เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
2565 ประเทศไทย…
เกลียวคลื่นหยอกล้อสายลม แสงสีส้มตกกระทบผิวน้ำวิบวาวระยับ นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาทำกิจกรรมริมหาด บ้างก็ว่ายน้ำ บ้างก็วิ่งออกกำลังกาย หรือบางคนก็ปูผ้านอนอาบแดดอยู่บนชายหาด หลังจากรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์และเปิดรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในรอบสองปี
ช่วงเวลาสองปีเหมือนโควิดจะกลืนกินลมหายใจของคนที่นี่ไปแล้ว จากเมืองที่ไม่เคยขาดสีสัน แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง กิจการร้านรวงต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงเซ่นพิษเศรษฐกิจ ความคึกคักของมหานครแห่งแสงสีสงบเงียบลง ความมีชีวิตชีวาที่เคยโอบล้อมเมืองไว้แทบจะสูญสลายไปจนหมด ลมหายใจของผู้คนที่นี่กำลังจะหมดลง หากสถานการณ์ยังทอดยาวต่อเนื่องไปอีก
โชคดีที่รัฐบาลประกาศผ่อนปรนลงมาเล็กน้อย นั่นก็เหมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่บรรดาเจ้าของกิจการและพลเมืองในพัทยาเริ่มฟื้นคืนกลับมาทีละนิด ความคึกคักและเสียงอึกทึกในยามเย็นย่ำไปจนถึงดึกดื่น เริ่มกลับมาทำหน้าที่ของมันตามเดิม
พัทยาขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโลกีย์ เป้าหมายของนักท่องเที่ยววัยนักล่า และที่นี่ก็เป็นเป้าหมายของผู้หญิงหลายคนเดินทางมาขุดทอง บ้างก็หวังอยากมีสามีฝรั่งรวย ๆ บ้างก็อยากมีงานทำที่ดี แต่ในขณะที่บางคนอยากออกไปจากตรงนี้ใจจะขาด
ชีวิตของคนกลางคืนที่นี่ไม่ได้สวยหรูนัก หรือจะเรียกได้ว่าเน่าเฟะก็ไม่ผิดคำ เพราะในชีวิตที่พัทยาของมายาวีย์ เธอไม่เคยเจอสิ่งดี ๆ ที่นี่เลย นับตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้
สิบโมงเช้านับว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ของคนที่นี่ เพราะยังเป็นเวลานอนของบรรดาสาวสวยหลายคน ร้านรวงแถวนี้จะทยอยเปิดก็ตอนใกล้เที่ยง แต่จะคึกคักในตอนหัวค่ำไปจนถึงดึกแทน ดังนั้นถนนในซอยดังที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างเงียบ จะมีก็แค่นักท่องเที่ยวที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจเมื่อตอนกลางคืนกำลังหาทางกลับที่พัก ส่วนคนท้องถิ่นก็ออกมาเตรียมเปิดร้านในคืนนี้เท่านั้นเอง
มายาวีย์เปิดม่านรับแสง ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมของการเริ่มต้นทำงานของวัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะได้ยินเสียงทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ
“เอารถโกโรโกโสของแกออกจากหน้าร้านฉัน” เสียงดังของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่คุ้นหูของคนแถบนี้ เจ้าของเสียงเป็นคนแต่งตัวจัด ปากแดงจนเป็นเอกลักษณ์ คนแถบนี้ไม่มีใครสนใจ เพราะเริ่มชาชินกับเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายทะเลาะกัน
“ขอจอดแป๊บเดียวนะมาดาม ตำอีกครกเดียวก็จะไปแล้ว” ยายปู เจ้าของร้านส้มตำรถเข็นเจ้าประจำของซอยบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งเว้าวอนขอความเห็นใจ คนทำมาหากินด้วยกันน่าจะเห็นใจกันบ้าง
“นาทีเดียวก็ไม่ได้ รีบเข็นรถผุ ๆ ของแกออกไปก่อนที่ฉันจะโทรแจ้งเทศกิจมาลากออกไป” มาดามเนื้อทองตวาดแว้ดเสียงดังลั่น เจ้าของเสียงยืนเท้าสะเอวพร้อมกับชี้มือ
“ใจดำจริง ๆ เป็นคนทำมาหากินเหมือนกันน่าจะเข้าใจ” แม่ค้าส้มตำบ่นกระปอดกระแปด มือก็กำสากแน่นรัวตำในครก เหมือนเร่งรีบตั้งใจจะให้เสร็จเร็ว ๆ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของร้าน
“เอาน้ำสาดเลย” เสียงมาดามเนื้อทองสั่งเด็กในร้านของตัวเอง
“เฮ้ย! ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ” แม่ค้าร้านส้มตำเงยหน้าขึ้นถาม แค่เศรษฐกิจตอนนี้ก็ย่ำแย่และขายยากจนแทบไม่เห็นกำไรในแต่ละวัน แต่อย่าเพิ่งคิดไปถึงกำไรเลย กว่าจะได้ทุนในแต่ละวันก็แทบรากเลือด พอมีลูกค้าเรียกจะจอดขาย ก็เกิดไปบังหน้าร้านคนรวยเข้าให้ ชีวิตของคนจนมันแสนลำเค็ญจริง ๆ
“ก็นี่มันหน้าร้านของกู” มาดามเนื้อทองว่า
“แต่นี่ก็เป็นพื้นที่ถนนสาธารณะ ประชาชนในประเทศไทยสามารถใช้ได้ทุกคน”
“แต่กูไม่ให้มึงใช้เว้ย! เพราะมันคือหน้าร้านของกู เกะกะ สกปรก ร้านกูเป็นร้านขายอาหารหรู เอารถโกโรโกโสแบบนี้มาจอดบังหน้าร้าน คิดว่าลูกค้าจะมองว่ายังไง” มาดามเนื้อทองเท้าสะเอวชี้มือไปที่แม่ค้าร้านส้มตำ ก่อนจะตะโกนกลับไปบอกเด็กในร้าน
“บอกให้เอาน้ำมาสาด ได้หรือยัง” มาดามเนื้อทองเร่ง พนักงานในร้านต่างช่วยกันดึงเวลา เพื่ออะลุ่มอล่วยให้แม่ค้าส้มตำตำเสร็จ พวกเธอก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของนางเช่นกัน ถ้าหากว่าไม่สามารถจอดตรงนี้ได้ ก็ต้องเดินตามไปซื้อที่อื่น ลำบากไปอีก
“ขออีกนิดนะคะมาดามเนื้อทอง เหลือตำของหนูอีกครกเดียว” ลูกค้าที่ยืนต่อคิวอยู่ช่วยต่อรอง เธอเองก็ไม่อยากเดินตามไปซื้อเหมือนกัน
“ใช่ ๆ ตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้า คนทำมาหากินกันเอง” เสียงเจ้าของร้านฝั่งตรงข้ามที่รอคิวสั่งส้มตำบอกขึ้น เธอเองก็เป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ก็ไม่ใจแคบถึงขนาดไม่ให้รถเข็นมาจอดขาย เพราะแม่ค้าเพียงจอดชั่วคราวและเดินวนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้จอดแช่เป็นชั่วโมงสักหน่อย
“งั้นก็ย้ายไปจอดที่ร้านมึงสิ”
“ก็เห็นอยู่ว่าหน้าร้านฉัน รถลูกค้าจอดเต็ม”
“เห็นมั้ยล่ะ ขนาดมึงยังไม่อยากให้จอดเลย อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลย”
“ก็ฉันเปิดร้านตอนเช้า ช่วงบ่าย ๆ ก็ไม่มีรถมาจอดแล้ว ฉันก็ไม่ได้ห้ามรถเข็นมาจอดขายนะ”
“อันนั้นมันเรื่องของมึงจ้ะ ส่วนนี่มันหน้าร้านกู” มาดามเนื้อทองเท้าสะเอวอย่างโมโห แม่ค้าส้มตำตั้งหน้าตั้งตาเร่งสปีดตำอย่างเร็ว เป็นที่รู้กันว่าพวกเธอเพียงแค่ดึงเวลาให้แม่ค้าส้มตำรับออร์เดอร์เสร็จ ลูกค้าที่รอซื้อส้มตำก็เข้าข้างแม่ค้าขายส้มตำ ต่อว่าถึงความใจแคบในขณะที่เจ้าของร้านก็ยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก เป็นเพียงความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันเท่านั้นเอง
เสียงอึกทึกครึกโครมด้านล่างคือ ยายปูเจ้าของร้านส้มตำรถเข็นกับมาดามเนื้อทองคงจะเปิดศึกกันเหมือนอย่างเคย มาดามเนื้อทองเป็นเจ้าของร้านอาหารสามคูหาขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา ตอนกลางคืนเปิดเป็นบาร์เบียร์ให้นักท่องเที่ยวมานั่งดื่ม มีสามีฝรั่งเอาไว้ชูคออวดคนอื่นว่าเป็นมาดาม
มาดามเนื้อทองไม่ชอบให้รถเข็นมาจอดบังหน้าร้านของเธอ แต่โลเคชันเจ้ากรรมก็เหมาะเหม็ง เพราะเนื้อที่หน้าร้านของเธอกว้างขวางกว่าที่อื่น ลูกค้าส่วนมากเป็นชาวต่างชาติที่เดินมาเที่ยว ไม่ได้ใช้รถยนต์ สาว ๆ แถวนี้ก็มักกวักมือเรียกให้ร้านส้มตำหยุดเสมอ เพราะส้มตำเป็นเมนูโปรดของพวกเธอ จะไปจอดที่ไหนได้ ในเมื่อที่นี่เป็นทำเลทอง
ถัดจากร้านอาหารมาดามเนื้อทองเป็นร้านนวดที่เป็นคู่แข่งกัน ต้องตากับมาลี ไม้เบื่อไม้เมาที่ชอบแย่งลูกค้ากันเป็นประจำ ต้องตาเป็นสาวใหญ่ที่เข็ดหลาบกับผู้ชายไทยและไม่ยอมลงเอยกับใครอีก ในขณะที่มีหนุ่มต่างชาติแวะเวียนมาขายขนมจีบเธอเสมอ ต้องตาเป็นม่ายสาวเนื้อหอม กระดังงาลนไฟหอมฉุย มีแต่คนบ่นว่าเสียดายที่เธอไม่ตกลงปลงใจหาคู่สักที
ร้านของต้องตาอยู่ติดกับร้านของมาลี ที่เนื้อหอมไม่ต่างกัน แต่จะแตกต่างตรงที่มาลีกวาดเรียบทุกหนุ่มที่เข้ามาดอมดมเธอ แถมยังอวดฟุ้งคุยโวกับการกระทำของตัวเองโดยไม่รู้สึกกระดากอาย เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแม่ในเรื่องการบริหารเสน่ห์ ถ้าจะให้นับสามีก็คงต้องใช้ตัวเลขหลายหลักทีเดียว
แล้วคุณล่ะ… คุณเป็นสาวสวยที่ชอบบริหารเสน่ห์เหมือนมาลี หรือเข็ดหลาบผู้ชายเหมือนต้องตา
เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์ อย่าหาว่าหนูแรดนะคะ นะคะ" "แรดเงียบๆ แอบกินเนียนๆ แต่เซียนต้องหลบ" อันดา เจ้าของสโลแกน ‘ถ้าผู้ชายคิดจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรม ผู้ชายตายก่อนเพราะเปลือง’ เด็กวิศวะก่อสร้างสุดแสบ สายปาร์ตี้ และนักล่าแต้มบริหารเสน่ห์ อันดาถูกครอบครัวมั่นหมายให้กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรก เธอเรียกคู่หมั้นว่าห่วงคล้องคอ โซ่ตรวนที่กักขังอิสระของเธอมาตลอดชีวิต เธอตั้งป้อมเกลียดเขา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือความรู้สึกจริงๆ กันแน่ ถึงแม้จะเผลอมีอะไรกับเขาในวันที่เธอเมาหนัก เธอก็สั่งให้เขาลืมเรื่องวันนั้น และห้ามตอกย้ำกับเธออีก เธอไม่แคร์กับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง…เขายอมหลีกทางให้เธอกับผู้ชายคนใหม่ วันนั้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าเธอขาดผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ปฏิบัติการตามล่าเฮียเบิ้มกลับมาทำผัวจึงเกิดขึ้น…
เรื่องชุลมุนเกิดขึ้น เพราะเขาดันไปเผลอพลาดท่า มีอะไรกับนักศึกษาฝึกงานเสียนี่ แถมเจ้าหล่อนยังทำเมินต่อพรหมจารีที่สูญเสีย หล่อนทำให้เขาเสียเซลฟ์ขาดความมั่นใจอยู่หลายวัน จนเขาจะต้องค้นหาความจริง หล่อนมีดีอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาลุ่มหลงได้มากขนาดนี้ คีรติหวงความโสดขั้นสุด รอดมือแม่เสือสาวนักล่ามาหลายปี แต่ดันมาตกม้าตาย ติดกับดักนักศึกษาสาว โดนเด็กตกเข้าให้ หัวใจแพ้ลูกอ้อนอ่อนยวบ แต่ร่างกายกลับฟิตปึ๋งปั๋งซะนี่ "เอาสิ! อยากจับตรงไหนก็เชิญ" วิเวียน นักศึกษาฝึกงานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ก่อสร้าง แต่เธอกลับถูกส่งไปดูแลห้องของเจ้านายในกรณีพิเศษ แต่ก็ทำปลาหายากราคาสูงลิบของเขาตายไป 9 ตัว เธอจึงต้องทำงานชดใช้เขาต่อหลังจากฝึกงาน บอสคีย์ ผู้ชายฮอตแห่งปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแถมดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ประธานบริษัทที่แสนดุ เฮี๊ยบและโหดขั้นสุด ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาต้องสมบูรณ์เป๊ะทุกองศา
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
เมื่อรักกลายเป็นแค้น เขาจะทรยศหัวใจได้นานแค่ไหนกัน เขากับเธอเป็นรักแรกของกันและกัน ทั้งคู่กำลังเตรียมจะสร้างครอบครัว แต่จู่ๆ เธอก็จากไปอย่างไม่ร่ำลา มีเพียงเงินก้อนหนึ่งเพื่อแลกกับอิสรภาพ เขาเหมือนโดนทุบหัวแล้วมัดด้วยหิน ซ้ำจับโยนถ่วงในทะเลลึก ความโกรธแค้นเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ในอก วันหนึ่งเธอกลับมาพร้อมคำอธิบายเรื่องราวเมื่อ 8 ปีก่อน แต่จะให้เขาเชื่อได้อย่างไร เมื่อสถานะ ‘นางสาว’ ของเธอเปลี่ยนเป็น ‘นาง’ และจูงมือเด็กน้อยวัย 7 ปี กลับมาด้วย “คุณรู้แล้วใช่มั้ย ว่ากะรัตไม่เคยทรยศคุณ” “เมื่อครู่มันก็แค่เซ็กส์ ใส่ชุดและกลับไปได้แล้ว” เขาบอกอย่างไม่แยแส “กะรัต! คุณกำลังท้องลูกของผมใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น “ครั้งนั้นมันก็แค่เซ็กส์ ไสหัวออกจากบ้านฉันไป”
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"