“อีพลอย มึงอยู่ไหน เอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้” เสียงยานคางดังลั่นร้านพร้อมข้าวของตกลงพื้น ตามด้วยร่างชวนเซเดินไปมาตรงในมือกอดขวดเหล้ายกขึ้นดื่มอึกใหญ่เข้ามาในร้านขายของชำขนาดเล็ก
“แม่เมามาอีกแล้วเหรอ” มัลลิกาเดินออกมาดูแล้วก้มลงเก็บข้าวของที่ตกพื้นจัดเรียงเข้าที่ตามเดิม มองชั้นวางของที่เริ่มว่างหลายที่
“กูบอกให้มึงเอาเงินมา ก็เอามาสิวะอีนี่ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ” นภสรโวยวายขึ้นอีกครั้ง
“แล้วที่ฉันให้แม่ไปล่ะ เอาไปเล่นไพ่อีกแล้วใช่ไหม”
“อีลูกเวรกล้าขึ้นเสียงใส่กูเหรอ เขาเรียกต่อทุนหมดแล้วโว้ย” นภสรยกมือขึ้น แล้วหลบสายตาเดินไปมา
“ฉันไม่มีให้หรอก ต้องเอาเงินไปซื้อของเติมเข้าร้าน”
“เงินนั่นนะเหรอกูเอาไปใช้หมดแล้ว และกูรู้ว่ามึงยังมีเงินเก็บอีก”
“ว่าไงนะ แม่เอาเงินพลอยไปใช้แล้วเหรอ แม่ทำแบบนี้ได้ไง” มัลลิกามองตาโตสองคิ้วขมวดยุ่งรีบเดินไปเปิดกล่องเงินที่เก็บแยกไว้ซื้อจ่ายในร้าน ไม่มีเงินเหลือสักบาท ก่อนจะเลื่อนเปิดเก๊ะยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้างแม้ไม่มาก เธอรีบเก็บเงินตรงนั้นใส่กระเป๋า ทิ้งตัวนั่งยกมือลูบหน้าตัวเอง อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทั้งเหนื่อยและท้อแท้
“ทำไมกูจะทำไม่ได้ อย่าลืมสิว่ากูเป็นคนให้ชีวิต ชุบเลี้ยงมึงมา หัดสำนึกข้าวแดงแกงร้อนกูบ้าง บ้านที่กูให้ซุกหัวนอนและถ้ากูรู้ว่าโตมาแล้วเถียงฉอด ๆ แบบนี้กูเอาขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้ว” นภสรถือขวดเหล้าเหวี่ยงไปมาจนหกเลอะก่อนจะเดินไปเปิดตู้แช่เย็น “อะไรกันวะ เปิดร้านขายของแต่ไม่มีเหล้าสักขวด”
มัลลิกาไม่สนใจปล่อยให้อีกฝ่ายบ่น อีกเดี๋ยวหยุดไปเอง ร่างโรยแรงใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเดินไปเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน
มัลลิกา รูปร่างทรวดทรงรูปนาฬิกาทราย ทั้งผิวพรรณและใบหน้าได้รูป สวยใส แต่มีชีวิตวัยสาวในอายุยี่สิบสี่ปีของมัลลิกาต้องจมอยู่กับแม่ที่ติดการพนันและเหล้า เธอเรียนจบเพียงแค่ม.หก อนาคตกำลังสดใสเพราะสอบชิงทุนเรียนปริญญาตรีได้แต่ต้องมาจบลงเพราะถูกแม่เอาเสื้อผ้า เอาเอกสารรายงานตัวไปเผาทิ้งจนเธอไม่สามารถเรียนได้ ต้องทำงานหาเงินมาเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ เพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ
“แม่ มากินข้าวค่ะ” มัลลิกาเดินออกมาตามมารดาตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าร้านแต่ไม่พบอีกฝ่ายเจอเพียงขวดเหล้าเปล่าที่เหลือทิ้งไว้ต่างหน้า ตอนนี้เวลาเกือบหนึ่งทุ่มคงไม่พ้นไปบ่อน
ในตอนเด็กเธอขอร้อง อ้อนวอนไม่ให้ไปแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ไปอีกจนได้ เธอเดินไปปิดร้าน แล้วเข้าไปนั่งกินข้าว แต่แล้วเสียงกุกกักด้านหน้าบ้านก็ดังขึ้น
มัลลิกาพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะกลัวว่าหากข้างนอกมีคนจริงและรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้านอีกฝ่ายจะบุกเข้ามา หญิงสาวก้าวเท้าเดินไปหยิบกระเป๋าเงินและมือถือตัวเองก่อนเสียงเรียกเข้าจากเพื่อนเธอจะดังขึ้นและนั่นทำให้คนที่อยู่ข้างนอกทุบประตูเสียงดัง
ปัง ปัง
“เปิดประตู”
เสียงห้วนห้าวน่ากลัวดังขึ้นทำให้มัลลิกาตกใจทำมือถือร่วงจนแตกกระจาย พยายามเปิดมาประกอบให้เร็วที่สุด
“ระ ร้านปิดแล้วจ้า ไว้มาพรุ่งนี้นะ” เธอทำใจดีสู้ตะโกนกลับไปก่อนจะเก็บมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องและเป็นจังหวะเดียวกับประตูร้านถูกพังเข้ามา
“จะ จะทำอะไร ออกไปจากบ้านฉันนะ”
“แม่มึงบอกพวกกูมาเอาตัวมึงไปให้เสี่ย”
“หมายความว่าไง” มัลลิกามองชายร่างใหญ่กว่าด้วยความหวาดกลัวขยับถอยห่างไปหลายก้าว หวาดกลัวอย่างที่สุด
โรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่มีคิวเข้าพักเต็มทุกเดือนด้วยทำเลที่ตั้งติดกับวิวธรรมชาติและการบริการที่ดีเยี่ยม รวมถึงห้องพักสะอาดสะอ้านเปิดต้อนรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจุดขายคือห้องอาหารในโรงแรมที่ดึงดูดความสนใจและความอยากรู้อยากลองได้เป็นอย่างดี
ถูกบริหารโดยหนุ่มหล่อสเปคสาว ๆ ที่หุ้นส่วนกับเพื่อนชาวต่างชาติ อาภากร นักธุรกิจชื่อดังในเมืองไทย และหุ้นส่วน ลูอิส เกรย์สัน หนุ่มในฝันของสาว ๆ หลายคนที่อยากได้เป็นสามี
นอกจากความร่ำรวย และมีนิสัยเย็นชา ฉลาดรู้ทันคนแล้ว ข่าวเม้าส์ในวงในเรื่องบนเตียงก็แซบไม่แพ้กัน และตอนนี้เขากำลังหาสาวที่จะมาเป็นแม่พันธุ์ให้เขา
“เป็นไง เดินทางเหนื่อยไหม ฉันให้พนักงานเตรียมห้องกับอาหารให้แล้ว”
“ขอบใจ แต่ฉันอยากเดินดูรอบ ๆ โรงแรมก่อน”
“ตามสบาย ฉันโดนตามตัวด่วน นายมีอะไรโทรมาแล้วกัน” อาภากรยกมือถือที่ยังคาสาย
“อืม” ลูอิสพยักหน้าแล้วเดินออกไปตามด้วยลูกน้อง
โรงแรมนี้เขาวางเงินร่วมหุ้นกับเพื่อน ช่วยตรวจสอบการออกแบบและกฎเกณฑ์การรับพนักงานมีการฝึกอบรมการให้บริการเหมือนโรงแรมดังต่างประเทศ รวมถึงทำเลที่นี่ดี ชายหนุ่มเดินออกมาสูดอากาศด้านนอกมีต้นไม้ที่ตัดแต่งกิ่งใบเรียบร้อย