พิมริสาต้องตอบแทนครอบครัวของคุณหญิงดวงฤดีที่อุปการะเธอมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กๆโดยการแต่งงานกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงเถื่อนโดยที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนอันที่จริงคนที่จะต้องแต่งงานกับพ่อเลี้ยงตามที่สัญญากู้หนี้ระบุเอาไว้ก็คือคุณหนูพลอยลูกสาวของคุณหญิงดวงฤดีแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมเพราะรังเกียจแค่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงเธอก็คิดว่าเป็นพวกที่อยู่แต่ในป่าในไร่แถมเธอก็ยังได้ข่าวมาว่าเขาพิการอีกด้วย เธอจึงให้คุณหญิงดวงฤดีแม่ของเธอมาบังคับให้พิมริสาไปแต่งงานแทนเธอนั่นเองซึ่งเรื่องนี้คุณหญิงดวงฤดีก็เห็นดีเห็นงามด้วยเช่นกันเพราะเธอเองก็ไม่ได้เต็มใจรับพิมริสามาเลี้ยงตั้งแต่แรกเป็นเพราะสามีเธอต่างหากที่สงสารพิมริสาเลยรับเธอมาเลี้ยง
18.00 น.
“หม่ำๆ...”
เด็กหญิงวัยหกเดือนกว่าๆที่ตัวขาวจ้ำม่ำนั่งอยู่ในเก้าอี้นั่งทานข้าวของเด็กเมื่อเห็นคนเป็นแม่ถือถ้วยข้าวบดมานั่งอยู่ตรงหน้าก็ใช้ขาที่เป็นปล้องๆของตัวเองดีดดิ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้คนเป็นแม่ได้รู้ว่าหนูหิวแล้วนะคะ
“อ้ำๆ...”
น้องเพลงของคุณแม่ทานเก่งจังเลยนะคะดูสิคอลูกสาวแม่จะไม่มีแล้วนะคะขืนถ้ายังทานเยอะอยู่แบบนี้ลูกสาวแม่ต้องกลายเป็นลูกหมูตัวน้อยแน่นอนเลย
“แอร๊....แอร๊ะ!!!”
“ใจเย็นๆสิคะคนเก่ง”
เมื่อผู้เป็นแม่ป้อนข้าวไม่ทันใจเด็กหญิงที่นั่งอยู่เก้าอี้นั่งก็ส่งเสียงดังเพราะความที่แม่ป้อนไม่ทันใจนั่นเองทำให้คนเป็นแม่ต้องปรามบอกกับหนูน้อยว่าให้ใจเย็นๆก็เล่นป้อนข้าวแล้วกลืนหายอย่างเดียวเป็นใครจะป้อนให้ทันใจได้ล่ะ
“แอ้ะ...”
แปะๆๆๆๆ
เด็กหญิงเพียงฟ้าตอนนี้อารมณ์ดีอย่างมากเพราะได้ทานข้าวอิ่มแล้วแถมผู้เป็นแม่ก็พามาอาบน้ำก่อนที่จะพาไปนอนซึ่งการอาบน้ำเป็นอะไรที่เด็กหญิงชอบมาก
“เปียกแม่หมดแล้วค่ะ...แกล้งแม่ใช่มั้ยคะ”
“แอร๊...”
เมื่อพิมริสาป้อนข้าวลูกสาวของเธอเรียบร้อยแล้วเธอจึงพาลูกสาวของเธออาบน้ำเพื่อที่จะได้ป้อนนมแล้วให้ลูกสาวของเธอนอนเพราะมันก็ใกล้เวลานอนของเด็กหญิงแล้วแต่ดูท่าลูกสาวของเธอจะติดลมในการอาบน้ำเสียแล้วจะเป็นแบบนี้ทุกวันไปเธอก็ไม่รู้ว่าลูกสาวของเธอจะชอบเล่นน้ำขนาดนี้
19.30 น.
หลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำให้ลูกสาวของเธอเสร็จแล้วเธอจึงพาเด็กหญิงมานอนดูดนมจากเต้าของเธอตอนนี้ก็เป็นเวลาได้สักพักแล้วลูกสาวที่กำลังนอนดูดนมจากอกของเธออยู่ก็หลับตาพริ้มไปแล้วด้วยแต่ปากก็ยังคงมีดูดนมอยู่และทั้งสองมือของหนูน้อยก็ยังคอยโอบเต้างามที่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดไว้อย่างหวงแหน
พิมริสาย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลาปีกว่าแล้วเธอมาเช่าบ้านแถวๆนอกตัวเมืองของจังหวัดตากเพื่ออยู่กับธรรมชาติตอนที่เธอมาอยู่ที่นี่เธอไม่คิดว่าเธอเองจะกำลังมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องด้วยซ้ำเหตุการณ์ที่มันทำให้เธอต้องย้ายที่อยู่หนีมาอยู่ที่นี่คนเดียวก็เพราะเธอนึกน้อยใจในโชคชะตาและเธอก็ไม่อยากเห็นหน้าคนที่คอยเอาแต่จะทำร้ายและเอาเปรียบเธออีก
ตอนนี้ที่หญิงสาวใช้ชีวิตอยู่กับลูกของเธอที่นี่เพียงแค่สองคนนับว่าเป็นเรื่องที่เธอมีความสุขมากแล้วเพราะตลอดเวลาที่เธอโตมาเธอเองก็ไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระแบบนี้มาก่อนเพราะตั้งแต่ที่เธอเกิดมาบ้านของเธอก็เอาตัวของเธอไปขายให้เป็นลูกบุญธรรมคนอื่นถึงคนที่รับอุปการะเธอจะเป็นคนรวยมีชาติตระกูลก็เถอะแต่ตั้งแต่เธอเด็กๆเธอไม่เคยรับรู้เลยว่าคำว่ากินอิ่มนอนหลับมันเป็นยังไงเพราะคนที่บ้านนั้นเลี้ยงเธอไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้านมีแค่พ่อบุญธรรมของเธอคนเดียวเท่านั้นที่ดีกับเธอแต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ดูแลเธอสักเท่าไรแถมเธอยังถูกบังคับให้แต่งงานกับคนป่าเถื่อนอีกต่างหากเรื่องนี้เธอนั้นอยากจะลืมๆมันไปเสียจนสิ้น
เรื่องราวในอดีต
2ปีที่แล้ว
“คุณแม่คะพลอยไม่แต่งนะคะ...ก็ให้นังพิมมันไปแต่งแทนสิคะคุณแม่”
“เอ่อ...ไม่นะคะคุณแม่...พิมไม่แต่งกับคนที่ไม่รู้จักนะคะ”
ตอนนี้ทั้งคุณหญิงดวงฤดีคุณหนูพลอยและพิมริสาต่างก็กำลังนั่งสีหน้าเคร่งเครียดกันอยู่เพราะคุณหญิงดวงฤดีได้รับจดหมายจากอินธรเจ้าหนี้ที่เธอไปกู้ยืมมาเพื่อพยุงให้บริษัทอยู่รอดหลังจากที่สามีของเธอจากไปแล้วว่าต้องรีบหาเงินมาใช้หนี้ให้เร็วที่สุดหรือไม่อย่างนั้นทางเจ้าหนี้ก็มีข้อเสนอมาให้ว่าถ้าหากไม่ใช้หนี้ในเวลาสองเดือนจะต้องส่งลูกสาวมาแต่งงานกับลูกชายของเขาที่อยู่ต่างจังหวัดแต่คุณหนูพลอยลูกสาวแท้ๆคนเดียวของบ้านยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ยอมแถมยังสั่งให้พิมริสาไปแต่งงานแทนอีก
พิมริสาเองคิดว่าเธอคงไม่มีความสุขแน่ถ้าหากไปแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักแถมยังไม่เคยเห็นหน้าอีกต่างหากเธอไม่ได้รังเกียจที่รู้ว่าชายหนุ่มพิการหรืออยู่ในป่าในดงแต่เธอไม่อยากแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักจริงๆ
“แกต้องแต่งฉันไม่ปล่อยให้ลูกสาวฉันต้องไปตกระกำลำบากอยู่ในป่าในดงหรอกนะ”
คุณหญิงดวงฤดีเห็นว่าทางออกของลูกสาวเธอเป็นความคิดที่ดีโดยการส่งลูกเลี้ยงไปแต่งงานแทนเพราะเธอเองก็คงทนดูลูกสาวของเธอที่กำลังจะมีอนาคตที่ดีต้องไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยงพิการอยู่แต่ในไร่ในป่าอะไรนั่นไม่ได้หรอก
“ไหนๆฉันก็เลี้ยงเธอจนโตมาป่านนี้แล้วถือซะว่าตอบแทนบุญคุณของฉันก็แล้วกันนะพรุ่งนี้เตรียมตัวเก็บกระเป๋าแล้วเดินทางไปที่ไร่พงษ์พิทักษ์ได้”
คุณหญิงดวงฤดีเห็นทีจึงต้องวางท่าเป็นการทวงบุญคุณกับหญิงสาวทั้งที่เธอก็ไม่ได้อยากจะเลี้ยงหญิงสาวมากนักหรอกและเธอก็เห็นว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้เฉดหัวหญิงสาวออกจากบ้านไปด้วยไหนๆสามีของเธอก็เสียไปแล้วเธอก็คงไม่ต้องให้หญิงสาวอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปก็ได้
“ค่ะ..คุณแม่”
ในเมื่อแม่บุญธรรมของเธอยกเรื่องบุญคุณมาพูดกับเธอพิมริสาจึงต้องยอมทั้งน้ำตาเธอรู้ว่าเธอคงเลี่ยงอะไรไม่ได้เธอไม่รู้ว่าต่อจากนี้เธอจะเจออะไรบ้างเลย
เช้าวันต่อมา
07.00 น.
“ฉันไม่ไปส่งนะเธอไปเองได้ใช่มั้ย”
“ค่ะคุณแม่...”
พิมริสาเก็บกระเป๋าเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนเธอเองเก็บไปกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไปเมื่อมาถึงตอนเช้าที่เธอกำลังจะเดินทางไปแล้วแม่บุญธรรมของเธอที่เธอรักและเคารพเหมือนแม่คนหนึ่งกลับไม่ได้สนใจอะไรเธอสักนิดหญิงสาวจำต้องก้มหน้าเดินทางไปจากที่นี่ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวตั้งแต่เกิดมาเธอเองยังไม่ได้สัมผัสถึงความรักจากแม่บุญธรรมของเธอเลยสักครั้งแต่ก็แปลกที่เธอรักท่านจนสุดหัวใจ
วันนี้เธอต้องจากบ้านหลังนี้ไปแล้วเธอไม่รู้ว่าไปที่ไร่พงษ์พิทักษ์นั่นเธอจะเจอกับอะไรบ้างตอนนี้หัวใจของหญิงสาวเหมือนมันเคว้งคว้างไปหมดเหมือนเรื่อเล็กที่ลอยอยู่กลางทะเลอย่างไม่มีจุดหมายและไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มันไปถึงฝั่ง
เกริ่น “คืนนั้นฉันนอนกับเค้าเพราะต้องการแค่ลูก ใครจะไปคิดว่าเค้าจะตามหาฉันจนเจอแล้วสั่งให้ฉันทำร้ายลูกในท้องตัวเองเล่า ไอ้มาเฟียบ้าฉันจะทำยังไงกับเค้าดี” “ทำให้เค้ารักแกไง” กลิ่นชวาก็แค่อยากจะมีลูกเพื่อให้พ้นการถูกแม่เลี้ยงจับตัวไปใช้หนี้เท่านั้น คืนนั้นเธอต้องการแค่ลูก ไม่ได้คิดว่าชีวิตจะพลิกผันจนได้มาอยู่ท่ามกลางมาเฟียใจดำที่ไม่อยากให้ลูกเธอเกิดมา เพื่อนเธอก็ช่างหาเป้าหมายมาให้ถูกคนเสียจริง ชีวิตวาดิมมันเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แค่เอาชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆ ยังยาก หากจะต้องมีจุดอ่อนให้ศัตรูทำลายเขาก็ต้องรีบกำจัด ใครจะไปคิดว่าการนอนกับผู้หญิงที่ถูกใจแค่คืนเดียวจะทำให้เขามีปัญหาตามมาจนปวดหัว ตัวอย่างบางตอน “ความเห็นแก่ตัวของคุณมันทำให้ตัวผมกำลังเดือดร้อนรู้ไหม” วาดิมสาดเสียงแข็งใส่กลิ่นชวากับเพื่อนของเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเป็นพ่อคนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ “ถ้าคุณไม่มานอนกับฉันทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ อย่ามาว่าฉันเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเลย คุณมันก็เห็นแก่ได้เหมือนกันนั่นแหละ” กลิ่นชวายังไม่เลิกปากเก่ง เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้หากเขาไม่ร่วมกระทำกับเธอด้วย ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ไม่ใช่ผลงานของเธอคนเดียวเสียเมื่อไหร่ “ถ้าพวกคุณไม่วางยาผมวันนั้นผมคงจะมีสติไม่หลงเชื่อคุณว่าไม่ต้องป้องกัน” กลิ่นชวาหันไปถลึงตากับเพื่อนรัก ส่วนพิริสาก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ รายละเอียดความจริงเป็นเช่นไรเธอถูกบังคับให้เล่าให้หมดไปแล้วจริงๆ “ช่างเหอะน่า เด็กคนนี้ฉันรับผิดชอบเองได้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะให้ลูกไปยุ่งกับคุณหรอก พูดจริงสาบานเลย” “ผมนัดหมอเอาไว้แล้ว ผมจะพาคุณไปเอาเด็กออก” “ไม่นะ อย่าเห็นแก่ตัวสิ เด็กน้อยตาดำๆ คนนึงกำลังจะลืมตาดูโลกเลยนะ ถึงคุณไม่รักเค้าแต่ฉันรัก คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก” วาดิมยืนจ้องตากับกลิ่นชวาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นชายหนุ่มก็คว้าปืนออกมาจากเอวและจ่อปลายกระบอกปืนสั้นไปที่หน้าท้องของหญิงสาว “อ๊าย/ว๊าย” สองสาวสวยตกใจกอดกันแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่มิวายคนที่ไม่ค่อยจะยอมใครง่ายๆ อย่างกลิ่นชวาก็รีบตั้งสติและหันมาต่อว่าวาดิมอีกรอบ “พ่อแม่คุณรู้ไหมเนี่ยว่าคุณเป็นคนแบบนี้ เกิดเป็นลูกผู้ชายซะเปล่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย” แม้หัวใจจะเต้นจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกแต่กลิ่นชวาก็ยังทำใจดีสู้เสือ พูดไปจ้องตาชายหนุ่มไปไม่สะทกสะท้าน “พอเถอะว่าน” พิริสาที่กลัวจนตัวสั่นรีบปรามให้เพื่อนรักสงบปากก่อนที่จะตายกันหมด ตอนนี้พิริสารู้แล้วว่าวาดิมอยู่ระดับไหน เขาสามารถทำให้พวกเธอหายสาบสูญไปได้แค่ไม่กี่วินาที แถมใครก็เอาผิดคนอย่างเขาง่ายๆ ไม่ได้ด้วย หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ล็อคเขาเป็นเป้าหมายให้กลิ่นชวาเลย “จะไปไหนล่ะ ไม่ยิงฉัน...ล อื้อ” พิริสายกมือปิดปากกลิ่นชวาขณะที่เพื่อนเธอกำลังพูดตามหลังวาดิมที่กำลังเดินออกไปจากห้อง “อยากตายมากหรือไงถึงได้พูดแบบนั้นน่ะ” พิริสาในตอนนี้สั่นไปทั้งตัว “ไม่ตายหรอก อีตานั่นไม่กล้ามาทำผิดที่บ้านเมืองเราหรอก” “ไม่กล้ากับผีอะไรล่ะ รู้ไหมว่าพ่อของลูกแกเค้าเป็นใคร” “ก็แค่นักธุรกิจเพื่อนเจ้านายแกไม่ใช่หรือไง คงจะรวยพอๆ กับเจ้านายแกใช่ไหมล่ะ” “หัวหน้ามาเฟียค้าอาวุธที่รัสเซียเลยโว้ย สามารถทำให้เราหายไปโดยที่ไม่มีใครเอาผิดได้ด้วย พูดแล้วฉันก็อยากจะร้องให้ เมื่อกี้ที่แกท้าทายเค้า ฉันฉี่จะราดอยู่แล้วรู้ไหม” พูดไปปาดน้ำตาไป ไอ้ที่บอกว่าพูดแล้วอยากจะร้องให้น้ำตามันไหลมาก่อนคำพูดแล้ว “อ้าว แกหาใครมาให้ฉันเนี่ย? ไหนบอกแค่นักธุรกิจธรรมดาไง” ตัวของกลิ่นชวาชาวาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้า ตอนนี้ก็กำลังรู้สึกขนหัวลุกกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังขึ้นหลังเสือไปแล้วเลย จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีล่ะเนี่ย เธอจะสามารถปกป้องลูกในท้องได้หรือไม่ แล้วชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายทำให้เธอต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ติดตามได้ในนิยายเรื่อง One night คืนนั้นฉันต้องการแค่ลูก ได้เลยค่า... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามผลงานใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB นิยาย ปลายฟ้า หากชื่นชอบนิยายที่ไรท์เขียน ฝากกดติดตามนามปากกา ปลายฟ้า เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า ขอบคุณมากค่ะ
“บอกกับผมว่าฐานะเรามันต่างกันเกินไป แต่คุณก็มีผู้ชายรวยๆผลัดกันมาส่งที่หอไม่ซ้ำหน้า นี่เหรอไม่อยากคบคนรวย หรืออยากหว่านเสน่ห์เพื่อเก็บแต้ม ทำให้เค้ารักแล้วก็เฉดหัวเค้าทิ้งแบบนี้เหรอ” “หยุดดูถูกริตานะคะ ออกไปจากห้องริตาเดี๋ยวนี้” สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวเพราะตอนนี้ภูตะวันไม่เหมือนผู้ชายคนเดิมที่เธอรู้จักสักนิด สายตาของเขาแข็งกร้าวทั้งคำพูดคำจายังไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เนื้อหาทั้งหมดเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คำเตือน นิยายเป็นเรื่องรักโรแมนติก ดราม่า มีเรื่องเกี่ยวกับการเสียลูกในท้อง พระเอกบังคับขู่เข็ญนางเอก แต่ไม่มีนอกกายนอกใจ หากรับเรื่องแบบนี้ได้ไปต่อกับนิยายไรท์ได้เลยค่ะ
ถ้าเขามีฝาแฝด แล้วคืนนั้นเธออยู่กับใครกันแน่? เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอก่อนจะก้มมองรูปลูกสาวตัวกลมที่หน้าจอมือถือ ‘แม่จะทำยังไงดี’
เขาพาเธอขึ้นไปยังจุดสูงสุดของความสุข แล้วก็ถีบเธอล่วงหล่นลงมาตกในเหว เจ็บดีจังเลย ออกไปจากชีวิตฉัน...นายสามีตัวร้าย เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แม้ครอบครัวจะหาใครมาให้ดูตัวทำความรู้จักไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ไม่คิดที่จะตกลงปลงใจคบกับใครหากไม่เห็นความเป็นไปได้ว่าจะคบกันถึงวันแต่งงานและใช้ชีวิตไปด้วยกันได้ตลอดจริงๆ จนงานวันเกิดอายุครบ 26 ปี เธอก็ได้เจอกับใครคนนั้น คนที่เธอเห็นเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเขาคือคนที่เธอกำลังรอ เขามีชื่อว่าดาเนียลเล นักธุรกิจหนุ่มชาวอิตาลีที่รับสืบทอดกิจการเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์หรูในอิตาลีแทนคนพ่อและแม่ที่เสียและกอบกุมธุรกิจอีกหลายอย่างในมือ คราแรกที่รู้ว่าเขาสนใจเธอจากปากของพี่ชายก็ดีใจจนแทบอยากจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่ห่วงคำว่ากุลสตรี ขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้เขาได้มาเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับพี่ชายของเธอ และขอบคุณโชคชะตาที่นำพาคนที่เธอเฝ้ารอให้ได้มาพบกันเสียทีหลังจากเพื่อนฝูงต่างก็มีคู่หรือแต่งงานมีลูกกันไปแล้ว เมื่อได้พบกับนักธุรกิจหนุ่มตาน้ำข้าวแสนสุขุมได้เพียงวันเดียวเขาก็ขอเธอเป็นแฟนจากนั้นก็บินเที่ยวไปเทียวมาหาเธออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำการเซอร์ไพรซ์ของเธอแต่งงานบนเครื่องบินส่วนตัว เธอตอบตกลงในทันทีเพราะก่อนหน้ารู้สึกว่าเขาและเธอช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ประกอบกับความอยากจะเป็นแม่คนเพราะเห็นเพื่อนมีลูกสาวลูกชายน่ารักน่าชังเลยอยากจะมีบ้าง ชีวิตของเธอหลังแต่งก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อิตาลี ชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายมีเรื่องง้องอนตามประสา และอุปสรรคที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวบ้าง จนกระทั่งหลังการแต่งงานผ่านพ้นไปไม่เท่าไหร่ จู่ๆ เธอก็ได้ล่วงรู้ว่าความรู้สึกโชคดีที่เจอผู้ชายดีๆ มันเป็นเรื่องจอมปลอมหมดทั้งสิ้น ความหวังที่อยากจะแต่งงานเพียงครั้งเดียวและอยู่กับสามีคนเดียวไปจนตายก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดี ฝากนิยายเรื่อง ลวงรักสามีตัวร้ายไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
ในคืนเข้าหอ...เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนไป จากคนสุภาพอ่อนโยน กลายเป็นคนดิบเถื่อนในทันตา ทว่า...เธอก็ทำใจตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้ ตัวอย่างบางตอน แควก “อ๊าย...” หลังจากหลับลงไปด้วยความเพลียที่ต้องต้อนรับแขกเหรื่อในงานแต่งมาทั้งวัน เธอหลับตาลงไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนกำลังฉุดกระชากชุดเจ้าสาวของเธอจนขาดวิ่น ผ้าชิ้นหนาบวกกับแรงกระชากสร้างความเจ็บแสบให้เนื้อนวลนุ่มนิ่มของเธอไม่น้อยจนต้องระบายความเจ็บเป็นเสียงกรีดร้อง “อื้อ...” ยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องอีกครั้ง มือหนาของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็กดปิดปากของเธอเอาไว้ ดวงตากลมโตเพ่งมองไปยังชายหนุ่มที่เคยสุภาพและอ่อนโยน ทว่าตอนนี้เธอมองเขาแล้วไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้น ดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอแข็งกร้าวดิบเถื่อน ประดุจเสือร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ คนที่กำลังคร่อมอยู่บนตัวของเธอคือคนที่เธอเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานด้วยจริงๆ หรือ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรท์เขียน ปี2024 หลังจากห่างหายจากการเขียนนิยายในนามปากกาปลายฟ้าร่วมหกเดือน หวังว่าผลงานชิ้นนี้ของไรท์จะทำให้นักอ่านมีความสุขทุกเวลาที่อ่านนะคะ ...ปลายฟ้ากลับมาแล้วค่า หากชื่นชอบฝากกดติดตามนามปากกา กดนิยายเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ สามีเถื่ิอน นี่น่าจะเถื่อนแค่ไม่กี่ตอนนะคะ อิๆ ในเรื่องนี้ส่วนมากจะหวานละมุน แล้วไปดราม่านิดหน่อยช่วงท้ายๆ แต่รวมๆ มีแต่ความหวานเสียส่วนใหญ่ค่ะ (ปล นิยายเรื่องเก่าๆ ของไรท์ที่เคยลงเอาไว้ กำลังทยอยรีไรท์นะคะ หากเจอคำผิดต้องขออภัย ไรท์กำลังเตรียมรื้ออัปเดตใหม่ทั้งหมดค่ะ)
มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา.. เขาจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นรักสาวสุดแปลกที่ไม่ใช่สเปคสักนิดเพื่อเงินก้อนโตจากคนเป็นย่าที่จะสร้างธุรกิจเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเอง..แต่..มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา..
หนี่ว์อ้ายปิง เซียนน้อยอายุสิบสามตลอดกาล ที่บังเอิญเปิดระบบหนึ่งขึ้นมาและถูกส่งลงไปทำภารกิจในโลกมนุษย์ ทำให้ต้องเผชิญกับความยากลำบากในโลกที่แร้นแค้น เด็กสาวเติบโตขึ้นในตระกูลหนี่ว์ ตระกูลแม่ทัพที่เริ่มหมดอำนาจ พ่อของเธอเป็นเพียงรองแม่ทัพ สังกัดกองทัพท่านอ๋องสือ ที่ต้องปกป้องชายแดนจากการรุกราน จำต้องหาวิธีกลับสวรรค์ คิดจะใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ไหงกลายเป็นงานยุ่งขนาดนี้ไปได้กันล่ะนี่!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?