เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"
Talk แพร
@คลับ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มท่ามกลางแสงไฟหลากสี ผู้หญิงผู้ชายที่มาในที่แห่งนี้ต่างสนุกและเมามาย ต่างกับฉันที่กำลังนั่งอมทุกข์อยู่
“ชวนฉันมานั่งดูแกอมทุกข์แบบนี้หรือไง” เสียงมินนี่เพื่อนของฉันเอ่ยถามแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนแสบแก้วหู
“…ฉันก็อยากจะมีความสุขอยู่เหรอกนะ” ตอบแค่นั้นฉันก็ยกเหล้าขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว
ที่ฉันต้องมาเศร้าอยู่แบบนี้ก็เพราะความรักที่ไม่รักดี ฉันดันไปเผลอใจรักผู้ชายคนหนึ่งมากๆ แต่เขากลับบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพียงเพราะฉันยังไม่พร้อมจะมีอะไรด้วยแค่นั้น
ฉันไม่คิดว่าการที่ตัวเองยังไม่พร้อมในเรื่องแบบนั้นจะใช้มาเป็นเหตุผลบอกเลิกกันได้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเซ็กซ์มันสำคัญมากกว่าความรู้สึกดีๆ ที่ฉันให้เขาอย่างนั้นเหรอ ถึงได้เลือกจบความสัมพันธ์แบบนั้น
สายตาของฉันสำรวจมองไปรอบๆ คลับอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งไปหยุดโฟกัสที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มด้วยกันอย่างสนิทสนม
ริมฝีปากของฉันค่อยๆ ขยับเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นออกมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด “…พี่เพิร์ท”
เขาคือผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงอย่างฉันยอมเปิดใจ ทั้งๆ ที่ฉันไม่สนใจเรื่องความรัก เขาทำลายกำแพงในใจของฉันได้แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งฉันให้เจ็บปวด
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปหาพี่เพิร์ท ใช่! ตอนนี้ฉันยังตัดใจไม่ได้ ยิ่งได้เห็นว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นฉันยิ่งเจ็บ
ฉัน: ตอนนี้แพรอยู่ที่คลับเห็นพี่เพิร์ทมากับผู้หญิง ใครเเหรอคะ ทั้งที่เพิ่งเลิกกับแพรไปไม่กี่วันเอง มีคนใหม่เร็วจังเลยนะคะ
ฉันก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความส่งไปยาวเหยียดในเชิงตัดพ้อ
“แพรแกจะนั่งซึมแบบนี้จริงๆ หรือไง” มินนี่ที่ทนไม่ไหวกับอารมณ์ของฉันเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิด เพราะปกติฉันจะร่าเริงสนุกเวลามาดื่ม
“แกอกหักเหรอ ?” มินนี่ถามอีกครั้ง ในบรรดาเพื่อนๆ ฉันยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่มีแฟนนอกจากอลิช คิดว่าจะพาไปเปิดตัวทีเดียวเลยแต่ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
“…..” ฉันเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าตอบเพื่อน ทำเอามินนี่ถึงกับอ้าปากค้าง
“จริงดิ ? นี่แกมีแฟนเมื่อไหร่ฉันไม่รู้เลย ขวัญล่ะมันรู้ไหม” มินนี่ถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนว่ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า
“ฉันยังไม่ได้บอกใคร อยากจะเปิดตัวตอนที่พร้อมแต่ตอนนี้เขาทิ้งฉันไปแล้ว” ฉันก้มหน้าลงเพราะน้ำตามันจะไหลออกมาให้ได้
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก ยัยแพรนะยัยแพรแกชอบมีความลับกับเพื่อนตลอดเลย”
ติ้ง~ มีแชตเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ฉันจึงรีบเปิดดูทันที
เพิร์ท: มากับใครแล้วอยู่โต๊ะไหน
เขาถามฉันเหมือนเป็นปกติ
ฉัน: แพรจะออกไปรอหน้าคลับนะ ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม
จะว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โง่มากๆ ก็ได้ แต่ฉันยังอยากมีพี่เพิร์ทอยู่ในชีวิต ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้
“มินเดี๋ยวฉันมานะไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“อื้อๆ รีบไปรีบมานะ” มินนี่พยักหน้า ฉันจึงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกมาหน้าคลับ
ด้านหน้าคลับจะมีโต๊ะไว้สำหรับนั่ง บางคนก็มาสูบบุหรี่ตรงนั้น ฉันเห็นว่าตอนนี้ไม่มีใครจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งเพื่อรอพี่เพิร์ท ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะออกมาเจอหรือเปล่า
ผ่านไปประมาณห้านาทีเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ทักขึ้น
“มากับใคร ?”
ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพี่เพิร์ท ทั้งที่เป็นคนนัดเขาออกมาเองแท้ๆ แต่ทำไมพอยิ่งได้เจอหน้าใกล้ๆ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้กัน
“แพรมากับเพื่อนค่ะ”
พี่เพิร์ทนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันแล้วถามต่อ “นัดพี่ออกมาเจอมีอะไรหรือเปล่า ?”
“ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ ที่คบกับแพรมารักแพรบ้างหรือเปล่า แค่ไม่กี่วันทำไมถึงมีคนใหม่เร็วขนาดนั้น”
“พี่ยังไม่มีใคร”
“แล้วผู้หญิงที่มาด้วยล่ะคะ ไม่ใช่แฟนใหม่พี่เพิร์ทเหรอ”
“….แค่สนุกพี่ไม่ได้จริงจัง”
คำตอบของพี่เพิร์ททำเอาฉันที่ได้ฟังถึงกับอึ้งจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“ชอบความสัมพันธ์แบบนั้นเหรอคะ” ฉันจิกเล็บลงมือตัวเองจนเกิดรอย
“ก็ดีนะ เพราะแพรปฏิเสธพี่มาตลอดไม่ใช่หรือไง ตอนนี้พี่ก็แค่ต้องการหาความสุข”
“แพรบอกว่ายังไม่พร้อม”
“ช่างเถอะพี่ไม่ดีเองที่รอไม่ได้ ยังไงก็อย่าเมามากแล้วกันพี่ไปข้างในก่อน” พูดจบพี่เพิร์ทก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก็เป็นฉันที่พยายามจะรั้ง “….ถ้าแพรยอมขึ้นเตียงกับพี่เพิร์ท พี่เพิร์ทจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมคะ”
“คิดดีแล้ว ?” เขาเลิกคิ้วถามด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก
“……” ฉันไม่ได้อยากเอาตัวเข้าแลก แต่ถ้ามันรั้งเขาไว้ได้ฉันก็จะทำ เพราะไม่อยากเสียผู้ชายคนนี้ไปจริงๆ
“ไปรอพี่ที่ห้องสิรหัสผ่านห้องพี่ใช้รหัสเดิม เดี๋ยวพี่เคลียร์ทางนี้แล้วจะตามไป” พี่เพิร์ทยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ แล้วพูดต่อ “หวังว่าพี่จะเจอแพรนอนรออยู่บนเตียงนะครับ”
ร่างหนาของพี่เพิร์ทเดินจากไป หยดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาต้องการแค่ร่วมเตียงแค่นั้นน่ะเหรอ
“ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา ฉันไม่ได้มองว่าเป็นใครแต่ก็พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
“สูบบุหรี่ไหม ?” ไม่ใช่แค่คำถามแต่มวลบุหรี่ที่จุดแล้วถูกยื่นมาตรงหน้าของฉัน กลิ่นควันคลุ้งลอยมาแตะจมูกจนฉันต้องเอนตัวหนี “ไม่ค่ะ”
“ผัวทิ้งเหรอ ?”
“ยุ่งอะไรด้วย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่พูดก้าวก่ายตัวเองอย่างไร้มารยาท แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายของผู้ชายตรงหน้ามันก็ทำให้ชะงัก แล้วพูดชื่อเขา “อลัน”
อลันคือน้องชายของอลิชเพื่อนสนิทของฉัน จริงๆ ฉันไม่ได้เจอเขาบ่อยและแทบไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ มันน่าแปลกใจเหมือนกันที่เห็นว่าเป็นเขาอยู่ตรงหน้า
“จำชื่อได้ด้วย ?”
“นายเป็นน้องชายของเพื่อนฉัน ทำไมจะจำไม่ได้”
“แล้วเมื่อกี้ใคร ผัว ?” อลันถามพร้อมกับสูบบุหรี่แล้วพ่นควันสีขุ่นคลุ้งออกมาลอยในอากาศ
อลิชจะรู้บ้างไหมว่าน้องชายตัวเองทำตัวแบบนี้ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่นิสัยกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ไม่ใช่” ฉันปฏิเสธแล้วลุกขึ้นยืน
“แล้วจะร้องไห้เพราะมันทำไม ?”
“จะถามมากทำไม อยากรู้ไปทำไม”
“พอดีชอบเสือก” อลันตอบด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ใบหน้าหวานๆ มันช่างขัดกับแววตาที่ดุดันของเขาจริงๆ
“ยุ่ง!!” ฉันบอกไปอย่างรำคาญ ก่อนทำท่าจะเดินหนีกลับเข้ามาในคลับ
“จะไปนอนกับมันเหรอ ?” ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงทุ้มของอลันก็เอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหยุดชะงัก
“นายแอบฟังงั้นเหรอ”
“นี่มันที่สาธารณะ คิดว่าตอนที่พูดนั่งอยู่กับมันสองคนหรือไง”
ฉันเม้มปากแน่นให้กับน้องชายของเพื่อนสนิท ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะพูดมากและวุ่นวายถามไม่เลิกแบบนี้
“เปลี่ยนใจจากมันไปนอนห้องผมก็ได้นะ เตียงว่าง” อลันบอกเสียงเย็นแบบไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งที่เอ่ยชวนเพื่อนของพี่สาวตัวเองไปนอนด้วย
“นายชวนผู้หญิงไปนอนด้วยแบบนี้ปกติเหรอ ?”
“ก็ไม่ เพราะปกติมีคนมาเสนอตัวให้ไม่ต้องเอ่ยปาก”
“ฉันไม่ชอบเด็ก” ฉันจ้องอลันเขม็ง ส่วนอลันก็รีบตอบกลับทันควัน “แล้วบอกเมื่อไหร่ว่าจะจีบ ?”
“ผู้ชายทำไมต้องหวังแต่เรื่องบนเตียงด้วย” มันเป็นคำถามที่ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมผู้ชายถึงหวังแค่เรื่องบนเตียง
อลันเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เขาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากแล้วถาม “ไม่เคย ?”
“มันเรื่องของฉัน เป็นเด็กเป็นเล็กหัดตั้งใจเรียนหนังสือไม่ใช่ทำตัวแบบนี้ ถ้าอลิชรู้คงจะผิดหวังในตัวน้องชายแบบนายแน่ๆ”
พูดจบฉันก็รีบเดินหนีไม่อยากจะคุยอะไรต่อให้มันรู้สึกหงุดหงิดใจ เขาเด็กกว่าฉันหลายปีแต่ดูเหมือนจะช่ำชองเรื่องแบบนั้น ไม่งั้นคงไม่กล้าพูดเรื่องบนเตียงกับฉันเหรอก
ฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะมินนี่ก็เอ่ยถามทันที “แกหายไปนานมาก กำลังจะโทรตามพอดี”
“มีคนกวนประสาทนิดหน่อยน่ะ” ฉันบอกพร้อมกับยกเหล้าดื่ม สายตามองไปที่โต๊ะของพี่เพิร์ท เขากับผู้หญิงคนนั้นกำลังนัวเนียกันอยู่
ฉันเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว และฉันก็คิดได้แล้วว่าไม่ควรจะไปนอนรอที่ห้องของเขา เพราะถ้าทำแบบนั้นฉันคงเป็นผู้หญิงที่ไร้ค่ามากๆ
พี่เพิร์ทก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ผิดแค่ตอนนี้ฉันดันไปรักผู้ชายแบบเขา หวังว่าฉันจะกลับมาเป็นแพรคนเดิมเร็วๆ ไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้…..
“ชื่ออะไร ?” “วารินค่ะ” เธอตอบแต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า “…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ “คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่ “เรียกฉันว่า คุณเหนือ” “ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…” ผมก้มหน้าลงสูดกลิ่นความหอมตรงซอกคอของเธอ โตขนาดนี้แล้วยังใช้แป้งเด็ก น่าตลกสิ้นดี! “ระ ริน แค่มาฝึกงานค่ะ ไม่ได้ต้องการแบบที่คุณเหนือว่า” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดีข้อเสนอของผม “เธอไม่สนใจ ?” “มะ ไม่ค่ะ รินขอตัวก่อนนะคะ” เธอดันมือผมที่โอบเอวเธออยู่ออก จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธผมซะด้วยสิ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากได้เธอมาอยู่ในกำมือ อวดเก่งดีนัก!
เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!