เขาแอบรักเธอตั้งแต่เขายังเรียนมัธยมต้นแต่ไม่กล้าบอกเพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทจนผ่านมาถึง10ปีเขาได้เจอกับเธออีกครั้งและตั้งใจจะบอกกับเธอ แต่เขาก็ต้องมีคู่แข่งอีกหลายคนดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อทำให้เธอรักเขาให้ได้
เขาแอบรักเธอตั้งแต่เขายังเรียนมัธยมต้นแต่ไม่กล้าบอกเพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทจนผ่านมาถึง10ปีเขาได้เจอกับเธออีกครั้งและตั้งใจจะบอกกับเธอ แต่เขาก็ต้องมีคู่แข่งอีกหลายคนดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อทำให้เธอรักเขาให้ได้
"ไอ้ฝ่าง..มึงจะบอกว่า...มึงไม่เคยมาที่ไร่นี่เลยตั้งแต่แม่มึงย้ายมาอ่ะนะ"
"เออ!..ก็หลังจากที่พ่อตาย แล้วแม่ทำใจไม่ได้ ฝ้ายก็เลยลาออกจากครูมาดูแลไร่แทน แล้วให้กูไปเรียนต่อกับมึงที่อเมริกา...หลังจากนั้นก็ขายที่เพราะแม่เศร้าไม่หาย จากนั้นก็มาซื้อที่ๆนี่แทน กูก็กลับมาพร้อมมึงแล้วจะถามทำไมวะ ไอ้ดิน"ฝ่างพูด
"แล้วนี่มึงจะไปถูกเหรอวะ"ดินพูด เขาเป็นคนขับรถมาให้
"กูโทรบอกแม่แล้ว แม่บอกให้ไปคอยที่แยกปากแซง เดี๋ยวยายฝ้ายจะออกมารับ"ฝ่างบอก
ฝ่างกับดินเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะบ้านอยู่ติดกัน ฝ่างมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อฝ้าย ดินเป็นลูกคนเดียวจึงมักจะมาเล่นที่บ้านของฝ่างเสมอ ดินแอบชอบฝ้ายมาตั้งแต่ตอนที่ดินเรียนม.ต้นแล้ว แต่ดินไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่าฝ้ายจะไม่ชอบและจะเปลี่ยนไป จนกระทั่งฝ้ายสอบติดไปเรียนที่เชียงใหม่ ดินก็ไม่ได้เจอฝ้ายอีกเลยเพราะพอฝ้ายเรียนจบกลับมาบ้านดินกับฝ่างก็ได้ทุนไปเรียนปริญญาโทที่อเมริกา ดินกับฝ่างเรียนจนกลับมาตั้งแต่3ปีที่แล้วแต่ต้องทำงานใช้ทุนอีก3ปี ฝ่างจึงเพิ่งได้กลับมาบ้านและดินก็ขอตามมาเที่ยวด้วย
"ฝ้ายคงเปลี่ยนไปมากแล้วมั้ง...กูไม่ได้เจอมาตั้ง10ปีแล้ว"ดินพูด
"มึงยังชอบยายฝ้ายอยู่อีกเหรอ"ฝ่างถาม
เขารู้ว่าดินชอบฝ้ายเพราะดินบอกกับเขาเอง
"กูก็ไม่แน่ใจ..กูถึงต้องตามมึงมานี่ไง"ดินพูด
"แล้วมึงจะแน่ใจได้ยังไงวะ"ฝ่างถาม
"ก็ถ้ากูเห็นฝ้ายแล้ว ความรู้สึกกูเหมือนเดิม กูก็คงจะยังชอบอยู่แต่ถ้าไม่...กูก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องมึงแล้ว"ดินพูด
"อย่าบอกนะที่มึงไม่ยอมคบกับใครตอนที่เรียนเพราะมึงคิดว่ามึงยังชอบฝ้ายอยู่อ่ะ"ฝ่างถาม
"คงงั้นมั้ง...แต่เดี๋ยวก็รู้"ดินพูด
สักพักใหญ่ดินก็ขับรถมาจอดที่แยกปากแซงตามที่แม่ของฝ่างบอก
"เฮ้ย!ไอ้ฝ่าง มึงดูคนที่ขี่บิ๊กไบค์คันนั้นสิวะ หุ่นอย่างกับผู้หญิง ตัวเล็กแค่นั้นถ้ารถล้มจะยกไหวเหรอวะ"ดินพูด
เขาชี้มือไปที่คนขี่รถบิ๊กไบค์ ที่ขี่เข้ามาจอดข้างหน้ารถของดินกับฝ่างไม่ไกลนัก
"เออ!ว่ะ"ฝ่างพูด
ครืด ครืดเสียงมือถือของฝ่างดังขึ้น เขามองดูเบอร์แล้วไม่คุ้นเลย
"สวัสดีคับ".
"พี่ฝ่างนี่ฝ้ายเองค่ะ..พี่ฝ่างถึงไหนแล้วคะ"
"อ้าว!ฝ้ายเหรอ พี่จอดรถอยู่ที่แยกปากแซงแล้ว เราน่ะอยู่ไหน"
"พี่ฝ่างมารถอะไรคะ"
"พี่มารถเก๋งของไอ้ดินมันน่ะ"
"ใช่รถเก๋งสีดำมั้ยคะ"
"ใช่..เราเห็นแล้วเหรอ"
"ค่ะ..ก็ฝ้ายอยู่ข้างหน้าพี่ฝ่างนี่แหละค่ะ ลงมาสิคะ"
ตู๊ด ตู๊ด ฝ้ายวางสายไปแล้ว
"ฝ้ายว่าไงบ้างวะ"ดินถาม
"ฝ้ายบอกว่าเห็นเราแล้วและอยู่ข้างหน้าเรา...ไหนวะกูเห็นแต่คนขี่บิ๊กไบค์...เฮ้ย!นั่นมัน"ฝ่างอุทานเสียงดัง
เขาชี้มือไปที่คนขี่บิ๊กไบค์ที่ตอนนี้ถอดหมวกกันน็อคออกแล้ว
"อะไรวะ...โอ้โห้!สวยว่ะ มึงจะตกใจทำไมวะ"ดินบอก เขาหันไปตามที่ฝ่างชี้มือ
"ก็นั่นมัน..ยายฝ้ายน้องกู"ฝ่างบอก เขาเปิดประตูรถออกไปทันที
ดินถึงกับอึ้ง นี่เขาไม่ได้เห็นฝ้ายมา10ปี เธอเปลี่ยนไปจนเขาจำไม่ได้เลย ครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอตัวผอมๆ หน้ามีสิวเต็มไปหมด หน้าก็ออกสีน้ำตาลไม่ได้ขาวเนียนแบบนี้ ที่สำคัญคือเธอกลัวรถมอเตอร์ไซค์ที่สุด
แต่นี่ฝ้ายขี่บิ๊กไบค์ เธอสวมกางเกงยีนต์ขายาว สวมเสื้อยืดข้างใน แล้วสวมแจ็คเก็ตยีนต์ทับข้างนอก สวมรองเท้าบูทหุ้มส้นสูงเกือบถึงเข่า ผมตรงยาวถึงกลางหลังสีดำสนิท ตาคมปากนิด จมูกหน่อยแต่ที่เขาชอบที่สุดคือเธอมีลักยิ้มทั้งสองข้าง เวลาเธอยิ้มจึงน่ารักมากๆ
ดินหัวใจเต้นแรงมาก..นี่ขนาดยังไม่ได้ลงไปเจอจริงๆเขายังใจเต้นขนาดนี้ นี่ก็แสดงว่าเขายังชอบเธออยู่สินะ
"ยายฝ้าย"ฝ่างเรียก เขาเปิดประตูรถลงไปแล้ว
"พี่ฝ่าง"ฝ้ายเรียก
เธอวางหมวกกันน็อคลงที่เบาะรถแล้วยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดฝ่างทันที
"ฝ้ายคิดถึงพี่ฝ่างที่สุดเลยค่ะ"
"พี่ก็คิดถึงเรากับแม่มาก...พี่ขอโทษที่ปล่อยให้เรากับแม่ต้องลำบาก"
"ไม่เป็นไรค่ะ..พี่ฝ่างต้องไปเรียนนี่คะ ฝ้ายกับแม่ไม่ลำบากหรอกค่ะ
"เออ!นี่ไอ้ดินเพื่อนพี่ เรายังจำได้มั้ย"ฝ่างบอก
ดินเปิดประตูรถลงมายืนข้างๆแล้ว
"สวัสดีค่ะพี่ดิน จำได้สิคะ"ฝ้ายยิ้ม
เธอมองผู้ชายตรงหน้า เขาเปลี่ยนไปมากทีเดียว เขาสูงขึ้น ขาวมากขึ้น ตาคม จมูกโด่ง ปากหยักได้รูป ผมหยักศกสีดำ แต่ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันลืมเขาได้หรอก ก็เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอแอบชอบและยังคงชอบมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตาม
"สวัสดีคับน้องฝ้าย"ดินพูด
"เรียกฝ้ายเฉยๆเหมือนแต่ก่อนก็ได้ค่ะ"ฝ้ายยิ้ม
"ใช่มึง..ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก"ฝ่างว่า
"แหม!ก็ฝ้ายสวยมากขึ้นและเป็นสาวแล้วด้วย ก็ต้องเรียกดีๆหน่อยสิ"ดินยิ้ม
"ฝ้ายก็ยังเป็นฝ้ายคนเดิมแหละค่ะ...ไม่ว่าจะนานแค่ไหน"ฝ้ายบอก
"แล้วทำไมเราแต่งตัวแบบนี้ แล้วทำไมไม่เอารถยนต์มา ขี่คันนี้มาถ้าล้มแล้วจะยกไหวเหรอ"ฝ่างว่า
"ไม่ล้มหรอกค่ะ...มาคันนี้สะดวกกว่า งั้น!พี่ๆก็ขับรถตามฝ้ายมาก็แล้วกันนะคะ เดี๋ยวค่อยไปคุยต่อที่บ้านค่ะ"ฝ้ายบอกยิ้มๆ
"ให้พี่ขี่ไปให้มั้ย..แล้วเรานั่งรถไปกับไอ้ดิน"ฝ่างบอก
"ไม่ต้องหรอกค่ะ..ฝ้ายมีใบขับขี่แต่พี่ฝ่างไม่มีนะคะ ไปค่ะ"ฝ้ายยิ้ม
เธอเดินกลับไปที่รถสวมหมวกกันน็อคแล้วติดเครื่อง
ฝ่างกับดินเดินกลับขึ้นไปบนรถ ดินติดเครื่องรถ เขารอจนฝ้ายขี่รถออกไปก่อนแล้วก็ขับตามไป
เขาตกหลุมรักเพื่อนสนิทของน้องสาวตั้งแต่เห็นครั้งแรกแต่เพราะเธอมีนิสัยที่ไม่เหมือนใครทำให้เขาไม่กล้าแสดงตัวว่าชอบได้แต่พยายามตีสนิทโดยมีน้องสาวตัวแสบคอยช่วยเหลือคงต้องมาช่วยกันลุ้นว่าเขาจะจีบเธอมาเป็นแฟนได้มั้ย
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
เขาเป็นลูกชายของมาเฟียที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจ เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไม่จริงจังกับใครแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ช่วยชีวิตเธอไว้โดยบังเอิญแล้วนั่นก็เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเขาตกหลุมรักเธอโดยยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป
เขาหลงรักเธอตั้งแต่ในความฝันแล้วพยายามตามหาเธอในความจริงจนกระทั่งพรหมลิขิตก็ทำให้เขาได้เจอกับเธอ
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เธอแอบชอบรุ่นพี่มาตั้งแต่เข้ามหาลัยปี 1 แต่ไม่กล้าบอกจนผ่านมาได้ 1 ปีเธอถึงได้กล้าไปบอกเขาและขอตามฉี่เป็นเวลา 3 เดือนเขาปฏิเสธ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
จะดีแค่ไหน หากหล่อนได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาทุกเช้า... ตั้งแต่จำความได้ ชมพูนุชก็หายใจเป็นชื่อของเขาเรื่อยมา องค์รัชทายาทรูปงามแห่งซาเรีย เขาคือความสุขเดียวในชีวิตของหล่อน แต่ความสุขนั้นกลับไม่จีรังดั่งใจหวัง เมื่อหญิงเดียวในดวงใจของเขาหนีหน้าหายไปพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ความผิดบาปทุกอย่างจึงถูกขว้างใส่หน้า เขาเรียกร้องให้ครอบครัวของหล่อนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตราหน้าผู้หญิงที่เฝ้าภักดีกับเขาอย่างหล่อนว่า ‘นังแพศยา’ “หน้าที่หนึ่งเดียวสำหรับเธอ บนเตียงของฉันก็คือ... นางบำเรอ” องค์รัชทายาทรูปงามหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ นัยน์ตาสีทองตวัดจ้องมองมายังร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำของหล่อนอย่างดูแคลน “จำเอาไว้ ถ้าฉันเรียก เธอก็ต้องมา ถ้ามาช้า ฉันจะสั่งโบยพ่อ หรือไม่ก็ แม่ของเธอ” “อย่านะเพคะ...” ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มหยัน “ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอควรจะรู้หน้าที่ของตนเอง...” มือใหญ่ตบลงบนเตียงนอนนุ่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนหน้าที่อันทรงเกียรติของหญิงสาว
“ฉันไม่ชอบเธอ! อย่าเข้ามายุ่งกับฉันอีก” “ชะเอมก็ไม่เคยคิดที่จะชอบคนอย่างพี่เหมือนกัน แต่ที่ทำก็เพราะ..”
เซี่ยถิงถิง ย้อนเวลากลับมาในวันที่แฟนหนุ่มได้บอกเลิกกับเธอ เด็กสาวที่มากความสามารถจากหมู่บ้านเชิงเขาเล็กๆ ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกรมา 13 ชั่วอายุคน เซี่ยถิงถิงถือว่าเป็นปัญญาชนคนแรกของหมู่บ้าน ตลอดเวลาเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและเรียนดีผู้นี้ เป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครอบครัวและค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุให้แฟนหนุ่มของเธอมีอันต้องเลิกรากันไปเพราะถิงถิงไม่เคยหลับนอนกับเขา นั่นถือว่าเป็นการหมื่นเกียรติของตัวเธอเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วแฟนหนุ่มของเธอเพียงต้องการเกาะกิ่งไม้สูงเพื่อความก้าวหน้าเพียงเท่านั้น เพียงเพราะถิงถิงมาจากครอบครัวชาวนาในชนบทไม่มีแรงสนับสนุนเขาให้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงได้ตามที่เขาต้องการ เขาจึงต้องหันหลังให้กับถิงถิงเพื่อไปเกาะขาลูกสาวนายทหารยศใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยและพร้อมสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขาต้องการ ถิงถิงเองถึงแม้จะเสียใจมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชาวนาแล้วอย่างไร ชาวนาก็ถือว่ามีเกียรติ คุณรังเกียจชาวนาก็อย่ากินข้าวที่ชาวนาปลูกก็แล้วกัน ในเวลาชั่วข้ามคืนจากความรักที่เธอมีให้แฟนหนุ่มแต่ตอนนี้เธอมีเพียงความรังเกียจและเสียใจที่มองคนผิดไปเท่านั้น ถิงถิงตัดสินใจลาออกจากงานและเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด เธอจะพลิกภูเขาแห้งแล้งที่บ้านเกิดให้เป็นแหล่งอาหาร อันอุดมสมบูรณ์ เธอจะทำให้คนที่ดูถูกเธอได้เห็นว่า เกษตรกรนั้นหาได้ต่ำต้อยไม่ เธอจะต้องร่ำรวยเพราะอาชีพของเธอให้ได้ในสักวันและจะตอกหน้าคนพวกนั้นคืนให้สาสม แต่ที่น่าอับอายที่สุดไม่ใช่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกในที่สาธารณะ แต่เป็นเธอที่เดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวฟาดต่างหาก เพราะความโมโหทำให้ไม่ทันได้มองทาง นี่ถือว่าตายด้วยความอับอายและคับแค้นใจมากที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเธอได้กลับมา
เขาถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาค้นพบความจริงบางอย่างและต้องใช้สาวน้อยคนนี้แก้แค้นใครบางคน เธอต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่ออย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งแม่ ทั้งพ่อ ทั้งเขา!...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY