เธอแอบรักเขาหมดหัวใจ...
ซีรีส์ ลุงเสือ
เล่ม 1 ลุงเสือ
นรินดาลอบมองลุงเสือหรือพยัคฆ์ คุณลุงข้างบ้านที่เก็บตัวเงียบขรึมอยู่ในบ้าน และทำงานของตัวเองแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร
“นั่นใครน่ะ!”
เสียงดุเข้มที่เอ่ยถามขึ้นมาทำให้คนแอบมองสะดุ้งสุดตัว พยัคฆ์หันมามองอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย
“หนูดาเองค่ะ”
นรินดาออกมาจากที่ซ่อนตัว ในมือถือต้มกะทิสายบัวเดินมาตรงหน้าเจ้าของบ้าน
“มีอะไร”
แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ดุเข้มเหมือนคราแรก แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนตามนิสัย เธอรู้จักกับพยัคฆ์มานานหลายปี ตั้งแต่บิดามารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งพวกท่านจากไปแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนที่เธอสำเร็จการศึกษาพอดิบพอดี
พยัคฆ์ในความรู้สึกของเธอคือผู้ชายพูดน้อยต่อยหนัก พูดคำไหนคำนั้น และไม่ค่อยสนใจใคร เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบให้มายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวเช่นกัน
“หนูดาทำต้มกะทิสายบัวมาฝากค่ะ”
“ขอบใจนะ ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้”
เขาตอบเธอก็จริง แต่มือกำลังง่วงอยู่กับการใช้กบไสไม้จัดการกับโต๊ะตรงหน้าอยู่ พยัคฆ์ชอบทำงานไม้ เขาทำโต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์เกี่ยวกับไม้ขาย ลวยลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญก็คือเขาทำงานแต่ละชิ้นละเอียดประณีต มีเศรษฐีมีเงินหลายรายมาจ้างเขาทำงานไม้พวกนี้ ซึ่งงานแต่ละชิ้นเขาจะทำอย่างดี ถ้าไม่เสร็จก็จะไม่รับงานอื่น เรียกว่าทำออกมาได้ดีทุกงานจนลูกค้าไว้วางใจและพึงพอใจเป็นอันมาก
“ลุงเสือขยันจัง”
นรินดาชวนคุย จริงๆ เธอแอบชอบเขามานานแล้ว พยัคฆ์มาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ กับเธอในหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งอยู่นอกเมืองค่อนไปทางชนบทเพราะอากาศดี เขาเป็นคนพูดน้อยคำมาก
เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ หน้าคมสันหล่อเหลาแต่ไม่ชอบยิ้มเอาเสียเลย
คนหน้าเข้มแบบเขาเป็นคนจิตใจดี ช่วยเหลือคนอื่นและเอ็นดูสัตว์ เขาทำทุกอย่างด้วยใจไม่พูดพร่ำเหมือนคนบางคนที่ทำอะไรเอาหน้า
“มีอะไรหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถาม ไม่ได้ยินดียินร้ายเมื่อมีใครมาชื่นชมหรือด่าว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยแคร์ใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“เปล่าค่ะ”
นรินดาทำเนียนไปนั่งบนเก้าอี้ไม่ไกลจากที่เขาทำงานไม้อยู่นัก เธอปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน พยัคฆ์เข้าใจว่าเด็กสาวชอบมาชวนคุย เขาไม่เคยไล่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเธอมาก
“ลุงเสือหุงข้าวหรือยังคะ”
คนอยากคุยเอ่ยถาม เขาไม่ชอบคุยกับใคร เป็นคนค่อนข้างเงียบและเคร่งขรึมจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอก็ตื้อ เขาไม่คุยเธอก็ชวนคุยอยู่นั่นแหละ พอเขารำคาญก็เลยต้องตอบ
“ยัง”
คำตอบสั้นๆ ได้ใจความพร้อมกับมือที่ง่วนอยู่กับงานอยู่ตรงหน้า
“บ้านของหนูข้าวสารหมดน่ะค่ะ ขอมาฝากท้องบ้านลุงเสือนะคะ”
พยัคฆ์หันขวับไปมองก็เห็นหลังของเด็กสาวไหวๆ เธอกำลังเดินเข้าไปในครัว เขาทำหน้ายุ่งวางงานในมือและเดินตามเธอไป เห็นเธอกำลังหุงข้าว และนำต้มกะทิสายบัวใส่ชาม ก่อนจะไปรื้อของในตู้เย็นออกมาทำอาหารอีกหลายอย่าง
“ลุงเสือตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวหนูเตรียมอาหารเย็นให้”
นรินดาไม่ได้สนใจสีหน้าเข้มดุของอีกฝ่าย เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หุงข้าวทำกับข้าวเพิ่มอย่างคล่องแคล่ว
พยัคฆ์คร้านจะทะเลาะกับเด็ก เขาเลยเดินไปเก็บอุปกรณ์ไสไม้และเครื่องมืออื่นๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ
บ้านปูนชั้นเดียวมีห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน เขาถอดเสื้อและนุ่งผ้าขาวม้าเดินไปอาบน้ำ
นรินดาชะโงกหน้าออกมาดู ก็เจอเข้ากับช่วงบนเปลือยเปล่าของเขา กล้ามเป็นมัดๆ และหยดเหงื่อที่ยังเกาะพราวไปทั่วทำให้เธอต้องหดหน้ากลบ หน้าแดงน้อยๆ ด้วยความขัดเขิน
นรินดาเร่งมือทำกับข้าว เธอทำยำปลากระป๋องเพิ่ม เจียวไข่และน้ำพริกผักลวก ก่อนจะรีบตั้งโต๊ะ
พยัคฆ์ที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยเสือยืดและกางเกงเลย์เดินออกมาที่โต๊ะอาหาร เขายอมรับว่าหิว และรู้ด้วยว่านรินดาทำกับข้าวอร่อยมาก แม้จะเป็นกับข้าวง่ายๆ แต่เธอทำได้อร่อยไม่แพ้ใคร
“ลุงเสือมาพอดีเลย หนูทำกับข้าวเสร็จแล้วค่ะ มากินพร้อมกันสิคะ”
เธอรีบตักข้าวใส่จานให้เขา เสือเป็นชายหนุ่มวัยสี่สิบสองที่คมเข้มหล่อเหลา
เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่โคตรแมน ไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่เคยเจอ อยู่ใกล้เขาแล้วเธอหัวใจเต้นแรงตื่นเต้น หลายครั้งที่เธอไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองยามได้ใกล้ชิดคนตรงหน้า ผู้ชายที่ดูมีอำนาจมีบารมีดูน่าเกรงขามอยู่ในที
แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยยามเมื่อได้อยู่ใกล้กัน รู้ได้ถึงความอบอุ่นแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนมาก่อน การได้อยู่ใกล้ชิดเขาทำให้เธอรู้สึกดีอย่างที่สุด
เธออายุยี่สิบสาม พอเรียนจบบิดามารดาเสียชีวิตกะทันหัน ในขณะที่เธอกำลังคว้าง วันหนึ่งจู่ๆ เสือก็บอกว่าร้านค้าทางเข้าหมู่บ้านรับสมัครพนักงานบัญชี ซึ่งเป็นสาขาที่เธอเรียนจบมาพอดิบพอดี เงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาทแต่เธอมีบ้านเป็นของตัวเองและขับรถแค่สิบห้านาทีก็ถึงที่ทำงาน เธอเลยมีความสุขมากที่ได้ทำงานที่นี่ เพราะถ้าต้องไปทำงานไกลเธอก็ต้องทิ้งบ้านช่องไป เงินเดือนอาจจะเยอะ แต่มีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น พวกค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารการกินซึ่งค่อนข้างสูงในแต่ละเดือน ในขณะที่เธอทำงานใกล้บ้าน ก็ไม่ต้องเช่าบ้านและประหยัดค่ากับข้าวไปได้เยอะ
รอบบ้านมีที่ดินก็ปลูกพืชผักสวนครัวกินได้ ที่สำคัญลุงเสือของเธอชอบปลูกผักไว้กินเอง เวลาเธอขาดเหลืออะไรก็มาขอเขาได้เลย เขาไม่ขี้เหนียวไม่หยุมหยิมหรือจุกจิก ไม่คิดเล็กคิดน้อย เธอจะเก็บผักหมดสวนเขาก็ไม่ว่า เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้เขาค่อนข้างใจบุญ ลูกค้ามาที่บ้านเห็นผักงามก็ขอซื้อ เขาก็บอกให้เก็บเอาไปได้เลย ไม่เคยคิดเงิน
“ทำงานเป็นยังไงบ้าง”
คนพูดน้อยและไม่ค่อยพูด พอเอ่ยถามก็ทำเอาเธอยิ้มกว้างกระตือรือร้นที่จะตอบ
“ดีมากค่ะ เถ้าแก่ใจดี งานก็ไม่ยาก ใกล้บ้านด้วยค่ะ ขอบคุณลุงเสือมากนะคะ”
“เรื่องอะไร”
เขาเอ่ยถาม
“ที่ช่วยหางานให้หนู”
“ขับรถผ่านแล้วเห็นก็เลยบอก”
เธอรู้ว่าเขาช่วยหางานให้เธอนั่นแหละ เถ้าแก่เป็นคนบอกเองว่าเขาไปรับรองเธอเอาไว้ด้วย แต่เขาไม่เคยมาพูดอวดอ้างเอาความดีให้เธอฟัง
นรินดาซาบซึ้งในน้ำใจของเขาเธอเลยตั้งใจทำงานให้ดีไม่ให้เขาต้องเสียหน้า
“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”
เธอตักกับข้าวให้เขาอย่างเอาใจ
“ตั้งใจทำงานให้ดีเถอะ ไม่สำคัญว่าใครจะแนะนำให้ แต่สำคัญว่าเราทำมันดีแล้วหรือยัง”
“ค่ะ”
เธอรับคำ ยิ้มหวานให้เขา แต่คนหน้าเคร่งไม่ยิ้มตอบ รับประทานอาหารเงียบๆ ตามประสาคนไม่พูดมาก หลังจากนั้นเธอก็พูดอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็อือออบ้างเป็นบางครั้ง
นรินดารีบเก็บจานชามไปล้างแล้วเธอก็ยังเตร็ดเตร่อยู่ในบ้านของเขาไม่ยอมไปไหน
“มืดแล้ว”
เขาพูดตรงๆ แต่เป็นการไล่ นรินดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะเดินมาทรุดนั่งลงหน้าทีวี แล้วเปิดดูอย่างเนียนๆ ไม่เร่งรีบกลับบ้าน
“ลุงจะปิดบ้านแล้ว”
“เอ่อ... เดี๋ยวหนูดางับประตูปิดให้นะคะ ขอดูทีวีต่ออีกนิด”
เขาไล่เธอรู้ แต่เธอยังไม่อยากกลับบ้าน กลับไปก็เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว บ้านของเขากับบ้านของเธอห่างจากบ้านของคนอื่นหลายหลัง มีบ้านของพยัคฆ์นี่แหละที่อยู่ติดกับเธอ
ความเหงาทำให้เธออยากหาเพื่อนคุย แต่จะให้เธอหนีไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนแบบคนอื่นเขาเธอก็ไม่เอาเพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยและเธอก็เป็นคนมีเพื่อนน้อยมากเลยไม่รู้จะไปเที่ยวอะไรกับใคร
“ที่บ้านไม่มีทีวีดูเหรอ”
เขากอดอกเอ่ยถามเหมือนผู้ใหญ่ที่สุดแสนจะเข้มงวด
“ทีวีเสียค่ะ”
ดูเหมือนพยัคฆ์จะหมดคำที่จะพูดอีก เขาเลยเดินหนีเข้าห้องนอน
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก