หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
แรกพบสบสายตาผ่านฝนพร่ำ
คราสองรักหวนคืนเหมันต์โปรย
สายลมพัดกระทบผิวกาย สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย้ำไปตามเม็ดทรายละเอียดปะทะสายน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งก่อนจะย้อนกลับไป เผยให้เห็นเปลือกหอยเล็กที่โผล่พ้นมา ปูเสสวนพากันวิ่งไต่ลงทะเลเมื่อเจอคน
ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มย่อตัวลงนั่งเก็บเปลือยหอยสีชมพูสวยขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะหันไปมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่อง มือเล็กกระชับผ้าคลุมไหล่ ขยับลุกขึ้นเดินไปตามทางก่อนจะหยุดยืนหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง
“ทะเลสวยมากก” อลินดายกมือขึ้น มองเส้นขอบฟ้าสีสวย ไม่มีเค้าพายุร้ายในวันก่อน โชคดีที่เธอเดินทางมาถึงหลังพายุผ่านไปแม้ว่าคลื่นทะเลจะค่อนข้างแรงอยู่บ้าง
“ดีใจที่ชอบ” กวินทร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว “เอ่อ อลิน เรา...เรามาเป็นแฟ...”
“เฮ้ย! เด็กตกน้ำ!” อลินดาร้องออกมาพร้อมชี้ไปต้นทาง ก่อนจะวิ่งไปในทะเลอย่างไม่คิดชีวิต เสียงร้องขอให้ช่วยเหลือดังต่อเนื่องพร้อมผู้คนที่เดินเรียบชายหาดพากันสนใจ บ้างก็วิ่งมาช่วยเหลือก่อนที่ครอบครัวเด็กจะตามมาดูแลต่อ
อลินดาเดินไปทางที่พักหลังอีกฝ่ายปลอดภัยแล้ว พร้อมรอยยิ้มดีใจประดับ
“อลิน”
“มีอะไรค่อยคุยกันนะ ฉันหนาวขอไปอาบน้ำก่อน ฮึย” ว่าพร้อมลูบแขนตัวเอง
“เอางั้นก็ได้”
อลินดาส่งยิ้มให้ก่อนเดินหลบเข้าห้องพัก กวินทร์เป็นเพื่อนสมัยเรียนและอีกฝ่ายพยายามตามจีบตลอดครึ่งปี จนกระทั่งวันนี้แหละที่เธอตั้งใจจะตอบรับความรู้สึกของเขา
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน ท้องฟ้าที่สดใสสุขสงบเมื่อเช้า กลับกลายมีพายุโหมเข้ามาตอนเย็นแทน อลินดาแต่งชุดสวยมานั่งคอยกวินทร์ในร้านอาหารที่จองเอาไว้ เวลาผ่านไปจากนาที เปลี่ยนไปเป็นชั่วโมง ไร้ร่างอีกฝ่ายมาหา โทรหาก็ไม่รับ สีหน้าที่เปี้ยมไปด้วยความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นกังวล
เดินไปหาอีกฝ่ายที่ห้องแต่เห็นเขาพาผู้หญิงเข้าห้อง เท้าเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องเสียงประสานของชายหญิงที่ได้ยิน ทำให้เธอน้ำตาตก กลับไปร้องไห้ที่ห้องนอนเงียบ ๆ คนเดียว
“อลิน”
อลินดาหันกลับไปเจอกวินทร์เดินมาหา ร่องลอยแดงเป็นจ้ำตามลำคอไม่กี่จุดมันย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอที่เฝ้าถามว่าทำไมถึงไม่รอ เสียใจที่รู้สึกดีกับเขาจนเกือบรัก และก็ต้องขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับเราเลย แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เธอจะตอบรับความรู้สึก
“ว่าไง” เธอส่งยิ้มทักทายทว่าสายตานั้นกลับว่างเปล่า
“ขอโทษที่เมื่อคืนเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร เราก็สั่งมากินที่ห้องเหมือนกัน”
เธอโกหก ก่อนจะหันมองทางอื่นแล้วถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดไปทุกอย่างยิ่งเห็นว่าใครเดินเข้ามานั่นอีก
“เอ้า อลิน เธอก็มาด้วยเหรอ”
“นดามาเที่ยวเหรอ แล้วพักที่ไหน”
“อื้อ เราพักที่นี่ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ไปเล่นน้ำด้วยกันไหม” เนตรนดาเดินเข้ามาสอดแขนคล้องกับกวินทร์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชัดเจน
เธอมองทั้งคู่ เห็นกวินทร์แกะมือหล่อนออกจากการเกาะกุม
“ไม่ละ ครบกำหนดเช็คเอาท์แล้ว เราว่าจะกลับเลย กรจะอยู่ต่อก็ได้นะ”
“เราก็จะกลับด้วย เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” กวินทร์คว้าข้อมือเธอไว้ ส่งสายตาเสียใจ แต่ถูกเจ้าหล่อนแกะมือออก
เนตรนดาชักสีหน้าไม่พอใจดึงแขนเขาและเอ่ยปากชวน
“กรอยู่เที่ยวกับนิดาก่อนสิ ถ้าอลินรีบกลับก็ปล่อยเขาไปเถอะ จริงสิ ป๊ากับม๊านดาก็มาด้วยนะ บอกว่าอยากเจอกร”
“ไปนะ” เสียงพูดแผ่วเบาเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นเดินไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ ตลอดหกเดือนที่ถูกตามจีบตามเอาใจ เป็นใครก็ต้องรู้สึกดี แต่เวลาแค่นั้นไม่สามารถพิสูจน์ความซื่อสัตย์ และมั่นคงจากใจคนได้เลย คิดว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้คัดกรองคนออกไป
อลินดากลับไปทำงานและเริ่มรักษาระยะห่างกวินทร์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังกลับจากเที่ยวทะเลครั้งนั้น กวินทร์เปิดตัวคบหากับเนตรนดา และยังประกาศหมั้นกำหนดแต่งงานที่รวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งรับไม่ทัน
“โชคดีแล้วแหละแก ที่หลุดพ้นคนแบบนั้นมาได้” เตยหอมเพื่อนสาวสองพูด
“ฉันแค่เสียใจที่เผลอรู้สึกดี”
“แกจำที่หมอดูทักได้ไหม กับเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ แต่หลังจากนี้จะได้เจอคนนั้น และชาตินี้จะได้อยู่ด้วยกัน” เตยหอมเลียนเสียงหมอดูคนนั้นพูดเตือนความจำเธอ
ช่วงต้นปีเธอมีโอกาสไปทำงานกับเตยหอมและกวินทร์ และโดนหมอดูทักเรื่องเนื้อคู่ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ถูกพระท่านทักเรื่องเดิมอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่องขึ้นถึงไม่อยากเชื่อแต่ไม่อยากลบหลู่
“ฉันว่าหลังจากนี้แกจะได้เจอเขาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ คืนนี้ตกผู้กลับห้องสักคนสิ” เตยหอมพูดทีเล่นทีจริง
“ฉันไม่ใช่แก”
“อุ๊ย! คนนั้นงานดีจัง”
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด