ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / สาวใช้ของนายท่านคือปีศาจสาวตนหนึ่ง
สาวใช้ของนายท่านคือปีศาจสาวตนหนึ่ง

สาวใช้ของนายท่านคือปีศาจสาวตนหนึ่ง

5.0
73 บท
417 ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

ว่ากันว่า... เหล่าปีศาจจะกิน ‘พลังชีวิต’จากมนุษย์เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าได้เสพ ‘พลังหยาง’จากบุรุษจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้ตน แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้มนุษย์ผู้นั้นอายุไขสั้นลงหรือตายได้ ในขณะเดียวกัน ‘หัวใจ’ของปีศาจจิ้งจอกแดงเป็นตัวยาหายากชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค ปีศาจจิ้งจอกแดงจึงเป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าเช่นกัน กุนซือหนุ่มนาม 'หานหรงเหยา' หลบมารักษาแผลใจไกลถึงชายแดน สายลมแห่งโชคชะตานำพาให้เขาได้พบกับ 'หลิวเข่อซิง' ปีศาจจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่เข้าใจผิดคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่กลายเป็นว่า หานหรงเหยายื่นมือเข้าช่วยปีศาจสาวเสียเอง เรื่องวุ่นของหนึ่งคนและปีศาจหนึ่งตนจึงเริ่มขึ้น “ข้าช่วยเจ้า เจ้าไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณข้าบ้างหรือ” “ตอบแทนบุญคุณ?” นางทำเป็นไม่เข้าใจ จะว่าไปเขาก็พูดถูก พลังชีวิตของเขาช่วยให้นางคืนร่างมนุษย์ จากที่บรรดาศิษย์พี่เล่าให้ฟัง แต่พวกมนุษย์หาดีไม่ได้สักคน หรือว่าเขาเห็นนางในร่างจิ้งจอกแดงแล้วอยากได้หนังของนาง! หานหรงเหยาเลิกคิ้วประหลาดใจ จู่ๆ จิ้งจอกตัวน้อยก็หน้าซีดกอดห่อผ้าแน่น กลายเป็นนางที่แสดงท่าทีหวาดกลัวเขา “แม่นาง...เอ่อ เข่อซิง...เจ้า...” “เจ้า...เจ้าเห็นตัวตนของข้าแล้ว” นางกอดห่อผ้าแน่นขึ้นข่มกายไม่ให้สั่นเทา ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่า เป็นตนเองที่เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของนาง หากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องเป็นเขาที่รับผิดชอบต่อนาง “เจ้าคงไม่คิดจะถลกหนังข้าหรอกนะ” “ถลกหนัง

บทที่ 1 บทนำ

แนะนำตัวละคร

หลิวเข่อซิง-เข่อซิง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายหนึ่งร้อยสิบหกปี

หานหรงเหยา : ที่ปรึกษา(กุนซือ)ของกองทัพ มาทำงานร่วมกับซุนเจ้าเฟิง แม่ทัพใหญ่ที่อยู่ชายแดน

หลิวชิงเซียง -ชิงเซียง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายุห้าร้อยห้าสิบปี เป็นศิษย์พี่ของหลิวเข่อซิง

ซุนเจ้าเฟิง : องค์ชายสามและเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดน เป็นสหายรักของหานหรงเหยา

...

พิธีแต่งงานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานมงคลของตระกูลหานและเจ้าสาวแสนงามดุจบุปผาสวรรค์ เสียงดนตรี คำอวยพร ของขวัญ วิจิตรตระการตาราวกับงานรื่นเริงของเหล่าปวงเทพ งานมงคลยิ่งใหญ่นี้คงกลายเป็นที่กล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน

ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวในชุดสีแดงสวยงดงาม ขณะที่เจ้าสาวค้อมเอวคำนับเจ้าบ่าวแล้วเงยตัวขึ้น สายลมพัดผ่านทำให้ผ้าคลุมหน้าสีแดงขยับไหวเผยเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขของหญิงสาว

ทว่ารอยยิ้มนั้น ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว

ชายหนุ่มกล่ำกลืนความปวดร้าวในอก ฝืนทนจนเจ้าสาวเดินผ่านสายตาเข้าห้องหอแล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินจากจวนตระกูลหาน เขาเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่จวบจนวันนี้ที่เขาอายุสิบเจ็ดปี เขาจึงก้าวเท้าออกจากสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ อย่างไม่รู้ว่าจะหวนกลับเมื่อใดคิดจะหวนกลับ

จะให้เขาอยู่อย่างไร ในเมื่อหญิงสาวที่เขาหลงรักและเติบโตมาพร้อมกัน มาบัดนี้นางได้กลายเป็น ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปแล้ว

ตอนที่1.

บานประตูห้องทำงานเปิดออกอย่างไม่เกรงใจคนในห้อง ตามมาด้วยเท้าหนักๆ ที่เดินยำเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะไม้สลักลายงดงาม บุรุษหนุ่มตวัดมือร่างแบบบนกระดาษเสร็จพอดีจึงเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบนิ่งราวกับแผ่นน้ำแข็งแห่งฤดูเหมันต์ไร้อารมณ์ แต่กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาบนใบหน้าได้แม้แต่น้อย

“หน้าตาเจ้านี่มันไร้อารมณ์สิ้นดี” องค์ชายสามหรือองค์ชายซุนเจ้าเฟิง ผู้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดนตะวันตก เขาส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทีอ่อนใจพลางเอื้อมมือไปรินน้ำชาให้ตนเอง “ข้าให้เจ้าหาเด็กรับใช้ข้างกายสักคน เหตุใดยังไม่มีใครมาปรนนิบัติเจ้าอีก”

“จะให้ข้าต้อนรับท่านแม่ทัพอย่างไรดี จุดประทัดดีหรือไม่” หานหรงเหยา คลี่ยิ้มเพียงเล็กน้อย มันน้อยเสียจนแทบมองไม่เห็นเป็นรอยยิ้ม หรือคนผู้นี้อาจหลงลืมการยิ้มไปแล้วว่าควรทำเช่นไร

“อยู่ค่ายทหารไม่จำเป็นต้องมีบ่าวข้างกาย” ชายหนุ่มวางพู่กันแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือ

“แต่สุขภาพของเจ้า...”

องค์ชายสามชะงักปากไป เป็นสหายกันมานาน รู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะหานหรงเหยาเองก็เป็นสหายร่วมเรียนกับเขา และสกุลหานเองรับใช้ราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน หานหรงเหยาเป็นบุตรชายคนรองของสกุลหาน รูปร่างผอมบางไปสักหน่อยแต่ใบหน้าหล่อเหลาและโดดเด่นด้วยความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าคุณชายตระกูลใดในเมืองหลวง ทว่าหัวใจของหานหรงเหยาไม่แข็งแรงมาตั้งแต่กำเนิด หมอทั่วแคว้นต่างลงความเห็นเดียวกันว่าไม่อาจรักษาได้ ทำได้เพียงพยุงให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ปีต่อปี

ไม่ใช่แค่ ‘หัวใจ’ เท่านั้น แต่หานหรงเหยายังเป็น ‘โรคใจ’ อีกด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่หานหรงเหยาเขียนจดหมายมาถึงซุนเจ้าเฟิงเพื่อรับตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษา’ หรือ ‘กุนซือ’ ณ ค่ายทหารแห่งนี้

“ข้าสบายดี” หานหรงเหยารู้ทันความคิดขององค์ชายสาม ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย ทั้งสองจึงพูดคุยสนทนากันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งจะว่าไปก็เป็นความคิดของซุนเจ้าเฟิงที่ไม่ยินยอมให้เขาพูดจาแบ่งฐานะชัดเจน

‘เก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ใช้ที่เมืองหลวงเถอะ! ข้าอยู่ห่างไกลเสด็จพ่อขนาดนี้ คงไม่มีใครเอาไปฟ้องว่าเจ้าพูดจากับข้าเสมอเท่าเทียมกัน’

“เอาเถอะๆ ร่างกายของเจ้า เจ้าย่อมรู้ตัวดี” ซุนเจ้าเฟิงถอนหายใจเบาๆ หานหรงเหยาเป็นเจ้าดื้อหัวแข็ง ไม่ดื้อดึงจริงคงไม่สามารถออกจากเมืองหลวงมาอยู่ไกลถึงชายแดนกับเขาได้ เพราะสุขภาพไม่สู้ดี ทั้งบิดามารดาจึงระวังหานหรงเหยาทุกฝีก้าว จำได้ว่าหานหรงเหยาให้เขาสอนเพลงหมัดมวยให้ เมื่อมารดารู้เข้าก็เป็นลมล้มพับไปทันที ส่วนบิดานั้นด้วยเกรงฐานะของเขาจึงได้แต่กัดฟันข่มความโกรธไว้

หากไม่เป็นเพราะ สตรีที่หานหรงเหยาปักใจรักนั้นไปแต่งงานกับบุรุษอื่น และบุรุษผู้นั้นคือพี่ชายของหานหรงเหยาเอง นางกลายเป็น ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปเสียนี่ ด้วยเหตุนี้หานหรงเหยาจึงไม่อาจใช้ชีวิตในเมืองหลงได้อีก ซุนเจ้าเฟิงถอนหายใจให้โชคชะตาของหานหรงเหยาอีกครั้ง

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 73 ตอนพิเศษ 2. จบ   02-21 18:15
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY