ฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์ แฝดผู้น้องของซุปตาร์สาวน้ำ ธารน้ำ นิรันนุกุล คูเวอร์ อายุ 23 ปี เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงโปร่งถึง 185 เซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าติดความเย็นชามาจากบิดา ริมฝีปากหนาสีแดงธรรมชาติ บุคลิกเย็นชานั้นไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าติดใครมา ความหล่อเหลาของเขาเป็นที่กล่าวถึง แต่ทว่ากลับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยเข้าถึงตัวของชายหนุ่มเลย จนในวงการแอบซุบซิบกันว่าน้องชายของซุปตาร์สาวชื่อดังเป็นเกย์ เพราะชอบไม้ป่าเดียวกัน รายล้อมรอบกายของเขาก็มีแต่ผู้ชาย แต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างกายของเขามีเธอ ที่เขายื่นข้อเสนอบ้าๆ เพื่อแลกกับการรักษาชีวิตเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้ ดาว ดาราภัส พงษ์วิภา ลูกคุณหนูตกอับที่สูญเสียบิดามารดาไปกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ถึงแม้จะมีญาติเยอะแต่ก็ไม่มีครอบครัวไหนเลยที่จะรับเด็กหญิงไปอยู่ในการดูแล สรุปคือเด็กหญิงถูกส่งต่อให้บ้านเด็กกำพร้า เธอเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดีด้วยการอุปถัมภ์จากครอบครัวนิรันนุกุล คูเวอร์ เด็กสาวซาบซึ้งในพระคุณ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจับพลัดจับพลู ต้องตกไปเป็นผู้หญิงของบุตรชายคนกลางของผู้มีพระคุณ ฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์ ที่ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นเกย์ แต่จะมีใครรู้ดีไปเท่ากับเธอ ว่าใบหน้าที่แฝงความเย็นชานั้น มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นจนร้อนลุ่มในหัวใจขนาดไหน **พระเอกเรื่องนี้ไม่ร้ายนะคะ เขาแค่เย็นชา แต่รักนางเอกมาก ความปากหนักทำให้นางเอกเกิดความเข้าใจผิด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรรอติดตามกันต่อไปน๊า.......
ในงานหมั้นของซุปตาร์สาวกับประธานหนุ่มหล่อจากเครือวงศ์พิวัฒน์ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายในโรงแรมหรูใจกลางกรุง มีแขกรับเชิญตบเท้ามาร่วมงานอย่างล้นหลาม สาวๆ ที่มาในงานนี้ก็หวังจะได้พบกับน้องชายฝาแฝดของซุปตาร์สาวที่ยังคงความโสดอยู่จนมีข่าวเมาท์ว่าเขาเป็นเกย์ แต่ตราบใดที่ยังไม่เคยมีเกย์คนไหนออกมาแฉ สาวๆ ทั้งประเทศก็ยังคงมีความหวัง
“ดาว... ไหวป่าว”
หญิงสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดพนักงานเสิร์ฟเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ไหวสิ วันนี้เป็นงานมงคลของคุณน้ำ ใจหนึ่งเราก็มาเพื่อเงิน แต่อีกใจเราก็มาเพื่อครอบครัวของเธอ” หญิงสาวที่มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มสมวัยบอกกับเพื่อนสนิท
ดาว ดาราภัส พงษ์วิภา นักศึกษาที่มารับงานแคชชวลในวันนี้กับเพื่อนสนิทเพราะต้องการเงินไว้ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและซื้อของใช้ส่วนตัว เธอและเพื่อนถึงแม้จะได้รับทุนการศึกษาจากผู้อุปการะ แต่ทว่านั่นก็เพียงพอแต่ค่าเทอม ค่าที่พักและค่าอุปกรณ์การเรียนเท่านั้น สองสาวจึงต้องหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำเพื่อหาเงินมาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
“เธอล่ะเฟรนด์ ไหวไหม” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ดูหน้าซีดผิดปกติ
“ไหวๆ ไม่ต้องห่วง นู่น... ไปเสิร์ฟตรงนู้นไป”
เฟรนด์บอกเพื่อนทั้งๆ ที่เธอเองรู้สึกไม่ดีแบบที่ปากพูด
ดาว ดาราภัสเติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าพร้อมๆ กับเฟรนด์ ทั้งสองสาวเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง และเป็นเหมือนคนในครอบครัว ถึงแม้ดาว ดาราภัสจะมีญาติพี่น้องหลงเหลืออยู่ แต่ก็ไม่มีญาติคนไหนอยากจะมานับญาติกับลูกคุณหนูตกยากอย่างเธอ
“อืม...ดูแลตัวเองด้วยนะยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่” หญิงสาวบอกเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะเดินไปตามทางที่เพื่อนชี้ไป
ร่างระหงในชุดบริกรของโรงแรมเดินเสิร์ฟแก้วแชมเปญที่อยู่บนถาดเกือบเต็มให้กับแขกภายในงานหมั้นของบุตรสาวผู้มีพระคุณ เธอค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ จนแก้วแชมเปญหมด หญิงสาวจึงเดินไปเปลี่ยนเป็นแก้วน้ำเปล่ามาแทน แต่ระหว่างทางเดินกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเธอบังเอิญชนเข้ากับหน้าอกหนั่นแน่นของแขกภายในงานเข้าพอดี น้ำในแก้วหกใส่เสื้อสูทสีขาว แก้วที่กำลังจะตกลงพื้นถูกมือหนาคว้าเอาไว้ได้ทัน
“ว้าย!!! ข่ะ...ขอโทษค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนที่จะเงยหน้ามองไปยังคนที่ถูกชน ใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าเย็นชาของเขานั้นทำให้หัวใจของสาวน้อยที่ไม่เคยมีความรักเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก แต่ทว่าเขาเย็นชาเกินกว่าที่เธอจะหลงใหลได้ปลื้ม
“อ่ะ...เอ่อ....ไม่เป็นไรครับ ทีหลังก็ระวังหน่อยนะครับ” เสียงเย็นชาดังออกมาก่อนที่มือหนาจะส่งแก้วที่เกือบตกแตกให้แล้วเดินจากไป
“ผู้ชายอะไรหล่อมาก....แต่เย็นชาชะมัด”
เสียงหวานดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กของดาว ดาราภัส พงษ์วิภาก่อนที่เสียงของเพื่อนสนิทจะดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ดาว...เป็นอะไรไหม”
เพื่อนสนิทที่มารับจ๊อบนี้ด้วยกันเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่เธอเห็นว่าเพื่อนเดินชนกับหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่แต่งตัวคล้ายๆ กับเพื่อนเจ้าบ่าว
“เกือบจะเป็น แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ไปทำงานต่อเถอะเดี๋ยวพี่นิตจะว่าเอา”
ดาว ดาราภัสบอกเพื่อนสนิท เฟรนด์ จุฑารัตน์เห็นดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วเดินไปเสิร์ฟแชมเปญต่อไป ส่วนดาว ดาราภัสเมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินจากไป ร่างระหงจึงเดินถือถาดพร้อมแก้วน้ำเปล่าเข้าไปเก็บ แต่ก่อนที่จะไปดวงตาคู่สวยก็ไม่วายที่จะหันไปมองที่ชายหนุ่มคนที่เธอเพิ่งเดินชนไปเมื่อครู่อีกครั้ง แต่เธอก็ต้องหลบสายตาของเขาแทบไม่ทัน เพราะเขาก็มองมายังเธอเช่นกัน
“มองอะไรนักหนาวะ แล้วเสื้อทำไมเปียกน้ำอย่างนั้น” สกาย เวหาเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่หายไปครู่เดียวพอกลับมาก็เสื้อเปียกราวกับว่าไปเล่นน้ำมา
“เปล่าไม่ได้มองอะไร... อ้อ...นี่เหรอ พนักงานซุ่มซ่ามน่ะ เดินมาชนดีที่คว้าแก้วไว้ทันไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นจุดเด่นแทนพี่ฟ้ากับพี่ซันแน่ๆ หึๆ” เขาละสายตาจากหญิงสาวคนนั้นก่อนที่จะหันมาตอบเพื่อนสนิท อีกฝ่ายมองตามสายตาของเพื่อนไปอย่างสนใจ
“สนใจเหรอ ไม่เคยเห็นมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนี้สักทีหึๆ”
สกาย เวหาเอ่ยถามออกมาอย่างรู้ทัน แต่มีหรือที่คนเย็นชาอย่างฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์จะแสดงออกมาทางหน้าตาให้เพื่อนได้จับได้ไม่ ว่าเขาแอบหวั่นไหวไปกับสาวสวยคนนั้นเสียแล้ว
“งานเสร็จกลับเลยเปล่าวะ เย็นนี้นายเข้าคลับไหม”
น้องชายของผู้เป็นเจ้าบ่าวพ้วงด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทเอ่ยถามคนที่ทำหน้าเย็นชาแต่ทว่าสายตากลับจ้องมองไปยังร่างระหงของสาวเสิร์ฟที่กำลังเดินไปเดินมาทั่วบริเวณงาน
“หืม... อือ...เข้าสิ”
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าติดเย็นชาตอบออกมาก่อนที่จะมองไปยังเวที สกาย เวหาส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากจะจับผิดเพื่อน เพราะเพื่อนเขาจะชอบใครหรือสนใจใคร มีหรือที่คนอย่างฟ้า แผ่นฟ้าจะไร้ความสามารถในการได้มาครอบครอง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้เลยก็ตามที
งานหมั้นระดับประเทศผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และทางว่าที่เจ้าบ่าวก็ได้ประกาศให้แขกภายในงานได้รับทราบว่าเขากับว่าที่เจ้าสาวจะแต่งงานกันในเดือนหกของปีหน้า ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาจากแขกและนักข่าวที่มาร่วมงานอยู่ได้ไม่น้อยเพราะระยะเวลานั้นห่างจากงานหมั้นเพียงหกเดือนเพียงเท่านั้น ไม่ใช่แค่แขกภายในงาน ว่าที่เจ้าสาวก็ตกใจเช่นเดียวกัน แต่เธอก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี ช้าเร็วเธอกับเขาก็ต้องแต่งงานกัน เพราะเธอรู้ดีว่าการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นนั้นเกิดจากความรักที่เขามีให้ หาใช่การแต่งงานจากการแสดงความรับผิดชอบของเขาไม่
หลังจากเสร็จงานที่โรงแรมหรู ทั้งดาว ดาราภัสและเฟรนด์ จุฑารัตน์ก็รีบกลับหอพักเพื่อไปอ่านหนังสือกันทันที สองสาวถึงแม้ว่าจะทำงานเสริม แต่ก็ไม่เคยละเลยเรื่องการเรียน การเติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ทำให้ทั้งสองสาวต้องต่อสู้และดิ้นรนในการใช้ชีวิตมากกว่าคนที่มีครอบครัวปรกติ ดาว ดาราภัสเคยคิดน้อยใจในโชคชะตา ที่เมื่อก่อนมีครอบครัวพร้อมหน้า แต่ก็ต้องมาสูญเสียบิดามารดาไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุ
เมื่อสูญเสียทั้งบิดามารดาไปพร้อมกัน ทางญาติพี่น้องก็ไม่มีใครรับเลี้ยงเธอเลย พวกเขาสนใจก็แต่เพียงทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาของเธอทิ้งเอาไว้ให้เพียงเท่านั้น และแน่นอนพอเงินก้อนนั้นหมดไป เธอก็ได้กลายมาเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า กลายมาเป็นเด็กที่ไร้ญาติ กลายเป็นลูกคุณหนูตกอับไปโดยปริยาย
“เหนื่อยไหมเฟรนด์ เราว่าวันหลังเธอไม่ต้องออกไปทำงานเสริมหรอกนะ เธอไม่ค่อยแข็งแรง เราไม่อยากให้เธอต้องมาล้มป่วย” ดาว ดาราภัสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เหนื่อยเลยดาว อย่าห่วงเราเลยนะ เรามีกันสองคนก็ต้องช่วยกันสิ ถ้าเราไม่ไหวเราจะบอกนะ” เพราะโรคหัวใจที่ยังไร้เงินทองรักษา ถ้าอยากหายดีก็ต้องเปลี่ยนหัวใจดวงใหม่ ซึ่งนั่นคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับฐานะของเธอทั้งสอง
“ไปอาบน้ำก่อนเราเลยนะเฟรนด์ เดี๋ยวเราทำกับข้าวรอ”
ดาว ดาราภัสบอกเพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในครัว เฟรนด์ จุฑารัตน์มองตามเพื่อนไปจนสุดสายตา ก่อนที่ร่างบางสูงโปร่งจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เสียงน้ำที่ไหลกระทบลงที่พื้นทำให้ดาว ดาราภัสรับรู้ว่าเพื่อนกำลังอาบน้ำตามที่เธอบอกแล้ว ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มออกมา เพราะมีกันอยู่แค่สองคน รักใคร่เหมือนพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัว การดูแลกันและกันย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ
หญิงสาวจัดการทำอาหารแบบง่ายๆ อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานข้าวผัดหมูสองจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็ก เพราะราคาห้องที่ถูกจึงทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องมีน้อยไปด้วย และส่วนมากของใช้เหล่านี้ก็เป็นของใช้ที่เธอทั้งสองคนใช้เงินส่วนตัวซื้อเข้ามา
เพราะความเมตตาจากสวรรค์ ทำให้นางผู้ซึ่งสิ้นอายุขัยในวันที่คลอดลูก ได้กลับมาเกิดใหม่ ในร่างของคุณหนูสามผู้โง่เขลา บุตรีของท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่
นางแบบสาวไทยที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด...จนวันหนึ่งได้พบกับเขา เขาที่เป็นพี่ชายสามีของน้องนางแบบที่เคยทำงานด้วยกัน ชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะนอกจากถูกเขากวนใจแล้ว..เธอยังถูกเขากวนตัวอีกด้วย
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา ให้นางที่ตายไปแล้วด้วยน้ำมือคนที่รัก ได้ย้อนอดีตกลับมาเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้เขาหลอกลวงจนมีจุดจบที่น่าเวทนา มีหรือครานี้นางจะยอมเจ็บปวดเพราะเขาอีก...
คำว่ารัก...ไม่ควรจำกัดไว้แค่คำว่าเพศ เพราะโลกใบนี้ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เหมือนกับเขาสองคน ที่คิดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ในชาติภพก่อนนางคือวีรสตรีของแผ่นดินสยาม ปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึกศัตรูจนตัวตาย เกิดชาติภพใหม่ในยุคจีนโบราณ นางนั้นเติบโตขึ้นเป็นสตรีที่งดงามแต่ทว่าภายใต้ใบหน้าที่งดงามนั้นกลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀