อดีตนางไร้สามารถ ไม่กล้าแม้แต่จะปลิดชีพตนเอง ทว่าโชคชะตากลับนำพาวิญญาณมายังชาติภพใหม่ จากที่ไม่เคยมีกลับกลายเป็นมีพร้อม คนสำคัญที่มิเคยพานพบ นางพร้อมรักษาในชาตินี้
‘ที่นี่ที่ไหนกัน หรือว่าเราตายแล้วอย่างงั้นเหรอ’
หญิงสาวเรือนร่างระหงทว่าผอมบางนัก ผู้เป็นเจ้าของใบหน้างดงามอันแสนซีดเซียวเฝ้าครุ่นคิดถามตัวเอง ก่อนจะใช้ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองพร้อมกับสังเกตไปรอบๆ กายด้วยความแปลกประหลาดใจ จากนั้นเพียงชั่วครู่ใบหน้างดงามไร้สีเลือดก็คลี่ยิ้มสมใจขึ้นมาเต็มสีหน้าเมื่อรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
สมองเริ่มมีภาพเหตุการณ์ในอดีตปรากฏ ความทรงจำฉายผุดขึ้นมาช้าๆ ราวกับแผ่นหนังที่กำลังโลดเล่น
ใช่แล้ว ตอนนั้นเธอเดินอยู่บนบาทวิถีกับหลานสาวตัวน้อยผู้เกี่ยวข้องกันแต่เพียงในนาม เพราะอีกฝ่ายบอกว่าอยากจะกินน้ำแข็งไส
“น้าลินเดินให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม น้องเนยอยากกินน้ำแข็งไสไวๆ”
เด็กน้อยชี้นิ้วบอกเธอด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ จากนั้นร่างเล็กๆ จึงวิ่งข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะสนใจเกวลินที่เดินตามอยู่ด้านหลัง เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นชักช้างุ่มง่ามนักในสายตาตน โดยที่ผู้สูงวัยกว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากห้ามปราม คนโตกว่าจำต้องวิ่งตามไปติดๆ
รถเก๋งสีขาวคันงามยี่ห้อคุ้นตาคันหนึ่งแล่นตรงเข้ามายังพวกเธอ พร้อมกับเสียงเบรกห้ามล้อที่ดังลั่น ร่างบางหันไปมองรถที่แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะถึงตรงบริเวณที่เธอกับเด็กน้อยยืนอยู่ หญิงสาวพลันตัดสินใจผลักร่างเล็กๆ นั้นให้พ้นจากวิถีรถทันที
ใบหน้างดงามหันกลับไปมองรถคันเดิมอีกครั้ง เสี้ยวขณะนั้นดวงตาดอกท้อพลันสบประสานกับดวงตาเกรี้ยวกราดของผู้ที่อยู่ภายในรถ
เธอไม่ได้หลับตาหรือเบือนหน้าหลบตามสัญชาตญาณระวังภัย ทว่าดวงตาปากคิ้วคางกลับมีรอยยิ้มเจิดจ้าปรากฏ และนี่คงเป็นยิ้มเดียวที่มีตั้งแต่เธอเกิดมาได้สิบเก้าปี
จากนั้นร่างเธอก็ลอยละลิ่วปลิวไปด้วยแรงปะทะ หูได้ยินเสียงเบรกห้ามล้อดังสนั่นไปทั้งถนน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังตุ้บ! เมื่อร่างบอบบางปะทะกับรถอย่างจัง จนร่างของเธอกระเด็นห่างจากจุดที่ถูกชนไปหลายเมตร ท่ามกลางความมืดมิดหูแว่วได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานสาวเพียงในนาม ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลงไม่รับรู้ต่อสิ่งใดอีกต่อไป
ทว่าใบหน้านั้นยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ขอบคุณ... ที่ปลดปล่อย...
‘ตายแล้ว เธอต้องตายแล้วแน่ๆ’
เธอคิดกับตัวเองอย่างมั่นใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต บวกกับสภาพทิวทัศน์แปลกตาที่เห็นตรงหน้า ทำให้ใบหน้างดงามซีดขาวไร้สีเลือดและริมฝีปากซีดจางแสยะยิ้มกว้าง
ก่อนที่...
“ตายแล้ว... ฮ่าๆๆๆๆ ในที่สุดฉันก็ตายแล้ว”
ตอนนี้ถ้าอ่านแล้วจะรู้สึกว่าน้องดูจิตหน่อยๆ แต่ถ้าอ่านๆ ไปแล้วจะเข้าใจค่ะว่าทำไม😄😄
สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้วนะคะ จากผลงานเรื่องฮูหยินใหญ่ที่ผ่านมา นักเขียนก็มาต่อด้วยเรื่องยาวเหมยฮวาฤดูหนาวกันเลย อันที่จริงนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรกของนักเขียน แต่มาลงให้อ่านเป็นเรื่องที่สอง หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบผลงานของเหลียนฮวาสีชมพู และขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามกันด้วยนะคะ
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้