ใครๆ ต่างก็คิดว่าผู้หญิงที่ถูกเจ้าบ่าวปฏิเสธในวันแต่งงานช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารสุดๆ แต่ไม่ใช่สำหรับปราณต์แน่ๆ เขารู้ดีว่านัสรินไม่ได้ตกกะไดพลอยโจนมาแต่งงานกับเขา แต่เธอกับน้องชายของเขาร่วมมือกันจงใจมัดมือเขาชกต่างหาก เพราะฉะนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขกับการแต่งงานจอมปลอมนี่เลย ในเมื่อหน้าซื่อแต่มากเล่ห์นัก ผู้ชายที่แสนดีอย่างเขาก็พร้อมจะกลายร่างเป็นซาตานเช่นกัน ร่างเล็กก้าวได้ไม่ถึงก้าว มือแข็งแรงของปราณต์ของยื่นไปตะปบที่ต้นแขน กระชากร่างให้เธอหมุนตัวกลับมาหา “คุณปราณต์!” นัสรินอุทานออกมาอย่างตกใจต่อการกระทำของเขา “เรายังคุยกันไม่จบ ผมไม่ชอบให้ใครเดินหนี” “คุณปราณต์ยังต้องการอะไรจากนัสอีกคะ เราสองคนยังต้องมีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกนอกจากเรื่องหย่า” “มีสิ ก็เรื่องตำแหน่งแม่หม้ายป้ายแดงของคุณไง” “คุณปราณต์จะต้องเดือดร้อนอะไรคะ นัสรับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” “ผมไม่ได้ห่วง ผมแค่อยากทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบ” “หมายความว่ายังไงคะ” “ง่ายๆ ผมก็จะทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบน่ะสินัสริน หย่ากับผัวทั้งที่ยังซิงอยู่ แล้วมันจะเป็นแม่หม้ายตัวจริงได้ยังไง”
เรากำลังจะหมั้น!
คนที่รอคอยและลุ้นอะไรมากๆ มักจะตื่นเต้นเสมอ และยิ่งเป็นเรื่องที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาล มันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีกเป็นหลายเท่า ความรู้สึกของผู้หญิงทุกคนเมื่อวันสำคัญของตัวเองมาถึงคงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่รอคอยให้พิธีการมาถึง
ร่างบางสวยสง่างามระหงในชุดเดรสสีขาวแบบเปิดไหล่เล็กน้อย แขนยาว ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้สีขาวทั้งชุด ผมดำขลับถูกม้วนเป็นก้นหอยคล้ายกลีบดอกกุหลาบและรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เปิดใบหน้างดงามที่ไร้ไฝฝ้าตำหนิใดๆ มีเพียงแค่เครื่องสำอางชั้นดีซึ่งแต่งเติมโดยโทนสีชมพูอมส้ม เพื่อให้ใบหน้านั้นดูมีสีสันและโดดเด่นยิ่งขึ้น บนลำคอมีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ เข้าชุดกับต่างหูที่ใส่ประดับแค่พองาม
หากเป็นยามปกติ เธอคงไม่คิดจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหราและราคาแพงขนาดนี้ แม้กระทั่งในยามที่ต้องออกงานสังคมกับบิดามารดาเป็นบางครั้งบางคราว เธอก็เลือกเสื้อผ้าที่ราคาไม่ได้แพงอะไร ด้วยรู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นใส่ออกงานซ้ำได้เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่สำหรับงานวันนี้และชุดนี้มันคือข้อยกเว้น เพราะมันเป็นชุดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแพงเฉียดหมื่น
ทั้งหมดนี้เธอไม่ได้เลือกเอง แต่พ่อกับแม่เลือกให้ ไม่ใช่เลือกเฉพาะชุดและเครื่องประดับที่ใส่วันนี้ แต่ยังเลือกว่าที่คู่หมั้นให้เธอด้วย
เธอไม่เคยเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว รู้แต่ว่าเขาเป็นลูกชายคนเล็กของเพื่อนพ่อ ดังนั้นหัวใจดวงน้อยจึงยิ่งเต้นแรงโลด ด้วยความตื่นเต้นและรอคอย เมื่อแม่กระซิบบอกว่าตอนนี้แม่เลี้ยงลักษิกากับครอบครัวใกล้จะมาถึงแล้ว
จังหวะหัวใจที่เต้นแรงโลดก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นกระตุกวาบ ความรู้สึกบางอย่างแล่นซ่านเข้ามารวมตัวกันอยู่ในท้องน้อย เมื่อสายตาปะทะกับบุรุษที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องโถงของโรงแรมพร้อมกับสตรีต่างวัยสองคน
เขาคนนั้นน่าจะสูงราวๆ หกฟุต แต่งตัวด้วยชุดสูท ใส่เสื้อสีขาวตัวใน ผูกไทอย่างเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกลูกครึ่งเกาหลีอเมริกันคนหนึ่ง คิ้วเข้มหนา ตาเรียวรี จมูกโด่งคม และส่วนที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุดก็คือริมฝีปากหยักได้รูป แม้จะเป็นริมฝีปากที่หยักแบบบุรุษแต่ก็บางและเป็นสีชมพูอย่างคนสุขภาพดี ชวนให้คิดว่ายามที่เรียวปากนั้นทาบทับลงบนปากของตนเอง มันจะก่อให้เกิดความรู้สึกเช่นไร
แม้ว่าการหมั้นครั้งนี้จะเป็นการหมั้นแบบคลุมถุงชน และเธอก็แอบหวั่นใจมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องว่าที่คู่หมั้น ทว่าตอนนี้ความหวั่นใจเหล่านั้นหายวับไปหมดแล้ว มันเหลือแต่ความรู้สึกอย่างอื่น ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอประทับใจตั้งแต่แรกเห็น อย่างน้อยรูปร่างหน้าตาเขาก็ดึงดูดเธอเข้าอย่างจัง แบบนี้เองหรอกหรือที่เขาว่า ‘รักแรกพบ’ เธอมีสิทธิ์รักเขาไม่ใช่หรือ ก็ในเมื่อเขาคือคนที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของเธอ จะผิดอะไรหากจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น
“มากันแล้ว”
คุณนิภากระซิบอีกครั้ง โดยแม่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หัวใจและความรู้สึกภายในของเธอปั่นป่วนแค่ไหน
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
มือเรียวเล็กยกขึ้นไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่าใคร ซึ่งเธอเคยเห็นแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เพราะแม่เลี้ยงลักษิกามาต้อนรับด้วยตัวเองตอนที่ครอบครัวของเธอเดินทางมาถึงเชียงใหม่
“จ้ะหนูนัส วันนี้สวยเชียวว่าที่ลูกสะใภ้ของป้า” แม่เลี้ยงลักษิกาชมเปาะพลางพิศมองใบหน้างดงามนั้นอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” พูดจบแล้วก็หันไปมองทางร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ แม่เลี้ยงลักษิกา ทำให้แม่เลี้ยงลักษิกาต้องเอ่ยแนะนำอย่างเป็นทางการ
“อ้อ...โทษทีจ้ะ ป้าลืมแนะนำ นี่ตาปราณต์จ้ะลูกชายคนโตป้า ส่วนนี่ธรินดาลูกสาวบุญธรรมของป้า”
เขาชื่อปราณต์! ไม่ได้ชื่อปรัชญ์ นัสรินอยากให้ตัวเองหูฝาดหรือโสตประสาทไม่ทำงานไปเลย หากจะมีใครที่สังเกตดีๆ จะเห็นสีหน้าของเธอเจื่อนลงทันที เขาไม่ใช่คู่หมั้นของเธอ แต่เป็นพี่ชายของคู่หมั้น เธอจำต้องยกมือขึ้นไหว้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจวูบโหวงไปหมด และเขาก็แค่ทักทายเธอแค่เพียงไม่กี่คำ จากนั้นเธอก็ต้องหันไปคุยกับธรินดาซึ่งสวยและดูเป็นกุลสตรีจนน่าอิจฉา
ไม่นานหลังจากนั้นคู่หมั้นตัวจริงของเธอก็ปรากฏตัว เขาชื่อปรัชญ์...เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาแต่เป็นความหล่อเหลาในอีกแบบ เธอก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหากเธอเจอเขาก่อนปราณต์ เธอจะเกิดอาการหัวใจเต้นแรงเช่นเดียวกันหรือเปล่า ทว่าความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงมันไม่สามารถเรียกคืนได้แล้ว หัวใจของเธอหล่นหาย และไปเดินเล่นอยู่ในหัวใจของปราณต์ โดยที่เขาคงจะไม่เปิดประตูต้อนรับ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเคาะเรียก
สุดท้ายเมื่อถึงฤกษ์งามยามดี เธอก็ได้นั่งเคียงคู่กับปรัชญ์ต่อหน้าผู้ใหญ่ จากนั้นเขาก็สวมแหวนเพชรน้ำงามเข้ามาที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ชั่วขณะหนึ่งตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านข้าง เธอจำต้องรีบเบนสายตากลับมามองคู่หมั้นตัวจริงของตัวเอง พร้อมกับเตือนตัวเองว่า ผู้ชายที่กำลังสวมแหวนให้เธออยู่คนนี้ต่างหากคือว่าที่สามี ส่วนคนที่เธอแอบปองใจแต่แรกเห็นนั้น เขาคือพี่ชายของว่าที่สามี
กามเทพแผลงศรให้เธอได้เจอกับผู้ชายที่เป็นรักแรกพบ และหักศรรักนั้นทิ้งอย่างรวดเร็วด้วยความจริงที่ว่า ผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายของว่าที่สามี ความจริงนั้นแล่นเข้ามาอัดแน่นในอกครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งพยายามตัดใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนอาลัยอาวรณ์ จนเหมือนหายใจไม่ออก ในที่สุดโลกทั้งโลกก็มืดดำลง จากนั้นสติสัมปชัญญะก็ดับวูบ...
เธอหลับไปนานแค่ไหน นัสรินก็ไม่อาจรับรู้ รู้แต่ว่าอยากหลับไปเช่นนั้นนานๆ เพื่อหลบหนีจากความจริงอันสุดเจ็บปวด แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครอยากให้เธอหลับนาน เพราะไม่นานเธอก็ถูกปฐมพยาบาลจนฟื้น
สิ่งแรกที่เห็นก็คือใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่เหนือใบหน้าของเธอตอนนี้ มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้งและอีกครั้ง จนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เขาช่างหล่อเหลาราวกับเจ้าชายรูปงามที่กำลังจะก้มลงจูบเจ้าหญิงนิทราเพื่อปลุกให้ตื่น แต่แล้วความตื่นเต้นลิงโลดของหัวใจนั้นก็สลายลง เมื่อมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับกระชากเธอกลับสู่โลกแห่งความจริง
“หนูนัสเป็นยังไงบ้าง”
เสียงแม่เลี้ยงลักษิกาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง นางคือแม่ของว่าที่สามีที่ให้ความเอ็นดูเธออย่างจริงใจจนเธอสัมผัสได้ชัด และว่าที่สามีคนนั้นก็มีชื่อว่าปรัชญ์...ไม่ใช่คนที่ชื่อว่า ‘ปราณต์’ ที่เธอกำลังมองอยู่ตอนนี้แต่อย่างใด
ตัดใจซะ...เขาคนนี้คือผู้ชายต้องห้ามสำหรับเธอ!
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"