"หยิ่งชะมัด คิดว่าเป็นเป็นดาราแล้วจะทำนิสัยแบบนี้ได้หรอ" เอิงเอยเอ่ยพูดขึ้นเมื่อถูกซุปเปอร์สตาร์เดินชนเข้าอย่างจังโดยไม่ทันระวังตัว "เดี๋ยวคุณ ขอโทษเอยก่อน" หญิงสาววิ่งฝ่าฝูงการ์ดสี่นายกระชากแขนชายหนุ่มเพื่อให้เขาเอ่ยคำขอโทษ " ... " สายตาเย็นชาถ่ายทอดมายังหญิงสาวตรงหน้า กาวินสบัดมือเล็กที่จับแขนเขาอยู่ให้ปล่อยออก ก่อนเดินออกไปโดยไร้คำขอโทษ "ไอ้บ้าเอ้ย อย่าได้พบเจอกันอีกเลย" เอิงเอยแสดงอาการหัวเสียออกมาอย่างยากจะควบคุม "คุณกาวินครับ" หนึ่งในการ์ดเอ่ยขึ้น เมื่อหันไปเห็นท่าทางของหญิงสาวที่เพิ่งวิ่งมาจับแขนกาวินเมื่อครู่ เป็นการถามทางอ้อมว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือเธออาจจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายก็เป็นได้เพราะเธอกำลังโหวกเหวกโวยวายชายหนุ่มอยู่ "ก็แค่คนบ้าดารา ฉันต้องสนใจด้วยหรอ" กาวินคิดว่าหญิงสาวคงเป็นเหมือนพวกแฟนคลับทั่วไปที่บ้าและคลั่งดาราเท่านั้น เขาไม่เคยสนใจเรื่องชื่อเสียงของตัวเองเลยด้วยซ้ำ "สันดารเสียขนาดนี้ มาเป็นดาราได้ไงวะ หงุดหงิดโว้ย" เอิงเอยยังคงโวยวายลั่นเมื่อไม่ได้รับคำขอโทษ ในขณะที่ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับมา "ชื่ออะไร" "ฉันต้องการคำขอโทษ ขอโทษฉันซะ ทุกอย่างก็จะจบ" "ถ้าไม่บอกชื่อ ก็ไม่มีคำขอโทษ"
[ประเทศฝรั่งเศส ณ กรุงปารีส]
@สนามบินฝรั่งเศสชาร์ลส์เดอโกล
"ว้าวววววว ขนาดแค่สนามบินที่นี่ยังสวยขนาดนี้เลย ต้องขอบคุณความฉลาดของฉันที่สอบชิงทุนมาได้" เอิงเอยยังคงตื่นตาตื่นใจกับสถานที่พำนักใหม่ของเธอกลางกรุงปารีส เมืองที่โรแมนติกที่สุดสำหรับเธอ
"แล้วฉันต้องไปทางไหนต่อละเนี่ย มีแต่จดหมายส่งตัว กับแผนที่หนึ่งฉบับ หญิงสาวในโลกอันกว้างใหญ่อย่างฉันจะต้องทำยังไง โอ้ยยย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วอ่ะ"
เอิงเอยเดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อถามหาทางออก ซึ่งสายตาของเธอก็บังเอิญไปเห็นป้ายโฆษณาน้ำหอมแบรนด์ดังที่มีดาราฮอลลีวูดอย่างกาวินมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
"คุณเอิงเอยคะ เดี๋ยวคุณเดินตรงไปทางซ้ายเลี้ยวขวา ตรงไปอีก แล้วเลี้ยวซ้าย ..." พนักงานประชาสัมพันธ์เอ่ยแจ้งรายละเอียดให้ทราบ
"เออ ต้องไปยังไงนะคะ เดินตรงไปทางซ้ายเลี้ยวขวา ตรงไปอีก แล้วเลี้ยวซ้าย เออ เขียนให้เอยแทนได้ไหมคะ เอยจำไม่ได้" ถึงจะฉลาดแค่ไหนฉันก็ต้องรอบคอบไว้ก่อนแหละ ถ้าหลงขึ้นมานี่แย่เลยนะ ฉลาดเป็นกรดจริงๆ ฉันเนี่ย
เอิงเอยเดินไปตามทางที่พนักงานประชาสัมพันธ์เขียนรายละเอียดไว้ให้ "ในสนามบินนี่ป้ายบอกทางมันไปไหนหมด เอารูปดารามาติดอยู่ได้ หน้ารำคาญจริง" เอิงเอยพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อมองหาป้ายบอกทางไม่พบ
พลั่ก!!!!!
"โอ้ยยย!!!" หญิงสาวล้มลงก้นจั้มเบ้ากับพื้นสนามบินอย่างแรงเมื่อชนกับใครคนหนึ่ง ผู้ชายที่หน้าเหมือนกันกับในโปสเตอร์ข้างหน้าเธอ แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือเขาเมินเฉยต่อเธอ แม้แต่ปรายตามองหรือขอโทษสักคำก็ไม่มี
"หยิ่งชะมัด คิดว่าเป็นเป็นดาราแล้วจะทำนิสัยแบบนี้ได้หรอ" เอิงเอยเอ่ยพูดขึ้นเมื่อถูกซุปเปอร์สตาร์เดินชนเข้าอย่างจังโดยไม่ทันระวังตัว
"เดี๋ยวคุณ ขอโทษฉันก่อน" หญิงสาววิ่งฝ่าฝูงการ์ดสี่นายกระชากแขนชายหนุ่มเพื่อให้เขาเอ่ยคำขอโทษ
" ... " สายตาเย็นชาถ่ายทอดมายังหญิงสาวตรงหน้า กาวินสบัดมือเล็กที่จับแขนเขาอยู่ให้ปล่อยออก ก่อนเดินออกไปโดยไร้คำขอโทษ
"ไอ้บ้าเอ้ย อย่าได้พบเจอกันอีกเลย" เอิงเอยแสดงอาการหัวเสียออกมาอย่างยากจะควบคุม
"คุณกาวินครับ" หนึ่งในการ์ดเอ่ยขึ้น เมื่อหันไปเห็นท่าทางของหญิงสาวที่เพิ่งวิ่งมาจับแขนกาวินเมื่อครู่ เป็นการถามทางอ้อมว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือเธออาจจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายก็เป็นได้เพราะเธอกำลังโหวกเหวกโวยวายชายหนุ่มอยู่
"ก็แค่คนบ้าดารา ฉันต้องสนใจด้วยหรอ" กาวินคิดว่าหญิงสาวคงเป็นเหมือนพวกแฟนคลับทั่วไปที่บ้า และคลั่งดาราเท่านั้น เขาไม่เคยสนใจเรื่องชื่อเสียงของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
"สันดารเสียขนาดนี้ มาเป็นดาราได้ไงวะ หงุดหงิดโว้ย" เอิงเอยยังคงโวยวายลั่นเมื่อไม่ได้รับคำขอโทษ ในขณะที่ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับมา
"ชื่ออะไร"
"ฉันต้องการคำขอโทษ ขอโทษฉันซะ ทุกอย่างก็จะจบ"
"ถ้าไม่บอกชื่อ ก็ไม่มีคำขอโทษ" ไอ้บ้านี่คิดว่าเป็นดาราแล้วจะทำไงก็ได้หรอวะ
"อะ เอิงเอย"
"..."
"ฉัน-ชื่อ-เอิงเอย"
"อืม อย่าให้ฉันเจอเธออีกเป็นครั้งที่สองละกันนะ บาย เอิงเอย"
"ฉันก็ไม่ได้อยากเจอนายนักหรอกไอ้ดาราเฮงซวย!!!" เอิงเอยตะโกนด่าดังลั่นสนามบินเมื่อกาวินค่อยๆ เดินหายไปจนลับตา
"วันนี้มันวันอะไรของนังเอยเนี่ย โวย!!!!" เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียต่างกลับกลุ่มแฟนคลับของกาวินที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ข้างหน้า ชูป้ายไฟ ชื่อกาวินจนทั่วสนามบิน
"นิสัยอย่างนั้นมาเป็นดาราได้ไงวะ แต่ช่างเหอะ ขอให้ชาตินี้อย่าได้พบเจอกันอีกเลย เพี้ยงง!!!" เอิงเอยยกมือขึ้นประนมขอพรจากฟ้า อย่าให้เธอได้พบเจอผู้ชวยเฮงซวยอีกเลย
@คอนโดหรูใจกลางเมือง
"โอ้โห ไม่คิดว่าแดดดี้กับคุณมี๊จะซื้อคอนโดหรูขนาดนี้ให้เลยนะเนี่ย อิอิ ส่งข้อความไปขอบคุณสักหน่อยดีกว่า"
หญิงสาวยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูยกขึ้นถ่ายรูปตัวเองให้เห็นแบล็คกราวเป็นคอนโดที่อยู่ข้างหลัง ส่งให้กับแดดดี้ และคุณมี๊ ดูทางแอพพลิเคชั่นแชทออนไลน์ ก่อนจะใช้รูปเดียวกันโพสลงอินสตาแกรมส่วนตัวโดยมีคำบรรยายใต้ภาพ
'แดดดี้สายเปย์'
เพียงเวลาแค่ไม่นานแดดดี้ของเธอก็เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับโพส
'รออีกสิบนาทีเดี๋ยวมีเซอร์ไพรให้ด้วย'
หญิงสาวเลื่อนอ่านคอมเมนต์ของผู้ให้กำเนิดอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าแดดดี้ของเธอจะมีเซอร์ไพรให้ด้วย และมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เพราะแดดดี้ไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้ง
[สิบนาทีต่อมา]
บรื้น! บรื้น! บรื้น! บรื้น!
รถยนต์คันหรูขนาดน่ารักกระทัดรัดสีสวยที่มีมูลค่ากว่าสามล้านบาทถูกขับมาจอดตรงหน้าหญิงสาว
หน้าคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองมันเป็นรถที่เธออยากได้ และอ้อนแดดดี้ของเธอมานาน เมื่อรถ The new MINI Cooper S Convertible Sidewalk จอดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงสมาร์ทโฟนเครื่องหรูดังขึ้น
ครืด! ครืด! ครืด! ครืด!
“ค่ะ แดดดี้”
(หนูชอบของขวัญที่แด๊ดให้หรือเปล่า)
“ของขวัญอันไหนคะ ถ้าเป็นคอนโดน้องเอยโอเคมากๆ ค่ะแดดดี้”
(แล้วอีกชิ้นหนึ่งไม่ชอบเหรอ ?)
“ใช่ คุณเอิงเอยหรือเปล่าครับ ผมเอารถมาส่ง”
“ใช่ค่ะ ฉันชื่อเอิงเอย เออ...รถ?”
“ครับ The new MINI Cooper S Convertible Sidewalk เป็นของคุณอย่างเป็นทางการแล้วครับ คุณบาสเตียนคุณพ่อของคุณท่านให้ผมขับมาส่งรถให้คุณวันนี้”
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” พนักงานส่งรถยื่นกุญแจรถคันที่เธอไฝ่ฝันมาให้ มือเรียวเล็กสั่นเทายื่นออกไปเพื่อรับกุญแจ ด้วยความดีใจอย่างมาก
“แดดดี้ให้น้องเอยใช่ไหมคะ ขอบคุณนะคะ”
“แด๊ดรักหนูนะลูก หนูต้องโทรกลับมาหาแด๊ดทุกวัน ถ้าไม่ว่างก็ขออาทิตย์ละห้าวันก็ได้ คุณมี๊จะได้ไม่ต้องห่วงนะลูก”
“รับแซ่บค้าบบบ ฝากบอกคุณมี๊เค้กด้วยนะคะ น้องเอยคิดถึง” ใช่ค่ะ ทุกคนไม่ต้องสงสัยเอยเป็นลูกของแดดดี้บาสเตียนกับคุณมี๊เค้กเอง แดดดี้ของเอยทำธุรกิจหลายอย่างเอาง่ายๆ เลยก็คือเอยแทบไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็มีกินมีใช้ไปหลายชาติเลยละ
แต่แดดดี้กับคุณมี๊สอนเอยเสมอนะว่า เงินที่มีก็หมดลงได้ถ้าไม่รู้จักเก็บรู้จักใช้ เอยเลยขอแดดดี้มาเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหาประสบการณ์แต่ใช่ว่าแดดดี้กับคุณมี๊จะยอมนะ ท่านให้เอยสอบชิงทุนมา และด้วยความหัวกะทิของเอิงเอยก็สอบชิงทุนมาได้ไม่ยากเลยละ
ขณะที่เอิงเอยกำลังชื่นชมรถหรูของตัวเองอยู่นั้นเธอกลับเห็นบางคนถูกกระชากกระเป๋ากลางสี่แยกไฟแดงหน้าคอนโดหรูของเธอ
เอาไงดีวะ แต่เราเป็นคนไทยนะ ก็ต้องช่วยแหละ “หยุดนะ!!” เอิงเอยตะโกนออกไปก่อนที่เธอจะถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวเด่นขว้างไปยังเป้าหมายอย่างตรงเป้า
“โอ้ยยย!!”
เขาเป็นทนายหนุ่มหล่อมากความสามารถที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะทางบ้าน สังคม เรียกได้ว่าเนื้อหอมในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะโสด ซิง หรือมีคู่ครองแล้วหากเสนอให้เขาก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ สาวๆ ต่างอยากควบคุม และครอบครองเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างเขาน่ะ 'รักสนุก แต่ไม่ผูกพัน' ก็ตาม คนอย่างเขาไม่เคยคิดหยุดอยู่ที่ใคร ความซิงไม่สามารถผูกมัดเขาได้ จนกระทั่ง... เธอเดินเข้ามาในชีวิตเขา
❤ โปรเจกต์สุดฮอตต้อนรับวาเลนไทน์ Match Love Valentines ❤ เรื่องราวของสาวขี้เหงาทั้งสี่คนที่เกิดอาการ เปลี่ยวใจอยากมีใครสักคน เลยต้องเข้าแอปหาคู่อย่าง MATCH LOVE เพื่อตามหาคู่เดตที่มาทำให้วาเลนไทน์ของพวกเธอ ไม่ต้องเหงาใจอีกต่อไป และแอปนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแมตช์รักของพวกเธอ...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังจากแอปหาคู่สักหน่อย? ไปลุ้นกันว่าแอปนี้จะช่วยให้พวกเธอสละโสดได้ไหม...!!!!
เธอทำให้เขารัก เธอทำให้เขาแค้น และก็เป็นเธอที่กลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขา เขาที่พยายามลืมความรักของเธอกดความเจ็บแค้นเอาไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ เธอทำให้เขารู้จักคำว่า "ทั้งรัก ทั้งแค้น" เป็นอย่างดี ในเมื่อเธอเลือกจะกลับมาเขาก็จะสาดความเจ็บแค้นคืนกลับไปให้เธอได้รู้สึก ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บช้ำที่ไม่มีวันลืมได้ลง
"ไม่ใช่ นี่มันเกียร์ฉัน!" "Oh! ขะ ... ขอโทษค่ะ ขอโทษ ก็คุณลุงไม่ให้มองมิลก์ก็กำผิดกำถูกสิคะ แล้วข้ามมาทำไมตอนรถไม่นิ่งละคะ" "ใครมันจะไปคิด ว่าเธอจะคิดทำมิดีมิร้ายกับฉันเล่า" "มิลก์เหรอคะ ที่คิดทำมิดีมิร้ายกับคุณลุงน่ะ ไม่ใช่ใช่คุณลุงเหรอคะ มาสอนมิลก์ขับรถแท้ๆ ตรงนั้นยังจะตั้งอยู่อีก"
ผอ. หนุ่มสุดหื่น พ่อปลาไหลตัวพ่อ รักและหวงความโสดยิ่งกว่าชีวิต ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างจนมาเจอเธอ หญิงสาวที่เขาจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ใจเธอสักที ความอยากเอาชนะของเขามันเป็นบ่อเกิดความรักที่ก่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"