/0/10662/coverbig.jpg?v=74c7cea226714506ca4798020a0d0bf6)
เรื่อง : อัศวินดำโค่นอำนาจ -------------------- ในยุครุ่งอรุณ 50 ปีหลังหายนะ กฎค่อยๆ ถูกขึ้นใหม่ อารยธรรมถูกละทิ้ง ความป่าเถื่อนและความปรารถนามีอยู่ทั่ว เหล่าผู้บุกเบิกและขุนนางที่ทรงพลังกุมอำนาจในเมือง เหล่าอมนุษย์ปกครองผืนป่า มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถกลายพันธุ์ได้จะตกอยู่จุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร พวกเขาถูกควบคุม กดขี่เปรียบเสมือนเหยื่อที่ไม่มีพลังพอจะต่อต้าน เด็กหนุ่มสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ปรากฏตัวในโลก ด้วยดาบยาวในมือเขา เขาท่องผ่านนรกบนดินนี้ เริ่มจากคนไร้ชื่อและกลายเป็นคนที่ใครๆ ต่างหวาดกลัวด้วยการตั้งตนเป็นศาลเตี้ย ทำให้ชื่ออัศวินดำกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก! --------------------- เจ้าของลิขสิทธิ์ฉบับจีน : 17k เจ้าของลิขสิทธิ์ฉบับไทย : carnet00
ในป่ารกร้าง ท้องฟ้าหม่นหมอง ภูเขาตั้งสูงตระหง่าน เมฆสีเทาดูเหมือนจะกดทับลงมาจากฟ้า สิ่งที่ท้าทายอำนาจมันคือต้นไทรสีดำที่อยู่บนยอดเขา ทันทีที่ฝนหนักหยุดตก หยดฝนสามารถเห็นได้ทั่วบนพืชกลายพันธ์ุบนภูเขา มีเถาวัลย์งอกท่ามกลางป่าหนาทึบ
เสียงหยดน้ำทำลายความเงียบ ก่อให้เกิดเป็นแอ่งน้ำ
ฮู่ ฮู่… ในป่าทึบ มีเสียงหายใจ เสียงนั้นหนา หนัก และถี่มาก แม้พืชกลายพันธุ์จะน่ากลัว มันก็ไม่มีเสียงหายใจ
นี่คือหมีน้ำตาลที่กำลังบาดเจ็บ ร่างมันยาว3ถึง4เมตร สูง1.8เมตร หนักถึง750กิโลกรัม มันมีน้ำหนักเกินหมีน้ำตาลตัวผู้ในยุคอารยธรรม มันมีแขนขาคล้ายกับหมีสีน้ำตาล ขนหนาบนตัวที่สามารถต้านทานคมดาบทั่วไปได้ ร่วมกับผิวหนา กรงเล็บเหล็กที่สามารถทำลายหินได้ง่ายๆ และแรงกัดของฟันที่มากพอจะกัดต้นไทรดำต้นใหญ่บนยอดเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้มันได้ชื่อว่าหมีน้ำตาลหุ้มเหล็ก แม้จะเป็นในป่ากลายพันธุ์แห่งนี้ ที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย แมลง สัตว์และพืชกลายพันธ์นับไม่ถ้วน มันยังเป็นเผ่ากลายพันธุ์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารบนหุบเขาแห่งนี้
แต่ตอนนี้ มีรอยแผลยาวประมาณสองฟุตบนหลังมัน เนื้อของมันแหวกเปิด และก็มีแบคทีเรียกลายพันธุ์แทรกซึมเข้าไป มันพาร่างใหญ่โตเดินไปตามทาง แขนขาก้าวไปบนรากของต้นไม้ เผยให้เห็นรอยบนดิน และเสียงลมหายใจหนักหน่วงก็มาจากปากที่สามารถกัดเหล็กได้
มันมีดวงตาสีเหลืองคู่เล็ก สะท้อนทุกอย่างในป่า ทอประกายทรงอำนาจและสร้างความกลัวให้สัตว์ในป่า
"ซวบ"เงาร่างงดงามทะยานแหวกว่ายในอากาศ ร่างนั้นทะยานไปตามกิ่งไม้ ทำให้เกิดลมแรงพัดพาดอกไม้ ใบไม้ และฝุ่นในป่าให้ลอยขึ้น
เงาร่างดงามเหยียบบนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาของหมีน้ำตาลหุ้มเหล็กคือดวงตาคู่งามที่เหมือนท้องทะเล แต่ดวงตาคู่นั้นก็เปรียบเสมือนหนามที่เจาะไปในตาของหมีน้ำตาลหุ้มเหล็ก
ร่างเพรียวนี้คือหญิงสาวสูง1.7เมตร เธอสวมชุดคลุมที่ทำจากเถาวัลย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า พื้นที่ที่ไม่ปกคลุมด้วยชุดคลุมคือรองเท้าที่ทำจากเถาวัลย์เหมือนกันและแจ็คเก็ตหนังดำที่สีซีดจากอายุการใช้งาน
ใบหน้าเธออยู่ใต้ฮู้ด เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง แขนขวาเธอยื่นออกมา และนิ้วทั้งห้าจับดาบยาวสีดำไว้ แม้ดาบจะเต็มไปด้วยคราบเลือดและโคลน มันก็ไม่ได้บดบังความคมของมัน
ขาขวาของหมีน้ำตาลหุ้มเหล็กก้าวถอยและรูม่านตาก็เต็มไปด้วยความกลัว มันคือราชาแห่งหุบเขา อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ก็ยังบาดเจ็บสาหัสโดยมนุษย์ที่มีกลิ่นของอาหารชั้นต่ำ
หมีน้ำตาลคำราม ทำการดิ้นรนครั้งสุดท้ายให้สมฐานะราชา แต่มนุษย์ตรงหน้ากลับยืนนิ่งบนกิ่งไม้และไม่กลัวเลย ทันใดนั้น หมีน้ำตาลก็ยกกรงเล็บเหล็กมันขึ้น ทะยานใส่ต้นนุ่นที่หญิงสาวยืนอยู่
ในฐานะราชานักล่า มันรู้ว่าความเร็วนี้ไม่อาจหลบหนีมนุษย์ตรงหน้าได้และตัดสินใจสู้จนตัวตาย
บูม!
ต้นนุ่นถูกโค่น พลังกล้ามเนื้อและกระดูกของหมีน้ำตาลนับว่าแกร่งสุดในระบบนิเวศของป่านี้ หญิงสาวเสียที่ยืนและกระโดดลงพื้น จากนั้นหมีก็ยกตัว ร่างใหญ่โตมันกระโจนไปทางหญิงสาว เหวี่ยงแขนหน้าและกรงเล็บเหล็กใส่ส่วนที่บอบบางสุดของมนุษย์ซึ่งก็คือใบหน้า
มีเสียงเท้ากระทบพื้น เสียงดาบเฉือนผ่านอากาศ เสียงของผิวถูกฟัน และเสียงของร่างกายที่ล้มกระแทกพื้น
การล่ายุติลงหลังการปะทะระหว่างเหยื่อและนักล่า
หญิงสาวนำผ้าสีเทาออกมาและปาดเลือดบนตัวดาบ เธอเก็บดาวยาวลงบนซองดาบบนหลังและเดินไปทางศพของหมีน้ำตาล เธอหยิบตะขอเหล็กออกมา เจาะผ่านขาของมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ลากมันไปทางใต้ด้วยพลังเหนือมนุษย์
รอยเลือดลากเป็นทางยาวไป ผสมกับหินและดินชื้น
หลังเดินอยู่นาน หญิงสาวก็กลับมายังถ้ำที่ด้านนอกเปียกแต่ด้านในแห้งแปลกๆ รูใหญ่แค่พอให้คนเดินเข้า แต่กระโดดไม่ได้ หญิงสาวลากศพหมีน้ำตาลไปในถ้ำ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ กองไฟที่ทำจากแท่งไม้ หินและแท่งเหล็ก
ร่างตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายขณะนั่งลงบนหิน เธอถอดชุดคลุมที่กลิ่นเหมือนป่าและปล่อยผมที่มัดลงมา ร่างเพรียวบางและส่วนโค้งได้รูปเผยออกมาภายใต้แจ็คเก็ตหนัง มันยังเผยใบหน้าเกลี้ยงเกลา ใบหน้าที่งามทั้งแบบตะวันออกและตะวันตก มันคือใบหน้าที่ไม่สมควรจะมาอยู่ในสภาพป่าเถื่อนเช่นนี้
เธอนำมีดตัดแต่งขนาดเล็กออกมา เริ่มเฉือนเนื้อและขนของหมีน้ำตาล เธอจุดกองไฟเล็กๆ ที่สว่างพอจะส่องแสงให้ถ้ำเล็กๆ รวมถึงให้ความอุ่น จากนั้นเงาร่างของเด็กชายอายุ7ขวบก็ปรากฏท่ามกลางความมืด
เด็กชายมีดวงตาสีดำสนิทเหมือนหินอ็อบซิเดียนที่ระบุว่ามีเชื้อสายชาวเอเชีย ดวงตาเขาใหญ่มาก เขามีผมสั้นดำ ผิวอ่อนนุ่มและหน้าตาน่ารัก หากชายธรรมดาจากยุคสมัยนี้เห็นเขา พวกเขาจะเชื่อว่าเขาคือพวกเลือดฟ้า ซึ่งหมายถึง’ ตระกูลขุนนาง’
มันเพราะยุคสมัยนี้มนุษย์นั้นถูกปฏิบัติเหมือนขยะ
เด็กชายเงียบ ไม่ถามหญิงสาวว่าเธอไปไหนมา ทำไมเธอถึงหายไปนานและเธอนำอะไรกลับมา มันเพราะเขาชินกับการรอแล้ว
ทั้งหมดที่เขาต้องทำคืออยู่เงียบๆ และไม่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตอันตรายทั้งหมด จับตาดูหญิงสาวทำอาหารจากเนื้ออสูรและจากนั้นก็กินดื่ม
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"