เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ณ.มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
ตึก..ตึก..ตึก..พลั้ก!..ตุ๊บ..
"ว้าย!..ขอโทษนะคะ..ขอโทษค่ะ"
กอหญ้าก้มหน้าพลางพูดโดยไม่ได้เงยหน้ามองคนที่ถูกชน
"วิ่งยังไงวะ!..ไม่เห็นคนหรือไง"ภีรนัสหรือภีมพูดด้วยเสียงดุๆและหน้าตาที่หงุดหงิด
"ขอโทษค่ะ..ขอโทษจริงๆ"กอหญ้าพูดพร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือที่หล่นอยู่ที่พื้น
"ใจเย็นๆโว้ย!...ไอ้ภีม"
ตรีวิทย์หรือวิทย์พูดพลางเอามือจับบ่าของภีมไว้
"ใช่..น้องเค้าคงไม่ได้ตั้งใจหรอก"เดชาหรือชาช่วยพูด
"กูว่าเธอตั้งใจวิ่งชนกูมากกว่าว่ะ"
ภีมพูดสีหน้ายังคงหงุดหงิดเพราะเขาเคยเจอมาบ่อยๆที่ชอบมีสาวๆแกล้งมาเดินชนเพราะอยากจะพูดคุยกับเขา
"ห่ะ..พี่ว่าอะไรนะคะ!?"
กอหญ้าลุกขึ้นหลังจากเก็บหนังสือที่หล่นหมดแล้วจึงเงยหน้ามองหน้าของภีมพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด ผู้ชายคนนี้สูงมากน่าจะเกิน180ซม.หน้าตาหล่อมากๆ แต่ดวงตาที่ทั้งคมทั้งดุแถมสีหน้าที่เรียบเฉยและสายตาที่ค่อนข้างเย็นชาทำให้ดูน่ากลัวในสายตาของกอหญ้าแต่เธอจำเป็นต้องพยายามทำเหมือนไม่กลัวทั้งๆที่กลัวจะแย่อยู่แล้ว
พอกอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาทำให้วิทย์ ชารวมถึงภีมถึงกับอึ้งไปเลยเพราะกอหญ้ามีดวงตาที่กลมโตสดใสเหมือนดาวบนท้องฟ้า จมูกโด่งรั้นนิดๆ ปากอิ่มสีชมพู แก้มป่องๆขาวๆที่ตอนนี้มีสีแดงนิดๆน่าจะเหนื่อยจากการวิ่ง ผมตรงยาวสีดำไปถึงกลางหลัง สูงน่าจะไม่เกิน165ซม.ตัวเล็กมากๆน่ากลัวว่าถ้าลมพัดแรงๆจะปลิวไปตามลมมากกว่าสรุปแล้วเธอทั้งน่ารักและสวยรวมอยู่ในคนๆเดียว
"พี่พูดว่ายังไงนะคะ!?"กอหญ้าเอียงคอถามอีกครั้ง
"เอ่อ..ผมว่าคุณตั้งใจจะวิ่งชนผมมากกว่า"
ภีมพูดนิ่งๆหลังตื่นจากภวังค์ เธอโคตรน่ารักถูกใจเขามากแต่เขาต้องทำตัวเข้มและเย็นชาเหมือนเดิมไว้ก่อน
"ทำไมหนูต้องตั้งใจวิ่งชนพี่ด้วยล่ะคะ"กอหญ้าถามอย่างงงๆ
"เพราะคุณอยากคุยกับผมและอยากตีสนิทด้วยไงล่ะ.."ภีมพูดแบบหยิ่งๆ
"หึหึ..พี่คิดมากไปแล้วค่ะ..หนูไม่ได้อยากคุยหรืออยากจะตีสนิทกับพี่หรอกนะคะ..และถ้าพี่ไม่ได้เจ็บตรงไหนหนูขอตัวก่อนนะคะ..ขอโทษอีกครั้งค่ะ!"
กอหญ้ายิ้มกว้างก่อนจะก้มหัวแล้วหันหลังวิ่งออกไปทันทีเพราะจะเข้าเรียนคาบแรกไม่ทันแล้วและอีกอย่างเธอรู้สึกกลัวผู้ชายที่ถูกเธอชนมากๆ
"นี่!..เธอ.."
ภีมอึ้งกับคำพูดของกอหญ้ามาก ตั้งแต่เขาโตมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขาเลยสักคน มีแต่พยายามเข้าหาเขาตลอดและนั่นทำให้เขารู้สึกเบื่อมากๆจนไม่ค่อยอยากจะพูดคุยกับผู้หญิงสักเท่าไร แต่คนตัวเล็กเมื่อกี้กลับบอกว่าไม่อยากจะคุยและสนิทกับเขา
"555..ตั้งแต่กูเป็นเพื่อนกับมึงมานะ..ไอ้ภีม..นี่เป็นครั้งแรกที่มีสาวมาบอกว่าไม่อยากคุยกับมึงว่ะ!"วิทย์ขำ
"ใช่ว่ะ!..แถมสาวคนนั้นทั้งสวยและน่ารัก..แม่งเหมือนตุ๊กตาเลยว่ะ"ชาสนับสนุน
"เออ..ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือตุ๊กตา..แหม!..กูอยากรู้จริงๆว่าเรียนคณะไหน..จะได้ตามไปจีบเสียหน่อย"วิทย์พูด
"แต่เมื่อกี้...ตอนน้องเค้าเก็บหนังสือ..ดูเหมือนจะเป็นหนังสือเรียนวิศวะปี1นะ"ชาบอก
"จริงเหรอวะ!...มึงแน่ใจนะ"ภีมถาม
"ทำไม!?..มึงสนใจเหรอวะ..แต่ปกติมึงไม่เคยจะสนใจนี่หว่า"ชาถามพลางจ้องหน้าภีมตรงๆ
"ก็..ป่าว..แค่ถามดู"ภีมตอบเลี่ยงๆ
"ไม่จริงมั้ง!..พวกกูรู้จักมึงมาตั้งนานแล้วนะโว้ย!..จะไม่รู้จักนิสัยมึงเลยหรือไงวะ"วิทย์พูดยิ้มๆ
"ใช่...ถ้ามึงสนใจ..พวกกูก็จะไม่ยุ่งแถมยังจะช่วยมึงอีกด้วย..ใช่มั้ย..ไอ้วิทย์"ชาบอก
"ใช่สิวะ..น้ำแข็งจะได้กลายเป็นน้ำเสียที555"วิทย์ขำ
"พอๆ..เลิกพูด..ไปเข้าเรียนก่อนเถอะว่ะ"ภีมรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อถูกเพื่อนๆแซว
"เออๆ..ไม่พูดก็ได้..แต่สวยน่ารักขนาดนั้น..ถ้าไม่รีบ..กูว่าคงมีคนคาบเอาไปแดกแน่ๆ"ชาบอก
"ของที่กูสนใจ..ใครก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น"ภีมบอกเสียงเรียบๆ
"งั้น..ก็ไปเข้าเรียนกัน..ไป..พวกมึง"
วิทย์บอกแล้วเดินนำไปทางตึกคณะวิศวะ
ภีม วิทย์และชาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม เรียนด้วยกันมาตลอดจึงสนิทกันมาก ทางบ้านของทั้งสามคนมีฐานะร่ำรวยมาก มีกิจการเป็นของตัวเองแล้วทั้งสามคนยังได้ร่วมกันเปิดผับแบบกึ่งร้านอาหารด้วยกันอีกด้วย ทั้งสามคนเป็นหนุ่มฮอตประจำมหาลัยที่ทั้งหล่อทั้งรวย เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในมหาลัยและข้างนอกโดยเฉพาะภีมมีดีกรีเป็นถึงเดือนของมหาลัยเมื่อปีที่แล้วด้วย ทั้งสามคนเรียนอยู่คณะวิศวะปี2แล้ว
"กอหญ้า..ทางนี้!"รุ้งดาวหรือรุ้งเรียกเมื่อเห็นกอหญ้ายืนอยู่ที่ประตูห้องเรียน
"ทำไมช้าจังล่ะ"เมยาหรือเมย์ถามเมื่อกอหญ้าเข้ามานั่งลงแล้ว
"พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ..ดีนะที่มาทัน"กอหญ้าพูดเหนื่อยๆเพราะวิ่งมา
"มีอะไร..!?"รุ้งถาม
"ไม่มีอะไรหรอก..ชั้นแค่วิ่งชนคนน่ะ..น่าจะเป็นรุ่นพี่..แต่ไม่รู้ว่าคณะอะไรตรงมุมตึกน่ะ"
กอหญ้าเล่าให้เพื่อนฟัง เธอกับรุ้งและเมย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่ของทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเหมือนกัน เพียงแต่แม่ของกอหญ้าเสียไปตั้งแต่กอหญ้าได้2ขวบ เธอจึงอยู่กับป๊าและพี่ชายที่อายุมากกว่าถึง8ปี ดังนั้นเธอจึงสนิทกับรุ้งและเมย์จนเหมือนพี่น้องกันแท้ๆ
"ซุ่มซ่ามอีกแล้วล่ะสิแกน่ะ"เมย์บอก
"แหม!..ชั้นก็แค่รีบน่ะ"กอหญ้าเสียงอ่อยๆ
"ทุกทีเลยนะแกน่ะ..ปล่อยไปไหนคนเดียวทีไร..เกิดเรื่องทุกที"รุ้งว่า
"พวกแกเลิกว่าชั้นเถอะนะ..ต่อไปจะระวัง..นะ..นะ"กอหญ้าอ้อน
"ก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งแหละ..ว่าแต่นี่แกบอกป๊าหรือยัง..ที่ออกมาอยู่ที่หอพักน่ะ"เมย์ถาม
"ยังเลยว่ะ...ว่าจะรอให้ป๊ากลับมาจากฮ่องกงแล้วรู้เองดีกว่า..อีกอย่างรอให้เฮียกลับมาจากมาเลย์ด้วย..จะได้มาช่วยพูดกับป๊าให้น่ะ"
กอหญ้าบอกหน้าเรียบๆ เธอเคยขอป๊าแล้วว่าจะออกมาอยู่หอพักใกล้ๆกับมหาลัยแต่ป๊าไม่ยอม เธอเลยแอบย้ายออกมาตอนที่ป๊าไปทำงานที่ฮ่องกง
"ชั้นว่านะ..ถ้าป๊ารู้มีหวัง..มาตามแกถึงมหาลัยแน่ๆ"รุ้งว่า
"ชั้นก็ว่าอย่างนั้นแหละ..แล้วนี่ป๊าจะกลับเมื่อไหร่วะ"เมย์ถาม
"ก็น่าจะวันสองวันนี้แหละ..ชั้นคงต้องหลบๆจนกว่าเฮียจะกลับมาน่ะ"กอหญ้าบอก
"แล้วเฮียจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ"รุ้งถาม
"เห็นว่าวันศุกร์หรือเสาร์นี้แหละ"กอหญ้าบอก
"เออๆ..เอาไว้ค่อยคุย..อาจารย์มาแล้ว"เมย์ว่า
สามสาวจึงหันกลับไปตั้งใจเรียนก่อน
สองวันต่อมา โรงอาหารคณะวิศวะ
"ว้าย!แกดูนั่นสิ..พี่ภีมโคตรหล่อเลยอ่ะ"
"พี่วิทย์กับพี่ชาก็น่ารัก"
เสียงสาวๆนักศึกษาที่มารวมกันอยู่ในโรงอาหารพากันพูดและมองไปทางสามหนุ่มหล่อของมหาลัยที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ
"ทำไมวันนี้โรงอาหารคณะเรามีสาวๆมากจังล่ะ!..ไหนบอกว่าคณะวิศวะมีผู้หญิงเรียนน้อยไง"
กอหญ้าถามเมื่อเดินเข้ามาในโรงอาหาร
"อ้อ!..ชั้นรู้แล้ว..ก็พี่ๆสุดหล่อประจำมหาลัยมานั่งกินข้าวอยู่นั่นไงล่ะ..สาวๆจากหลายคณะจึงมารวมตัวกัน"เมย์บอก
"ไหนวะ..จริงด้วย..นั่นพี่ภีม..พี่วิทย์และพี่ชา..โอ้ย!โคตรหล่ออ่ะ"รุ้งทำท่าปลื้ม
กอหญ้าหันไปมองตามที่เพื่อนบอก เธอเห็นภีมแล้วถึงกับชะงัก นั่นมันพี่หน้าดุๆที่โดนเธอชนวันนั้นนี่นา นี่เขาเรียนวิศวะเหรอ ไม่ใช่มั้งถ้าใช่ ตาย! ตายแน่!!ไอ้กอหญ้า
เขาตกหลุมรักเพื่อนสนิทของน้องสาวตั้งแต่เห็นครั้งแรกแต่เพราะเธอมีนิสัยที่ไม่เหมือนใครทำให้เขาไม่กล้าแสดงตัวว่าชอบได้แต่พยายามตีสนิทโดยมีน้องสาวตัวแสบคอยช่วยเหลือคงต้องมาช่วยกันลุ้นว่าเขาจะจีบเธอมาเป็นแฟนได้มั้ย
เขาแอบรักเธอตั้งแต่เขายังเรียนมัธยมต้นแต่ไม่กล้าบอกเพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทจนผ่านมาถึง10ปีเขาได้เจอกับเธออีกครั้งและตั้งใจจะบอกกับเธอ แต่เขาก็ต้องมีคู่แข่งอีกหลายคนดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อทำให้เธอรักเขาให้ได้
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
เขาเป็นลูกชายของมาเฟียที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจ เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไม่จริงจังกับใครแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ช่วยชีวิตเธอไว้โดยบังเอิญแล้วนั่นก็เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเขาตกหลุมรักเธอโดยยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป
เขาหลงรักเธอตั้งแต่ในความฝันแล้วพยายามตามหาเธอในความจริงจนกระทั่งพรหมลิขิตก็ทำให้เขาได้เจอกับเธอ
เธอแอบชอบรุ่นพี่มาตั้งแต่เข้ามหาลัยปี 1 แต่ไม่กล้าบอกจนผ่านมาได้ 1 ปีเธอถึงได้กล้าไปบอกเขาและขอตามฉี่เป็นเวลา 3 เดือนเขาปฏิเสธ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
พี่กัส 'ออกัส' เป็นพี่ชายของฉัน 'อลิน' เราเป็นพี่น้องบุญธรรมกัน แต่เขากลับไม่เคยทำดีกับฉันเลยสักครั้ง เอาแต่คอยทำร้ายจิตใจและร่างกายของฉัน จนหัวใจและร่างกายของฉันมันบอบช้ำ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่รักดีเผลอรักพี่ชายคนนี้ จนหมดใจ
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
บนท้องฟ้ากว้างใหญ่เหนือมหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกระฟ้าทอดยาวเป็นเส้นแสงสว่าง สีเงินระยิบระยับเหมือนดวงดาวที่หลุดลอยมาอยู่ใกล้ผืนดิน แต่ละมุมเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการแข่งขันและความเร่งรีบ ฟู่ ชิงชวน CEO หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจชั้นนำ กำลังยืนทอดมองวิวจากกระจกในห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท "เฉิงหยวนกรุ๊ป" เขาเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ชีวิตที่ใครหลายคนอิจฉา แต่เบื้องหลังดวงตาคมกริบที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กลับมีร่องรอยของบาดแผลลึกซ่อนอยู่ในหัวใจ บาดแผลที่เกิดจากการทรยศของคนรักเก่า ลู่ ซูฉิน ผู้หญิงที่เขาเคยรักสุดหัวใจ แต่เธอเลือกทิ้งเขาไปเพื่อแต่งงานกับคนอื่น… การทรยศครั้งนั้นทำให้ฟู่ ชิงชวนสูญเสียความเชื่อใจในความรัก และปิดกั้นหัวใจของตัวเองจากผู้หญิงทุกคน มันกลายเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นและเข้มแข็ง แต่ขณะเดียวกันก็สร้างกำแพงในใจที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน ฟาง ซีอัน สาวงามผู้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น กำลังเดินทางกลับมายังประเทศจีนหลังจากใช้ชีวิตในต่างแดนนานนับสิบปี ความทรงจำในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้าจากการสูญเสียบุพการี เธอเลือกที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อหวังจะได้สัมผัสความอบอุ่นที่หายไปและรู้สึกใกล้ชิดกับพ่อแม่อีกครั้ง แต่เมื่อกลับมาถึง เธอก็ต้องเผชิญกับปัญหาจากลุง ฟาง จงฉิน น้องชายคนเดียวของพ่อ ติดเหล้าและการพนันอย่างหนัก ลุงของเธอสะสมหนี้สินหลายร้อยล้านหยวน และพยายามขอยืมเงินจากเธอเพื่อใช้หนี้ …ฟาง ซีอันจึงตัดสินใจสมัครงานที่บริษัทเฉิงหยวนกรุ๊ป ไม่เพียงเพื่อความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ในครอบครัวอีกด้วย การพบกันครั้งแรกของทั้งสองคน เป็นเพียงเรื่องบังเอิญในสายตาของใครหลายคน แต่สำหรับโชคชะตาแล้ว มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนซับซ้อนแต่เต็มไปด้วยความรัก…
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!