“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
เกือบหกโมงเย็นของซูริก สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) พระอาทิตย์ยังลอยเด่นอยู่บนฟ้า แสงของวันยังไม่ลับหายไป ทว่าเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาทำให้ขาเล็กๆ ของหญิงสาวหยุดชะงัก เธอยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา
“ยังทัน” เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ
หญิงสาวหมุนปลายรองเท้าบูทหรับคุณผู้หญิงดีไซน์เรียบหรูกลับ รองเท้าคู่ใจของเธอสำหรับฤดูใบไม่ร่วงที่อากาศเย็นสบาย
ปลีน่องขาวของเธอถูกคลุมด้วยริ้วหนังสาน เพิ่มความเก๋หวานสำหรับออกงานด้วยโบว์เล็กๆ ด้านหน้าให้เหมาะสำหรับสวมใส่ได้หลายโอกาส แม้จะอยู่ในลุกซ์สาวเปรี้ยวหรือสาวหวาน หรือแม้กระทั้งใส่ออกงานเหมือนอย่างแพรนรียามนี้
หญิงสาวในชุดเดรสสั้นคอปาดเฉียงไหล่ตัวต่อผ้าชีฟองจับพลีต ตัวนี้ดูเป็นสาวเปรี้ยวเก๋ มั่นใจในตัวเอง ช่วงไหล่เอวมีซิปประดับด้านข้าง มีลูกเล่นตัดต่อผ้าชีฟองจับพลีตที่ด้านหลังตั้งแต่เอวยาวลงมาเลยกระโปรงด้านในเล็กน้อยให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวเซ็กซี่
อุณหภูมิสิบกว่าองศาต้นๆ เหมาะที่จะมาจูงมือคู่รักเดินทอดน่องเลียบทะเลสาบซูริกที่ทอดยาวมากกว่าจะรีบก้าวเดินฉับๆอย่างเร่งรีบเหมือนอย่างเธอ
เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบแสนสวยที่สามารถยืนชมวิวเทือกเขาแอลป์ ในวันที่ฟ้าโปร่งจะมองเห็นยอดเขาน้ำแข็งจากสะพานในเมืองซูริก สวยงามมากๆ เราขึ้นไปชั้นบน เพื่อมองวิวสวยๆมุมกว้าง
หญิงสาวเดินผ่านคู่บ่าวสาวที่ถ่ายเวดดิ้งข้างๆ ศาลาริมน้ำฉลุลายสีขาว เธออดที่จะหยุดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ การได้สวมชุดเจ้าสาวคือความฝันสูงสุดของผู้หญิงทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ
แพรนรีมีคู่หมั้นที่เดินทางมาเรียนด้วยกัน ทั้งเธอและเขาได้รับทุนจากรัฐบาลมาเรียนด้านเศรษฐศาตร์การเงินของมหาวิทยาลัยชื่อดังของที่นี่ มีเพื่อนสาวของเธออีกคนแต่ใช้ทุนตัวเอง แพรนรีพักอยู่กับเพื่อนสาวในขณะที่แฟนหนุ่มพักอยู่กับรูมเมทชาวสวิสที่อยู่ห่างจากตึกที่เธอพักไปสองบล็อก
ปลายเท้าเล็กมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกที่พักกับอาการหอบน้อยๆ ที่เกิดจากความเร่งรีบ ลมหายใจของเธอพ่นออกมาเป็นละอองสีขาวขุ่นบางๆ บอกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนจากภายในร่างกายมากกว่าด้านนอก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนไรผมช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี ทว่าเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก็เน้นย้ำให้เธอต้องรีบก้าวต่อไป
ตึกที่หญิงสาวพักเป็นสถาปัตยกรรมโคโลเนียลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มักเห็นอยู่เกลื่อนเมือง ตรงประตูทางเข้ามีจั่วมุกกลางประดับตราธงชาติเล็กๆ ด้านนอกของอาคารหลังนี้ถูกออกแบบโดยเน้นความโปร่งสบายด้วยหน้าต่างและช่องระบายอากาศ การตกแต่งเป็นปูนปั้น ทว่าเข้าไปด้านในกลับถูกออกแบบให้เป็นสีออกโทนส้มเพื่อให้ดูอบอุ่นสำหรับเมืองหนาวแห่งนี้
หญิงสาวไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไปเอง เพราะเกรงจะรบกวนเพื่อนสาวที่เธอบอกจะเตรียมพรีเซนต์งาน หากแต่สิ่งที่เธอคิดคงจะสวนทางกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
“อย่าใจร้อนซิค่ะคุณธี ยัยแพรเพิ่งออกไปครึ่งชั่วโมง เรายังเหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน”
เสียงหวานของเพื่อนสาวร่วมห้องเล็ดลอดออกมาจากช่องประตูห้องที่กั้นเป็นห้องนอนไปในตัว ขาของแพรนรีหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าชื่อของคนในบทสนทนาเป็นคนที่เธอคุ้นเคย
ชื่อของผู้ชายที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนสาวคือสิ่งที่ทำให้แพรนรีอยากรู้เป็นที่สุดว่าเขามาทำไม ในเมื่อเธอบอกว่าจะไปทำงาน และธีรากรก็บอกว่าเขาไม่ว่างไปรับเธอในตอนดึกเพราะเขาติดโปรเจ็กต์งาน
แต่ว่าคนที่เธอเชื่อว่ากำลังยุ่งอยู่คนละที่ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้องนอนของเธอตอนนี้ หญิงสาวยกข้อมือดูเวลาอีกครั้ง ใกล้จะถึงเวลานัดเริ่มงานเลี้ยงของเธอที่ต้องไปเต็มที แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง
“ธี หรือ ธีรากร” เขาเป็นคู่หมั้นของหญิงสาวตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ทั้งคู่เริ่มคบกันในสายตาผู้ใหญ่ตั้งแต่เริ่มเรียนปีสอง และพอเรียนจบผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายก็เร่งรัดให้ทั้งคู่หมั้นกันไว้ก่อน และให้ธีรากรเบนเข็มมาเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์กับแฟนสาวแทนที่จะไปเรียนอังกฤษตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น
หญิงสาวยอมเสียมารยาทบิดลูกบิดเปิดประตูทันที หากแต่บานประตูห้องนอนของเธอกลับถูกปิดล็อกนิ่งสนิท เธอไม่ลังเลที่จะคว้านหากุญแจในกระเป๋าที่เธอเพิ่งหย่อนมันกลับลงไปเมื่อครู่ออกมาไขเปิดอย่างเบามือ
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ร่างหนาในชุดผ้าขนหนูสีขาวพันร่างกายท่อนล่างหมิ่นเหม่กำลังกกกอดเพื่อนสาวของเธอที่นอนทอดกายอยู่บนเตียง สภาพการแต่งกายไม่แตกต่างกัน ร่างเสลาขาวละออของเธอหลงเหลืออาภรณ์เพียงสองชิ้นเล็กๆ บนล่าง ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากถอดออกทั้งหมด
แพรนรีชะงักเล็กน้อย ภาพสะดุดตากระแทกหัวใจของเธออย่างแรง ของขวัญชิ้นใหม่ที่เธอได้รับจากชายคนรักกับเพื่อนสนิทอย่างไม่ทันตั้งตัว ตำแหน่งผู้หญิงหน้าโง่กับมงกุฎสองแฉกที่ถูกสวมอย่างตั้งรับตำแหน่งไม่ทัน ตำแหน่งที่ผู้หญิงทุกคนพยายามหลีกหนี มันกลับรุนแรงเกินจะต้านทานไหว หัวใจของแพรนรีเบาหวิวไร้ร่องรอย
“ผมขออีกครั้งนะลิซ” ชายหนุ่มอ้อนเสียงนุ่ม คำว่าอีกครั้งกระแทกหัวใจคนยืนฟังอย่างหนัก สิ่งที่เธอพยายามปลอบโยนตัวเองมันเกิดขึ้นไปแล้ว
“ลิซ หรือ อลิชา” เป็นเพื่อนสาวนักเรียนร่วมคสาสกับแพรนรี เธอเป็นลูกสาวเจ้าสัวเศรษฐีเมืองภูเก็ตจึงไม่จำเป็นต้องหาทุน แตกต่างจากเธอที่เป็นแค่ลูกสาวข้าราชการระดับปานกลาง เธอจึงต้องปากกัดตีนถีบสอบชิงทุนมาและต้องดั้นด้นออกไปหางานทำข้างนอกเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เพราะลำพังทุนที่ได้รับคงไม่พอกับค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงลิ่ว
มิรา กนกชนากาญจน์ดีไชเนอร์ชื่อก้องโลกของห้องเสื้อแบรนด์ดังจากมิลาน อดีตทายาทมหาเศรษฐีคนเดียวของเจ้าสัวปราณ เธอกลับมาบ้านในรอบสิบสองปีหลังจากถูกยื่นคำขาดจากท่านเจ้าสัวว่าจะยกทุกอย่างให้ปถวีกับหลานสาวฝาแฝดของเธอมิราจำต้องพับเก็บความโกรธและทิฐิมานะเอาไว้ รีบกลับมาทวงคืนมรดกหลายพันล้านคืน เธอจะไม่ยอมให้ใครฮุบสมบัติที่เป็นของเธอไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะยอมให้สักเศษเสียวกระเด็นไปถึงทายาทนอกสายเลือดอย่างเขา เหมืองปราณปุราอดีตเหมืองใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ที่ล่มสลายลงหลายสิบปีถูกกลับมารื้อพื้นขึ้นมาอีกครั้งจากน้ำมือของ “ปถวี”เขาพลิกพื้นผืนดินที่ปล่อยทิ้งร้างมานานให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ขยายไร่จากสองพันไร่ให้เป็นห้าพันไร่ภายในระยะเวลาเจ็ดปี “ไม่แต่งก็ได้...แต่สมบัติจะถูกแบ่งตามพินัยกรรม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ไม่ได้! หนูไม่ยอมให้สมบัติไปตกอยู่ในมือปลิงเปลือกทองอย่างหมอนั่นเด็ดขาด” “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องแต่ง ปู่ให้เลือกว่าจะจดทะเบียนกันเงียบๆ หรือ จัดพิธีใหญ่โตที่สุดแต่ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้”
เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
“ถ้าเก่งเรื่องพยาบาล ก็ช่วยพยาบาลให้บางส่วนในร่างกายฉันที่กำลังตื่นตัว สงบลงด้วยก็แล้วกัน หวังว่าคงจะไม่แค่ปากดีนะ” ‘ดารัณ’ จำต้องยอมรับข้อเสนองานใหม่... เพื่อนำรายได้มาสะสางหนี้สินของครอบครัว แต่เมื่ออดีตพยาบาลสาวเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา เธอกลับพบว่างานของเธอ คือการดูแล... ‘คาร์ดิโก้ นอร์ตัน’ เพลย์บอยหนุ่มผู้บริหารสายการบินยักษ์ใหญ่ ผู้ไม่คิดจะสูญเสียสถานภาพความโสดให้กับผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น… กฎเหล็กของคาร์ดิโก้ คือ...เขาจะไม่มีวันพาผู้หญิงไทยขึ้นเตียงเด็ดขาด เมื่อเขาพบว่าพยาบาลสาวไทยที่มารดาของเขาหามาดูแลอาการป่วย แท้จริงมีหน้าที่แอบแฝงคือคอยกีดกันและเก็บกวาดบรรดาคู่นอนชั่วคราวของเขาไปจนหมดสิ้น เขาก็ยิ่งโกรธ มีหรือ...เสือร้ายอย่างเขาจะยอมโดนลบคม เนื้อนุ่มๆ หวานๆ อยู่ตรงหน้า เสืออย่างเขาต้องขย้ำเท่านั้น คาร์ดิโก้จำต้องปรับเปลี่ยนแผน หันมากินอดีตพยาบาลคนสวย โดยไม่รู้สักนิดว่าผู้หญิงคนนั้นก็ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ที่มารดาของเขาตั้งใจหามาให้ตั้งแต่แรก สุดท้ายเขาก็ต้องจมดิ่งไปกับกฎเหล็กและแรงพิศวาสของตัวเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้น “จะหนียังไงก็คงไม่รอดหรอกสาวน้อย ตอนนี้ เวลานี้ เธอต้องทำหน้าที่ของเธอแล้ว” หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้านายหนุ่มอย่างตื่นตระหนก ค่าจ้างสูงลิ่วที่เธอได้รับเหมารวมกับทุกการบริการเช่นนี้เลยหรืออย่างไร
เธอบังอาจจับเขามาแต่งงานหลอกๆ แต่เขาเกิดอยากจับเธอมาเป็นภรรยาจริงๆ ป่านฝัน เจ้าสาววิวาห์ล่มจำต้องจับเขามาแต่งงานหลอกๆ เพื่อแก้หน้าให้ แต่เจ้าบ่าวจัดฉากกลับทำเกินหน้าที่ เขาทั้งกอด ทั้งจับ ทั้งจูบ จนหัวใจแข็งกระด้างของเธออ่อนไหวไปกับเขาหลายต่อหลายครั้ง ทวิช ทายาทคนเล็กของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย เขาต้องตกกระไดพลอยโจนร่วมเล่นละครจัดฉากป่านฝันเป็นผู้กำกับ ทว่าคนเจ้าเล่ห์ก็ตีบทกระจาย ขยันหากำไรจากเรือนกายภรรยาสาวบ่อยครั้ง จากตอดเล็กตอดน้อย ปะทะคารม หยอกเย้ากระเซ้าแหย่ รู้ตัวอีกครั้งหัวใจของเขาก็ไปอยู่อุ้งมือของแม่สาวขี้วีนเสียแล้ว แลกกับตำแหน่งภรรยาพฤตินัยและนิตินัยที่เป็นของเขาเช่นกัน “ปล่อยป่านนะ!” “เรื่องอะไรจะปล่อย...มันก็ไม่ผิดกติกานะ วันนี้คุณมานอนนอกห้องกับผมเอง” “คนเจ้าเล่ห์! ใครบอกว่าป่านจะออกมานอนข้างนอกกับคุณ” “บอกอยู่นี่ไง หรือว่าจะเถียง...คุณออกมาหาผมเอง ขึ้นชื่อว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์กันทุกคนแหละครับทูนหัว ออกมาแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับเข้าไปในห้องอีก” “ถ้าคุณไม่ปล่อย ป่านโกรธคุณจริงๆ ด้วย” หญิงสาวบอกเสียงดุ แต่คนเจ้าเล่ห์กลับยิ่งรัดตัวหญิงสาวแน่นขึ้น “คืนนี้ขอแค่ได้นอนกอดเมีย พรุ่งนี้ผมยอมรับโทษทุกอย่าง” คนเจ้าเล่ห์บอกเสียงอ้อน ทอดสายตาหวานซึ้ง ขณะที่ปลายจมูกโด่งยังคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนุ่มไม่ยอมห่าง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนิ่งเขาก็ยิ่งรุกหนัก กดริมฝีปากบนเรียวปากนุ่มดูดชิมความหวานอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ความเร่าร้อนเพิ่มพูนจนคนใต้ร่างไม่อาจต้านทานความเรียกร้องไหว ...ป่านฝันไม่เคยชนะลูกอ้อนของเขาได้สักที
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพื่อชดใช้หนี้ให้แก่เขา เธอต้องจำยอมเป็นเจ้าสาวของเขา เขาผู้ที่ทุกคนขนานนามว่าเป็นเสมือนปีศาจ เขามีอำนาจที่ทำให้ทุกคนยอมสยบแทบเท้า เธอรู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวัง เขาโหดเหี้ยม และไร้ความเมตตา แต่แล้วความอ่อนหวานของเธอ ก็ทำให้เขาต้องจำนนต่อความลุ่มหลงที่ไม่อาจห้ามใจได้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว เขาก็ไม่สามารถถอนตัวออกจากเธอได้เสียเเล้ว ความปรารถนาอันแรงกล้า ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นๆ ของพวกเขา แล้วความรักแบบมีเงื่อนไขนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด