวงตากลมโตก็เห็นชายคนหนึ่งยืนตรงหน้าก่อนจะหลีกทางให้เธอเดินเข้ามาด้านในแล้วสวนออกไป ความสงสัยจากคำพูดของปลาบปลื้มและยังมาเห็นคนจากไร่พันกรที่นี่อีกยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“เซอร์ไพรส์ค่ะ” เธอเดินเข้าไปส่งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นพ่อแต่ต้องแปลกใจกับสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร ลูกมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนก่อนนะเดี๋ยวพ่อให้คนทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับ” ชรันตร์ฝืนยิ้มให้ เพราะไม่อยากให้ลูกสงสัย
“ขอบคุณค่ะ แต่หนูอยากเดินดูไร่ของเราก่อน”
“เอาสิ เดี๋ยวพ่อให้ปลื้มพาไปนะ” ชรันตร์บอกพยายามซ่อนพิรุธไว้
“พ่อไม่ได้มีอะไรปิดบังหนูจริง ๆ ใช่ไหมคะ” อวัสดาเปิดปากถามหลังรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเล่า แต่ก็ไม่ยอมพูด
“ไม่มี เดี๋ยวพ่อเรียกปลื้มมาหานะ” ชรันตร์เดินไปเปิดประตูเรียกหาปราบปลื้ม
เธอไม่เล้าหลือต่อความยาว ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเก็บเงียบ ก่อนเดินไปสำรวจไร่ที่เคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก เห็นการเปลี่ยนแปลงไปมาก
อวัสดาเดินมาหยุดมองวิวภูเขาสูง เริ่มเห็นกลุ่มอากาศที่ลอยจับตัวกันเป็นวงสีขาว หญิงสาวหันมองหน้าปราบปลื้มที่กำลังสนใจของที่เธอซื้อมาฝาก ก่อนจะเดินไปแย่งมาถือไว้
“ปลื้ม ที่ไร่มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ”
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปขายทิ้งให้หมด
ไม่สิเอาไปให้คนงานคนอื่นดีกว่า เผื่อว่าเขาจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น” อวัสดาหยิบป้ายราคาที่ยังติดอยู่กับตัวเสื้อขึ้นมาก่อนจะทำท่าเก็บใส่ถุง ทว่าถูกปราบปลื้มแย่งไป
“ผมบอกก็ได้ แต่พี่อย่าบอกพ่อเลี้ยงว่าผมเป็นคนพูดนะ”
ปราบปลื้มเล่าเรื่องที่พอทราบให้อีกฝ่ายฟังแม้จะลงรายละเอียดไม่ลึกมากนักแต่พอทำให้รู้ว่าไร่อวัสดากำลังตกที่นั่งลำบาก และพ่อของเธอกำลังแบกรับทุกอย่างเอาไว้
เย็นวันเดียวกัน หลังกินข้าวเสร็จเรียบร้อย อวัสดาเดินมานั่งข้างผู้เป็นพ่อที่กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่ เธอมองหน้าอีกฝ่ายชั่วครู่แล้วเอ่ยปากถาม
“พ่อช่วยเล่าเรื่องให้แพทฟังหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้นถึงต้องกู้เงินคนอื่นแบบนี้”
ชรันตร์ชะงักสิ่งที่กำลังทำอยู่ เงยหน้ามองบุตรสาวก่อนจะถอดแว่นตาลงถอนหายใจหนัก ๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาไม่อาจปิดบังลูกสาวคนนี้ได้เลย
“สามปีก่อน พ่อไปงานเลี้ยงที่อำเภอมีคนแนะนำให้คนที่จะช่วยบริหารจัดการด้านการเงินให้ พ่อหลงเชื่อให้เขาช่วยดูแล แต่สุดท้ายพ่อจับได้ว่าเขาไม่ได้ช่วย แต่โกงเงินพ่อไปจนหมด โชคดีที่คุณพันกรเข้ามาช่วยไว้ แต่พ่อมารู้ตัวก็สายแล้วพ่อต้องช่วยคนงานให้ยังมีงานมีเงินทำ” ชรันตร์เล่า พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็เจ็บใจทุกครั้ง แต่จะโทษใครได้ หากไม่ใช่ความโง่ หูเบาของตัวเอง
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ