หากถ้าหล่อนไม่ได้แอบหลงรักเขา ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น การอยู่ภายใต้การปกครองของเขาก็คงไม่มีปัญหาใด ๆ แต่นี่หัวใจของหล่อนเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นเพียงแค่แผ่นหลังกว้าง และมันก็แทบจะกระโดดออกมาเต้นอยู่นอกอกด้วยความไร้ยางอายเพียงแค่เขาสบตา
หล่อนเป็นเอามาก รักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น และทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหล่อนตอนนี้ก็คือ ไปซะ ไปจากเขา ก่อนที่เขาจะสามารถอ่านความในใจของหล่อนได้ทะลุปรุโปร่ง
“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี”
ใบหน้าที่หล่อได้อย่างอัศจรรย์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือที่กำลังอ่าน ดวงตาสีดำราวกับนิลเนื้อดีฉายแววขุ่นเคือง แต่กระนั้นความเย็นชาที่เป็นสมบัติติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดก็ยังคงเกาะแน่นในดวงตาคมกล้านั้นไม่เสื่อมคลาย
“ผึ้งไม่อยากเป็นภาระของอริยวงศ์อีกต่อไปแล้วค่ะ”
ริมฝีปากได้รูปสวยราวกับสตรียกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยันเยาะ
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วก็จะไป ทั้ง ๆ ที่คุณปู่พึ่งเสียไปได้ไม่กี่อาทิตย์ ทำไม รอให้ท่านตายตาหลับสักพักไม่ได้หรือไง หรือว่ามีไอ้หนุ่มไหนมันรออยู่ล่ะ” น้ำเสียงกร้าวขึ้นน่ากลัว ใบหน้าหล่อเหลาสีอำพันนวลตานั้นกระด้าง ดิบเถื่อน
น้ำผึ้งส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตารื้นตา รู้สึกเสียใจไม่น้อยกับคำกล่าวหาที่มันไม่เป็นความจริงนั้น เพราะจริง ๆ แล้วที่หล่อนต้องรีบไปจากที่นี่ก็เพราะเขาต่างหากล่ะ หากอยู่ใกล้กัน ต้องเห็นหน้ากันทุกวันแบบนี้ ความลับบางอย่างที่หล่อนซ่อนไว้ในใจมาตลอดสิบกว่าปีมันคงต้องระเบิดโพล่งออกมาให้เขาเห็นอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตามมาก็คือการเย้ยหยัน หรือเสียงหัวเราะที่ไร้หัวใจ
“ผึ้งไม่ได้รีบไปหาใคร แต่ผึ้งอยากยืนด้วยขาของตนเอง ไม่อยากรบกวนคุณธันอีกต่อไป”
ธันชนนเลิกคิ้ว จ้องมองสาวน้อยที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
“หากคิดอย่างนี้ ทำไมไม่ไปเสียตั้งแต่สิบปีที่แล้วล่ะ ทนอยู่มานานขนาดนี้ทำไม”
น้ำผึ้งพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ความเจ็บปวดที่เขาโยนเข้าใส่ เหมือนคมมีดบาดลึกเข้าไปในอก เขาคงคิดเสมอมาล่ะสิว่าหล่อนคือกาฝาก
“ก็เพราะตอนนั้นคุณท่านให้ความเมตตากับผึ้ง แต่เมื่อสิ้นบุญท่าน บ้านหลังนี้ก็ไม่มีที่อยู่สำหรับผึ้งอีกต่อไป ผึ้งจะไปทันทีที่หางานทำได้ และมันก็คงไม่นานเกินกว่าที่คุณธันจะทนได้หรอกค่ะ”
น้ำเสียงประชดประชันของเด็กสาวผิวขาวละเอียดดั่งไข่ปอก ส่งผลให้กรามแกร่งของธันชนนขบกันจนแทบระเบิด
เขาจ้องมองสตรีสาวเบื้องหน้าอย่างสำรวจตรวจตรา
น้ำผึ้ง เปี่ยมสุวรรณ เด็กสาวลูกของคนใช้เก่าแก่ที่ปู่ของเขารับมาเลี้ยงดูหลังจากที่พ่อกับแม่ของเจ้าหล่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถตกเขา หล่อนเข้ามาอยู่ในอริยวงศ์ตั้งแต่อายุสิบสองปี ส่วนตอนนั้นเขาพึ่งเรียนจบปริญญาตรี เขาจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กหล่อนตัวผอมกะหร่อง ผิวไม่ได้สดใสเนียนตาอย่างตอนนี้ หน้าตาก็มอมแมม ผิดกับหญิงสาวตรงหน้าลิบลับ
เรือนร่างอรชรงดงามอยู่ในชุดกระโปรงติดกันสีชมพูสวย เส้นผมสีดำขลับตรงสลวยยาวถึงกลางหลัง มีคาดผมอันเล็กสีขาวคาดทับเส้นผมด้านหน้าไว้กันรำคาญ ผิวกายของหล่อนขาวนวลราวกับน้ำนม ใบหน้ารูปหัวใจขาวสะอาด เส้นคิ้วสีดำสนิทโก่งเป็นคันศรสวยอยู่เหนือดวงตากลมโตดำขลับ ที่ถูกล้อมกรอบด้วยแพขนตาดกดำงอนงาม จมูกโด่งเชิดรับกับเรียวปากอิ่มเต็มสวยสีเชอร์รี่สุก
“แต่ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหนทั้งนั้น น้ำผึ้ง”
คำสั่งที่ดังคล้ายเสียงคำรามหลุดลอดออกมาจากลำคอแกร่งชัดเจน หลังจากที่ถูกเขาใช้สายตาบางอย่างจ้องมอง
“แต่ผึ้งต้องไปค่ะ ผึ้งอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“ทำไม”
เขาจ้องมองด้วยสายตาดุดัน น้ำเสียงที่เริ่มแปร่ง เพราะความอดทนใกล้สิ้นสุดของบุรุษที่หล่อนแอบรักตรงหน้า ทำให้น้ำผึ้งรู้สึกเย็นวาบไปตามไขสันหลังทั่วร่าง
“เพราะว่า...”
เรียวปากอิ่มแห้งผากขึ้นมากะทันหัน เพราะหล่อนรู้อยู่เต็มอกว่าเหตุผลที่จะต้องรีบไปจากอริยวงศ์นี้คืออะไร
เพราะฉันรักคุณ รักมากเหลือเกิน รักจนไม่อาจจะทนยืนอยู่ข้าง ๆ คุณได้ เมื่อคิดว่าสักวันจะมีผู้หญิงสักคนที่คุณรักมายืนอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของคุณ
แต่ความจริงข้อนี้คงทำให้เขาเกรี้ยวกราดและดูถูกหล่อนมากกว่านี้ เพราะถึงยังไง หล่อนมันก็แค่เศษดินในสายตาของเขาอยู่ดี
น้ำผึ้งหวนนึกถึงอดีตตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าหล่อนจะทำยังไง เขาก็ไม่เคยมอง ไม่เคยสนใจจะพูดคุยกับหล่อนแม้แต่คำเดียว
หญิงสาวกัดกลีบปากของตัวเองอย่างลืมตัว เมื่อคำพูดที่โหดร้ายของเขาเมื่อหลายปีก่อน วิ่งกลับมากระแทกหัวใจของหล่อนอีกครั้งจนเลือดอาบ คำพูดที่ไร้หัวใจนี้มันมีอำนาจทำลายล้างหัวใจของหล่อนเสมอ เมื่อนึกถึงมัน
‘อย่ามาวุ่นวายกับฉันได้ไหมน้ำผึ้ง แค่เห็นหน้าเธอทุกวันฉันก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว’