เพราะความผิดพลาดเลยทำให้เธอโดนว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนรักตัวเองจับตัวไป ถึงเพื่อนเธอจะไม่ได้ชอบเขา แต่มันก็ไม่ควรเธอกับเขาไม่รู้จักกันสักหน่อย แถมเขาคือคนของเพื่อนอีก เธอเลยลืม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมง่ายๆ แนะนำตัวละคร มิคเซอร์>>>นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง ที่ต้องจากบ้านเกิดมาอยู่ในไทยเพราะคำสั่งสุดท้ายของพ่อ เป็นคนชอบเอาชนะคน ไม่เคยแพ้ใคร ยกเว้นน้องชายคนละแม่ของตัวเอง ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง แต่ดันมาตกหลุมรักนางแบบสาวสุดฮอตอย่างจุ๊บแจง "ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่นอนด้วยอย่างนั่นสินะ" จุ๊บแจง>>>นางแบบสาวสวยสุดฮอต เพื่อนสนิทคนเดียวของมะปรางค์ รักอิสระ ไม่ชอบการถูกบังคับ คิดเสมอว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นของเขา "ทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับหนูทั้งที่คุณมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว"
Jupjaeng talk.
สนามบินเชียงใหม่
ร้อยชะมัดเลยอากาศประเทศไทย กลับมากี่ครั้งทำไมฉันเจอแต่หน้าร้อนล่ะ ที่นี่มีกี่ฤดูกันแน่เนี่ย ทำไมฉันรู้สึกว่ามันมีแต่ร้อน ร้อนมาก ร้อนสุดๆ ทั้งที่ฉันเป็นคนไทยแท้ตั้งแต่กำเนิด เกิดมาที่นี่แต่ฉันก็ไม่เคยชินกับอากาศแบบนี้สักที ดีนะที่ฉันย้ายไปอยู่กับคุณแม่ที่อังกฤษไม่งั้นคงดำเป็นถ่านแน่ๆเลยเวลาถ่ายแบบ
เข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันเป็นนางแบบชื่อดังของเมืองไทย เวลามีงานทีฉันก็ต้องบินมาถ่ายแบบที่นี่ พอเสร็จงานก็ค่อยบินกลับอังกฤษ ฉันเลยมักจะปฏิเสธงานที่พี่ปลาผู้จัดการส่วนตัวของฉันหามาให้เป็นประจำเพราะขี้เกียจเดินทาง ที่จริงไม่ต้องไปหาก็มีคนติดต่อให้ฉันไปถ่ายแบบให้ตลอดแต่ฉันเรื่องมากไงเลยไม่ค่อยจะรับงานสักเท่าไร
แต่งานนี้ฉันปฏิเสธไม่ได้ ก็พี่ปลายื่นคำขาดว่าถ้าฉันไม่รับงานถ่ายแบบชุดว่ายน้ำที่ภูเก็ต เธอจะโกรธฉันน่ะสิ ฉันเลยต้องยอมรับงานนี้ ซึ่งกำหนดมันอีกสามวันข้างหน้า ที่มาก่อนเพราะคิดถึงเพื่อนสนิทคนเดียวที่ฉันมี
ฉันน่ะเพิ่งจะย้ายไปอยู่กับแม่ที่อังกฤษ เมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากที่แม่ฉันได้สามีใหม่เป็นชาวอังกฤษ เขาเปิดห้องเสื้อขนาดกลางให้แม่ฉัน ลูกสาวที่แสนดีอย่างฉันเลยย้ายไปช่วยทำงานนิดหน่อย จริงๆไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแค่ไปนั่งออกแบบชุดแล้วก็ลองชุดแค่นั่น ฉันเรียนจบสถาปัต กับแค่การออกแบบเสื้อผ้ามันไม่ยากเกินความสามารถฉันหรอก
"ยัยจุ๊บ"เสียงคนขับรถ หึๆๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ เสียงพี่อาร์มพี่ชายสุดหล่อลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ฉันโทรหาเขาก่อนจะขึ้นเครื่อง บอกให้เขามารับฉันที่สนามบิน พอเห็นเขายืนโบกไม้โบกมือให้ฉันเลยยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหา
"โอ้ย!!!" แต่ดันโดนผู้ชายคนนึงชนเข้าซะก่อน ฉันล้มลงจนตูดกระแทกกับพื้นแทนที่ผู้ชายตรงหน้าจะขอโทษหรือดึงฉันขึ้นเขากลับ
"ซุ่มซ่าม"อีตาบ้านี่ว่าฉันซุ่มซ่ามทั้งที่ตัวเองเป็นคนชนฉันแท้ๆ
"นี่นาย นายเป็นคนชนฉันนะแทนที่จะขอโทษ หล่อซะป่าว"ฉันเลยรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะด่าเขากลับ ความหล่อมันไม่ได้ช่วยให้เขามีมารยาทเลยรึไง
"เป็นอะไรรึป่าวยัยจุ๊บ"
"หนูไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะ"ฉันเลยจับแขนพี่อาร์มลากเขาออกจากตรงนั่น หนอยมาว่าฉันซุ่มซ่ามไอ้คนเฮงซวยอย่าได้เจอกันอีกเลย
"รู้รึไงว่าพี่จอดรถไว้ตรงไหน"พอพี่อาร์มพูดฉันเลยหยุดเดินก่อนจะหันไปมองหน้าเขา
"ประตูโน้น"
"อ้าว..แล้วไมไม่บอกหนูอ่ะ"
"พี่ก็นึกว่ารู้เห็นเดินลากเอาลากเอาแบบนี้"พี่อาร์มพูดยิ้มๆ
"ก็คนมันกำลังโมโหนี่น่า เลยอยากจะออกจากตรงนั่นให้เร็วที่สุด"พี่อาร์มส่ายหน้าก่อนจะพาฉันไปที่แลมโบสีน้ำทะเลของเขา
"หืออ...กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนิ อย่าบอกนะว่า โอ้ย!!!"พอฉันเข้าไปนั่งในรถฉันก็ได้กลิ่นชาแนล กลิ่นน้ำหอมที่ฉันชอบ ฉันเลยหันไปแซวแต่แทนที่พี่ชายฉันจะเขินเขากลับตีเข้าที่หน้าผากฉันแทน
"หยุดความคิดไปเลยนะจุ๊บแจง พี่ไม่ได้เอาผู้หญิงในนี้หรอก ในนี้มันแคบเอาไม่ถนัดนี่กลิ่นน้ำหอมเมียพี่"
"หนูก็ยังไม่ว่าอะไรสักหน่อยนี่ค่ะ" ดูพี่ชายฉันสิยอมรับหน้าตาเฉยว่ามีเมียแล้ว เมื่อก่อนนะคำว่าแฟนคำว่าเมียสะกดเป็นรึป่าวเถอะ หึๆ ดูตอนนี้สิเรียกเมียเต็มปากเต็มคำเชียว
"ให้พี่ไปส่งเราที่ไหน พี่มีงานต้องทำนะนี่ก็โดดประชุมมารับเราด้วย"ก็ลองพี่อาร์มไม่มารับฉันดูสิฉันจะฟ้องป้าดาแม่พี่อาร์ม ท่านเป็นพี่สาวแท้ๆของแม่ฉันเอง
"ไปบริษัทยัยปรางค์ก็ได้ค่ะ"พี่อาร์มพยักหน้าก่อนจะขับรถไปส่งฉันที่บริษัทของมะปรางค์เพื่อนสุดที่รักของฉัน ยัยนั่นเป็นถึงCEOของบริษัทเชียวนะ
"สวัสดีค่ะพี่แก้ว ไม่เจอกันนานเลยนะคะ"ฉันยิ้มทักทายเลขาของยัยมะปรางค์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน
"อ้าวคุณจุ๊บ สวัสดีค่ะ มาหาคุณหนูหรอคะ อยู่ด้านในค่ะ"พี่แก้วพูดยิ้มๆก่อนจะพยักหน้าไปทางประตูห้องทำงานของเพื่อนฉัน ฉันเลยเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออกเบาๆ พอเห็นคนข้างในนั่งก้มหน้าทำงานฉันเลยค่อยๆแทรกตัวเข้าไปช้าๆไม่ให้มีเสียง ก็เวลายัยปรางค์ตั้งใจทำงานน่ะไม่ค่อยสนใจโลกภายนอกเท่าไร ฉันค่อยๆย่องเข้าไปจนถึงโต๊ะทำงานของเพื่อนรัก
"Helloooo"ฉันตะโกนเสียงดังจนยัยปรางค์สะดุ้งตกใจ
"ยัยบ้าตกใจหมดเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ มาได้ไงยะ"
"บินมา"ฉันตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
"ว่างรึไงถึงมาได้"
"มีงานถ่ายแบบที่ภูเก็ตอีกสามวันข้างหน้า คิดถึงแกเลยบินมาก่อน"
"มาเอง"
"No...พี่อาร์มไปรับมายะ ถ้าพี่ชายฉันโสดนะ ฉันเชียร์แกไปนานล่ะ"
"หรอ เสียใจด้วยนะคุณนรินทร์แต่งงานแล้วลูกหนึ่งด้วย จะมาจับคู่ให้ฉัน หาให้ตัวเองก่อนดีกว่าไม"
"NoNo...ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย อยู่คนเดียวดีกว่า ทำอะไรก็ได้"ฉันพูดก่อนจะนอนราบไปกับโซฟา
"ตามใจแกแล้วกัน โสดให้ผู้ชายเสียดายไปเถอะค่ะคุณจุ๊บแจง"ยัยปรางค์พูดก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
"หิวข้าวอ่ะแก"
"แล้ว???"
"พาเพื่อนรักไปกินข้าวหน่อยนะ หิว หิวมาก หิวมากๆ"ฉันพยายามทำเสียงอ้อนเพื่อนรักสุดชีวิตจนย้ยปรางค์อมยิ้มก่อนจะส่ายหน้า
"อยากกินอะไร"
"อยากกินต้มแซ่บกระดูกอ่อน ปลากระพงนึ่งมะนาว ปลาช่อนลุยสวน ขนมจีมน้ำเงี้ยว..."
"พอๆสาบานได้ว่าแกเป็นนางแบบ กินขนาดนี้ไม่กลัวอ้วนรึไงยะ"
"ไม่กลัว"ก็ฉันมันเป็นประเภทที่กินเท่าไรก็ไม่อ้วนจะกลัวไปทำไม
"งั้นก็ตามใจ"ยัยปรางค์พูดก่อนจะเก็บเอกสารให้เข้าที แล้วพาฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ แบบนี้ค่อยสมกับเป็นเพื่อนสุดที่รักของฉันหน่อย ฉันกับยัยนี่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเราสองคนไม่คบคนอื่น หรือคนอื่นไม่อยากคบเราสองคนกันแน่ ฉันกับยัยนี่เลยคบกันอยู่แค่สองคน
อาร์ม>>>นักศึกษาปี4 คณะวิศวะ สุดหล่อที่โคตรใจร้อนไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนนอกจากน้องสาวอย่างแอมแปร์และเพื่อนรักอย่างน้ำฝน "เด็กแพทย์กูนึกว่ามีแต่คนเรียบร้อย แต่คนนี้กูว่ามาร้อยก็เรียบ" เมเบิ้ล>>>นักศึกษาปี4 คณะแพทย์ สาวสวยประจำคณะ เพื่อนสนิทของน้ำขิง สวยแรง เก่ง ฉลาด "เรียนแพทย์เขาใช้สมองนะ ไม่ใช่การแต่งตัว" ดีม>>>นักศึกษาป.โท คณะวิศวะ เพื่อนสนิทของอานนต์ เพลย์บอย เจ้าชู ไม่เคยจริงจังกับใคร "ก็พี่อยากรับผิดชอบหนูนี่คะ" แอมแปร์>>>นักศึกษาปี1 คณะบริหารสาวสวยที่พี่ชายโคตรหวง น่ารัก นิสัยดี แต่ดวงซวยเสียทีให้ผู้ชายในผับของพี่ตัวเอง "จะตามหนูเป็นเงาเลยรึไงคะ"
สายน้ำประธานหนุ่มหน้าหวานที่พูดน้อยต่อยหนัก กับพ่อเลี้ยงอานนต์คนตรงๆไม่ยอมลงให้ใครนอกจากแฟนคนเดียว เกิดความเข้าใจถึงขั้นแตกหัก พ่อเลี้ยงอานนต์จะทำยังไงให้คนรักยอมให้อภัย
เพราะความกลัวทำให้เธอต้องปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ให้คนอื่นรู้โดยเฉพาะเพื่อนสนิท จนเป็นเหตุทำให้เขาเกิดความน้อยใจเธอขึ้นมา เขาเลยหลุดปากพูดบางสิ่งออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าคนที่อยากจะเป็นอิสระจากเธอคือเขาซะเอง แล้วเขาจะทำยังไงให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั่น เขาแค่ต้องการเปิดเผยสถานะของตัวเองให้คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ
เมื่อคนที่เขารักกำลังจะหมั้นหมายกับผู้ชายคนอื่น เขาเลยต้องปิดบังฐานะของตัวเอง เพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทของเธอ เขาจะทำให้เธอหันมาสนใจเขาได้รึป่าว ในเมื่อการหมั้นหมายของเธอนั่นมันมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?