สหรัฐ ชายหนุ่มหน้าตาดี ฐานะมั่นคง วัยพร้อมมีครอบครัวที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีความคิดจะแต่งงาน แต่ต้องมาแพ้ทางให้กับจินตนา เพื่อนสนิทของหลานสาวตัวเองที่อายุน้อยกว่าเกินรอบ ความน่ารักใสซื่อและไร้เดียงสาของหล่อน ทำให้เขาต้องเปลี่ยนตัวเองจากเทพบุตรมาเป็นตาแก่บ้ากามอย่างไม่มีทางเลือก! “เป้าเริ่มแฉะแล้วนี่” เขาบอก และมองด้วยสายตาที่ทำให้เธอต้องรู้สึกหน้าเห่อร้อนแดงก่ำจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหายไปเลย “มันไม่ได้แฉะเพราะอาตั้มหรอกค่ะ” เลือกที่จะโกหกคำโตออกไป เพื่อให้ตัวเองรู้สึกอายน้อยลง สหรัฐที่รู้ก็แค่นยิ้มหยัน “เด็กปากดี” สายตาของเขาบอกชัดว่าไม่เชื่อที่หล่อนโกหกเลยซักนิด แล้วคนตัวเล็กก็ต้องนอนตัวบิดตัวงอเมื่อฝ่ามือของเขาลูบล้วงใส่เนินสาวไปมา ปากอิ่มเผยอจะบอกให้เขาหยุดแต่ก็ไม่ทันปากหยักสวยได้รูปของเขาที่ประกบลงมาบดขยี้กลีบปากอิ่มร้อนแรง
ณิชา รุ่งจิมาศ จินตนา ทั้งสามสาวเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมหา’ลัยเดียวกัน ห้องเดียวกัน อยู่ปีสองคณะบัญชีกำลังจะขึ้นปีสาม และเพราะความสนิทกันมาก ทำให้ทั้งสามคนมาเช่าบ้านอยู่ร่วมกัน
ณิชาคือหญิงสาวบ้านมีฐานะ ครอบครัวทำธุรกิจส่งออก หน้าตาดี รักเพื่อนมาก และมีแฟนที่คบหากันมาได้เกือบปีแล้ว ชื่อสพล หนุ่มหล่อเดือนคณะวิศวะที่รู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อนสนิท
รุ่งจิมาศ สาวสวยหุ่นดีดาวคณะ มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมาก และยังเรียนเก่งอีกด้วย เรียกว่าโปรไฟล์เลิศเลอเพอร์เฟคสุด ๆ เดินไปไหนจะต้องมีหนุ่ม ๆ เข้ามาขอเบอร์แลกไลน์อยู่ตลอด
และคนสุดท้ายก็คือจินตนาเด็กสาวต่างจังหวัด ที่ครอบครัวเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ หน้าตาไม่ถึงกับสวยแต่นิสัยยิ้มเก่ง เรียบร้อย มองโลกในแง่ดี และยังเป็นคนแนะนำให้สพลรู้จักกับณิชาด้วย
และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งสามคนสอบวันสุดท้ายเสร็จพอดี ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะต้องกลับบ้านแยกย้ายกันกลับบ้าน ณิชาที่อยากมีความทรงจำดี ๆ กับเพื่อนก่อนปิดเทอม เลยชวนเพื่อนสนิททั้งสอง และแฟนหนุ่มไปเที่ยวที่บ้านพักริมทะเลของอาตัวเองที่ชลบุรียาว ๆ หนึ่งอาทิตย์ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย เพราะเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือสอบกันมาหลายวันแล้ว ได้ไปพักผ่อนสมองซักหน่อยก็คงดี
ระหว่างที่สามสาวรอสพลขับรถมารับอยู่ ณิชาที่อยากจะอวดอาหนุ่มของตัวเองก็เปิดในมือถือให้สองสาวดู
“แน่ใจนะ ว่านี่เป็นอาของเธอจริง ๆ ยัยชา”
รุ่งจิมาศ หรือรุ้งถามและเพ่งมองชายหนุ่มหล่อในรูปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะดูกี่ที ๆ อาของเพื่อนก็เหมือนผู้ชายอายุยี่สิบกลาง ๆ มากกว่าจะแก่เป็นรุ่นคุณอาแล้ว จินตนาที่เห็นก็รู้สึกไม่ต่างจากกับรุ่งจิมาศ
“นี่แหละอาตั้ม อาของฉันเอง”
ณิชายืนยัน และรีบพรีเซนต์อาหนุ่มสุดหล่อตัวเองให้เพื่อนฟังทันที
“อาตั้ม อายุสามสิบหก เป็นลูกหลงน่ะ ก็เลยอายุอ่อนกว่าพ่อฉันหลายปี หล่อ รวย และที่สำคัญยังโสดด้วยนะจะบอกให้”
“จริงเหรอ?”
รุ่งจิมาศทำเสียงตกใจสุด ๆ ยิ้มกว้างดีใจอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นอาเพื่อนก็รีบเก็บอาการ ณิชาที่มองออกก็หัวเราะขำออกมาอย่างรู้ทัน
“ฉันไม่ได้หวงอาขนาดนั้น ถ้าอาฉันชอบใครฉันก็ชอบด้วย ยิ่งถ้าเป็นพวกเธอสองคนนะ ฉันยิ่งยินดีสุด ๆ”
เธออยากให้อาตั้มมีแฟนซักที จะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามจากคนในครอบครัวว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน
“ฉันน่ะยังพอมีสิทธิ์ลุ้นได้บ้างนะ แต่ยัยจ๋อมคงหมดสิทธิ์แล้ว”
“ทำไมอ่ะ” ณิชาถามสงสัย รุ่งจิมาศเลยพูดต่อ
“ก็ตั้งแต่รู้จักกันมา ฉันยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนได้เห็นข่าอ่อนยัยจ๋อมเลย”
รุ่งจิมาศพูดเล่นขำ ๆ แต่เรื่องที่ไม่เคยเห็นขาอ่อนจินตนาน่ะเรื่องจริงมาก คนอะไรชอบใส่แต่กางเกงขายาว ไปเรียนมหา’ลัยก็ยังชอบใส่กระโปรงยาวเกือบถึงตาตุ่มอีก
“เธอก็พูดไปยัยรุ้ง จ๋อมของเราออกจะน่ารักเนอะ”
พูดจบก็หันไปยิ้มให้จินตนา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อเสียงกดกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“สงสัยพลมารับแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
ณิชาบอกเพื่อน ๆ ก่อนจะพากันหิ้วสัมภาระของตัวเองเดินออกจากบ้าน ยกขึ้นรถปาเจโร่สปอร์ตของสพล
ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ มาชลบุรี สองชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมาย
บ้านไม้สไตล์คอทเทจสีขาวล้วนสองชั้นหลังใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเลบรรยากาศดีบ่งบอกถึงการมีฐานะของเจ้าของ ซึ่งก็คือ สหรัฐ เศรษฐภาค ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของภาคตะวันออก
เดิมทีสหรัฐทำงานเป็นวิศกรบริษัทน้ำมัน พอทำงานจนรู้สึกอิ่มตัวก็มาเปิดบริษัททำบ้านจัดสรรขาย ซึ่งผมตอบรับที่ได้กลับมาก็ดีมากจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
จากเริ่มแรกที่ลงทุนหลักสิบล้านก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยล้านจนตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นธุรกิจระดับพันล้าน จนชื่อของสหรัฐกลายเป็นที่รู้จักในหมู่แวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีอิทธิพลในภาคตะวันออก
ความหล่อและร่ำรวยของเขาทำให้ผู้หญิงมากมายวิ่งเข้าหา แต่ว่าเขาก็ไม่เคยเปิดตัวว่าคบหากับใครเป็นจริงเป็นจัง จนครอบครัวเริ่มถามบ่อยขึ้นว่า เมื่อไหร่เขาจะแต่งงานซักที แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คือความเงียบ
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."