“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
“อีพลอย มึงอยู่ไหน เอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้” เสียงยานคางดังลั่นร้านพร้อมข้าวของตกลงพื้น ตามด้วยร่างชวนเซเดินไปมาตรงในมือกอดขวดเหล้ายกขึ้นดื่มอึกใหญ่เข้ามาในร้านขายของชำขนาดเล็ก
“แม่เมามาอีกแล้วเหรอ” มัลลิกาเดินออกมาดูแล้วก้มลงเก็บข้าวของที่ตกพื้นจัดเรียงเข้าที่ตามเดิม มองชั้นวางของที่เริ่มว่างหลายที่
“กูบอกให้มึงเอาเงินมา ก็เอามาสิวะอีนี่ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ” นภสรโวยวายขึ้นอีกครั้ง
“แล้วที่ฉันให้แม่ไปล่ะ เอาไปเล่นไพ่อีกแล้วใช่ไหม”
“อีลูกเวรกล้าขึ้นเสียงใส่กูเหรอ เขาเรียกต่อทุนหมดแล้วโว้ย” นภสรยกมือขึ้น แล้วหลบสายตาเดินไปมา
“ฉันไม่มีให้หรอก ต้องเอาเงินไปซื้อของเติมเข้าร้าน”
“เงินนั่นนะเหรอกูเอาไปใช้หมดแล้ว และกูรู้ว่ามึงยังมีเงินเก็บอีก”
“ว่าไงนะ แม่เอาเงินพลอยไปใช้แล้วเหรอ แม่ทำแบบนี้ได้ไง” มัลลิกามองตาโตสองคิ้วขมวดยุ่งรีบเดินไปเปิดกล่องเงินที่เก็บแยกไว้ซื้อจ่ายในร้าน ไม่มีเงินเหลือสักบาท ก่อนจะเลื่อนเปิดเก๊ะยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้างแม้ไม่มาก เธอรีบเก็บเงินตรงนั้นใส่กระเป๋า ทิ้งตัวนั่งยกมือลูบหน้าตัวเอง อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทั้งเหนื่อยและท้อแท้
“ทำไมกูจะทำไม่ได้ อย่าลืมสิว่ากูเป็นคนให้ชีวิต ชุบเลี้ยงมึงมา หัดสำนึกข้าวแดงแกงร้อนกูบ้าง บ้านที่กูให้ซุกหัวนอนและถ้ากูรู้ว่าโตมาแล้วเถียงฉอด ๆ แบบนี้กูเอาขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้ว” นภสรถือขวดเหล้าเหวี่ยงไปมาจนหกเลอะก่อนจะเดินไปเปิดตู้แช่เย็น “อะไรกันวะ เปิดร้านขายของแต่ไม่มีเหล้าสักขวด”
มัลลิกาไม่สนใจปล่อยให้อีกฝ่ายบ่น อีกเดี๋ยวหยุดไปเอง ร่างโรยแรงใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเดินไปเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน
มัลลิกา รูปร่างทรวดทรงรูปนาฬิกาทราย ทั้งผิวพรรณและใบหน้าได้รูป สวยใส แต่มีชีวิตวัยสาวในอายุยี่สิบสี่ปีของมัลลิกาต้องจมอยู่กับแม่ที่ติดการพนันและเหล้า เธอเรียนจบเพียงแค่ม.หก อนาคตกำลังสดใสเพราะสอบชิงทุนเรียนปริญญาตรีได้แต่ต้องมาจบลงเพราะถูกแม่เอาเสื้อผ้า เอาเอกสารรายงานตัวไปเผาทิ้งจนเธอไม่สามารถเรียนได้ ต้องทำงานหาเงินมาเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ เพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ
“แม่ มากินข้าวค่ะ” มัลลิกาเดินออกมาตามมารดาตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าร้านแต่ไม่พบอีกฝ่ายเจอเพียงขวดเหล้าเปล่าที่เหลือทิ้งไว้ต่างหน้า ตอนนี้เวลาเกือบหนึ่งทุ่มคงไม่พ้นไปบ่อน
ในตอนเด็กเธอขอร้อง อ้อนวอนไม่ให้ไปแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ไปอีกจนได้ เธอเดินไปปิดร้าน แล้วเข้าไปนั่งกินข้าว แต่แล้วเสียงกุกกักด้านหน้าบ้านก็ดังขึ้น
มัลลิกาพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะกลัวว่าหากข้างนอกมีคนจริงและรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้านอีกฝ่ายจะบุกเข้ามา หญิงสาวก้าวเท้าเดินไปหยิบกระเป๋าเงินและมือถือตัวเองก่อนเสียงเรียกเข้าจากเพื่อนเธอจะดังขึ้นและนั่นทำให้คนที่อยู่ข้างนอกทุบประตูเสียงดัง
ปัง ปัง
“เปิดประตู”
เสียงห้วนห้าวน่ากลัวดังขึ้นทำให้มัลลิกาตกใจทำมือถือร่วงจนแตกกระจาย พยายามเปิดมาประกอบให้เร็วที่สุด
“ระ ร้านปิดแล้วจ้า ไว้มาพรุ่งนี้นะ” เธอทำใจดีสู้ตะโกนกลับไปก่อนจะเก็บมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องและเป็นจังหวะเดียวกับประตูร้านถูกพังเข้ามา
“จะ จะทำอะไร ออกไปจากบ้านฉันนะ”
“แม่มึงบอกพวกกูมาเอาตัวมึงไปให้เสี่ย”
“หมายความว่าไง” มัลลิกามองชายร่างใหญ่กว่าด้วยความหวาดกลัวขยับถอยห่างไปหลายก้าว หวาดกลัวอย่างที่สุด
โรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่มีคิวเข้าพักเต็มทุกเดือนด้วยทำเลที่ตั้งติดกับวิวธรรมชาติและการบริการที่ดีเยี่ยม รวมถึงห้องพักสะอาดสะอ้านเปิดต้อนรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจุดขายคือห้องอาหารในโรงแรมที่ดึงดูดความสนใจและความอยากรู้อยากลองได้เป็นอย่างดี
ถูกบริหารโดยหนุ่มหล่อสเปคสาว ๆ ที่หุ้นส่วนกับเพื่อนชาวต่างชาติ อาภากร นักธุรกิจชื่อดังในเมืองไทย และหุ้นส่วน ลูอิส เกรย์สัน หนุ่มในฝันของสาว ๆ หลายคนที่อยากได้เป็นสามี
นอกจากความร่ำรวย และมีนิสัยเย็นชา ฉลาดรู้ทันคนแล้ว ข่าวเม้าส์ในวงในเรื่องบนเตียงก็แซบไม่แพ้กัน และตอนนี้เขากำลังหาสาวที่จะมาเป็นแม่พันธุ์ให้เขา
“เป็นไง เดินทางเหนื่อยไหม ฉันให้พนักงานเตรียมห้องกับอาหารให้แล้ว”
“ขอบใจ แต่ฉันอยากเดินดูรอบ ๆ โรงแรมก่อน”
“ตามสบาย ฉันโดนตามตัวด่วน นายมีอะไรโทรมาแล้วกัน” อาภากรยกมือถือที่ยังคาสาย
“อืม” ลูอิสพยักหน้าแล้วเดินออกไปตามด้วยลูกน้อง
โรงแรมนี้เขาวางเงินร่วมหุ้นกับเพื่อน ช่วยตรวจสอบการออกแบบและกฎเกณฑ์การรับพนักงานมีการฝึกอบรมการให้บริการเหมือนโรงแรมดังต่างประเทศ รวมถึงทำเลที่นี่ดี ชายหนุ่มเดินออกมาสูดอากาศด้านนอกมีต้นไม้ที่ตัดแต่งกิ่งใบเรียบร้อย
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"