คำว่าหน้าที่มันฝังลึกอยู่ในหัวสมอง อีกทั้งฐานะที่แตกต่างจนไม่อาจเอื้อมมือถึง ทำให้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนความรู้สึกที่มีต่อ 'จัสทีน่า' เอาไว้ ทำได้เพียงเฝ้ามองดูเธอใกล้ ๆ เท่านั้น และสุดท้ายเขาต้องจากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเจ็บร้าว เธอไม่ได้ฟังแม้กระทั่งคำลาจาก 'ฮะมีส' สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เธอจนเกือบสิ้นลมหายใจสุดท้าย...
"องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ทรงทำแบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์หนุ่มรุ่นพี่อายุมากกว่าห้าปี ที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลปกป้ององค์หญิงจอมแก่นวัยสิบแปด ที่กำลังย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเป็นสาวสะพรั่ง เขาเรียกขานด้วยน้ำเสียงที่ติดกังวล ด้วยความซนของจัสทีน่าที่กำลังจะแอบหนีออกไปเที่ยวนอกวัง ทั้งที่มารดานั้นสั่งห้ามหนักหนา เกรงว่าจะได้รับอันตราย
"ชู่ เบา ๆ สิเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าหรอก" เสียงที่ดังของฮะมีสทำให้องค์หญิงจัสทีน่านั้นหันมาเอ็ดเบา ๆ จ้องหน้าเขม็ง พร้อมกับหันมองซ้ายมองขวา เพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า จนทำให้หล่อนนั้นถูกจับได้...อดเที่ยวกันพอดี
"หากองค์ราชินีทรงทราบเข้า องค์หญิงจะถูกลงโทษนะพ่ะย่ะค่ะ" ฮะมีสองครักษ์เพียงคนเดียวที่จัสทีน่าไว้ใจ เพราะดูแลหล่อนมานานหลายปี เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงจัสทีน่า และเขาก็คอยช่วยเหลือปกปิดความซนของจัสทีน่ามาตลอดหลายปีที่ได้ปกป้องดูแล
"ก็อย่าให้เสด็จแม่จับได้สิ ไปเร็ว!" จัสทีน่าว่าขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา เท่าที่ผ่านมาหากถูกจับได้ คนที่ถูกลงโทษนั่นคือฮะมีสที่ออกหน้ารับแทนเสมอ แต่จัสทีน่าหาได้ใส่ใจหรือรู้สึกผิดไม่ หล่อนยังคงกระทำแบบเดิมอย่างเอาแต่ใจตามนิสัยที่เป็น
"รอบนี้กระหม่อมห้ามเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ" ฮะมีสเริ่มจะเดือดดาล เมื่อความดื้อรั้นขององค์หญิงจอมแสบชักจะเหิมเกริม เขาได้รับสิทธิ์จาก เชคฮ จาห์มาล์ ในการดูแลบุตรสาวเพียงคนเดียวของพระองค์ รับรู้ถึงความดื้อรั้นของลูกสาวเป็นอย่างดี ถ้าฮะมีสดูแลไม่ได้องครักษ์คนอื่นก็ยากที่จะต่อกลอนกับองค์หญิงจัสทีน่าแล้วล่ะ อีกทั้งฝีมือในการต่อสู้ยอดเยี่ยมนั้นทำให้ เชคฮ จาห์มาล์ ไว้เนื้อเชื่อใจ
"นี่กล้าชักสีหน้าใส่เรารึ?" จัสทีน่าไม่ชอบใจกับสีหน้านิ่งขรึม คิ้วขมวดขององครักษ์ จนหล่อนต้องเดินเข้ามาใกล้ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่วางอำนาจใส่
"และถ้าองค์หญิงยังดื้อรั้นที่จะลักลอบหนีเที่ยวข้างนอก อย่าหาว่ากระหม่อมใจร้ายก็แล้วกัน" ฮะมีสไม่ยอมปรน เขาขยับขาเดินเข้าไปใกล้ ก้มมององค์หญิงจอมซนที่อยู่ใต้ความสูงด้วยสายตาที่สื่อความหมายว่าเขาเอาจริง หากหล่อนคิดจะต่อกลอนไม่ยอมเชื่อฟัง
"อย่ามาห้ามนะ! เป็นแค่องครักษ์มีหน้าที่ดูแลปกป้อง ไม่ใช่มาสั่งการเช่นนี้" จัสทีน่าว่าขึ้นอย่างไม่ยอมเช่นกัน หล่อนเงยหน้าสู้สายตาอันดุดันของฮะมีส แม้จะตัวเล็กกว่าก็ใช่ว่าจะยอมใครได้
"อย่าให้กระหม่อมต้องเล่นบทเถื่อนนะพ่ะย่ะค่ะองค์หญิงจัสทีน่า" ฮะมีสจ้องตาหล่อนไม่กะพริบ พร้อมก้าวขาเข้าหาเรื่อย ๆ เป็นการข่มขู่เมื่อจัสทีน่าเริ่มจะเอาแต่ใจเกินไป ที่ห้ามนั่นเพราะห่วงความปลอดภัย ข้างนอกมีอันตรายรอบด้าน วันนี้คุ้มครองได้แต่ใช่ว่าจะไม่พลาดเลยสักครั้ง ไม่ได้ห่วงตัวกลัวตาย แต่กลัวว่าองค์หญิงที่อยู่ตรงหน้าได้รับบาดเจ็บเสียมากกว่า
"ถอยออกไปนะ!" จัสทีน่าถอยหลังก้าวต่อก้าว เริ่มหวาดหวั่นต่อสายตาอันดุดันของฮะมีส แต่ความไม่ยอมคนทำให้หล่อนสู้สายตานั้นด้วยความระแวง หล่อนเคยเจอมาแล้วกับความเถื่อนของฮะมีส มีเล่นอุ้มหล่อนพาดบ่า แล้วกัดขาของหล่อนจนเป็นรอย แต่ไม่กล้าบอกใครได้เพราะกลัวถูกลงโทษที่แอบหนีออกจากวัง สุดท้ายฮะมีสตามเจอในขณะที่ฮะมีสโมโหหน้าแดง หล่อนเลยถูกเขาจัดการ
"องค์หญิงจะกลับเข้าไปด้านในดี ๆ หรือต้องให้กระหม่อมอุ้มไปแบบเดิมพ่ะย่ะค่ะ" ฮะมีสเอ่ยเสียงนิ่งที่ฟังแล้วขนลุก อุ้มแบบเดิมที่จัสทีน่ารู้ดีคือลักษณะแบบไหน มันทำให้หล่อนนึกกลัว
"ไม่นะ!!" ได้ยินแค่นั้นจึงรีบวิ่งหนีกลับด้านในเขตราชสถานอย่างไม่รีรอ หล่อนกลัวในการท้าทายของฮะมีสที่ทำจริงดั่งปากว่า ครั้นหล่อนจะฟ้องบิดากับมารดา เขาก็ยิ่งจัดการหล่อนหนักขึ้น และต้องรับรู้ว่าหล่อนได้กระทำความผิดอันใหญ่หลวง นั่นคือสิ่งที่องค์หญิงจัสทีน่าจะไม่ต่อกลอนกับฮะมีสหรือเอ่ยปากฟ้องเด็ดขาด เพราะมันจะยิ่งเพิ่มโทษหนักแก่หล่อน
"ฮึ องค์หญิงจอมซน" ฮะมีสที่หันมองตามหลังถึงกับยกยิ้มส่ายหัวระอา แต่ละวันเขาเหนื่อยนักกับการออกปากห้ามจัสทีน่า ทว่าทุกเวลาที่ได้ดูกลับทำให้เขามีความสุขเช่นกัน
"โอ๊ะ!!"
"อะไรกันองค์หญิงวิ่งหนีอย่างกับพบเจอปีศาจเลยลูก"
วิ่งหน้าตั้งไม่ทันมองทาง จนชนเข้ากับมารดาที่เดินสวนมาจนล้มก้นกระแทกพื้น สายตาก็ยังมองกลับหลังด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าฮะมีสจะตามมาทัน
"หนีปีศาจเพคะท่านแม่ ปีศาจตนนี้มันดุร้ายนัก ลูกทูลลานะเพคะ" จัสทีน่าที่เห็นฮะมีสเดินย่างสามขุมดุ่ม ๆ เข้ามา หล่อนรีบเอ่ยลาแล้ววิ่งเข้าด้านในราชสถานส่วนตัวทันที
"ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะราชินี" ฮะมีสที่ต้องคอยประกบดูแลคุ้มครององค์หญิงแสนซน เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าราชินีแล้วทำความเคารพ
"เจ้าหรอกรึที่เป็นปีศาจในสายตาขององค์หญิง" พระนางเอ่ยแซวอมยิ้มมองฮะมีสที่โค้งหัวนอบน้อม จากนั้นจึงเดินจากมามุ่งหน้าสู่ที่หมาย
"แสบตั้งแต่เด็กยันโตนะองค์หญิง ระวังกระหม่อมจะกลายร่างเป็นปีศาจเต็มตัวให้ดู"
เขาทำให้หัวใจของผมเต้นแรง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น จนอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แต่ว่าเราสองคนดันแตกต่างกันคนละขั้ว ความรู้สึกดี ๆ ที่ผมมีให้จะเปลี่ยนแปลงทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ไหมนะ?
แม้จะดูเดียงสาสดใส แต่ใครจะรู้ว่าเธอนั้นแอบซ่อน ความเร่าร้อนไว้ในกาย ใจแข็งนักระวังเจออ้อนรักของ 'น้องอันดา' แล้วใจจะละลาย
เพราะเงื่อนไขบ้า ๆ ไร้เหตุผล ทำให้ผู้หญิงใสซื่ออย่าง เรนิตา ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ชายร้ายกาจ
แค้น ที่ฝังใจทำให้เธอต้องถูกจองจำ และรับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเริ่ม! ***** "ก็แค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น" "แต่ฉันก็มีหัวใจนะคะ...ฉันมีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น" "เป็นเช่นรึ? ฮึ! ความรู้สึกของเธอไม่ได้มีผลสำหรับเรา.,." "หยาบช้าสิ้นดี!" "เทียบเท่าไม่ได้กับสิ่งคาว ๆ ที่พ่อเธอทำ" "พวกแกมันระยำ!" "เราทำได้มากกว่าจุดไฟเผาทั้งเป็นอีก.,.หรือเธออยากจะลอง" จอมโจรทรนงผู้คนขนานนามถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ชายโฉดที่พรากพรหมจรรย์ของเธอ 'จัสซีเนีย' เธอเสียความสาวให้เขา 'จาห์มาล์' ผู้ชายป่าเถื่อนในแถบทะเลทราย สถานที่กบดานอันแสนไกล ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้ ภายใต้ชายคาของกรงขัง หัวใจดวงน้อยของจัสซีเนียถูกย่ำยีด้วยแรงราคะของความเคียดแค้น ตัวแทนแรงอาฆาตที่เธอไม่ได้กระทำ แต่ต้องรับผลกรรมแทนผู้เป็นพี่อย่างจำยอม.....ด้วยฝีมือของราชาโจร!
เมื่อความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทบานปลาย จนกลายเป็นความรักที่เก็บซ่อนภายใต้คำว่า เพื่อน ที่หลอมละลายพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ความรักครั้งนี้ต้องเจออุปสรรคมากมาย ทั้งคนใหม่และคนเก่าที่เข้ามาพัวพัน จนความรักเกิดการแตกหัก ทั้งความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีเลี่ยง พวกเขาจะผ่านปัญหาความรักนี้ได้อย่างไร มาลุ้นกัน!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน