เขาไม่สนใจว่าที่คู่หมั้นที่หนีตามหนุ่มต่างชาติไปก่อนวันหมั้นหมายเพียงวันเดียว แต่พอมาเจอสาวสวยเชื้อสายไทยที่มีหน้าตาละม้ายเหมือนว่าที่คู่หมั้น เขาพึงพอใจในตัวเธอและสืบประวัติจนรู้ว่า...เธอเป็นน้องสาวคู่แฝดของว่าที่คู่หมั้น...และลักพาตัวมาไว้ในพระตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดาที่ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดได้เยี่ยมกรายเข้ามาและครอบครองเธอด้วยความรักพิศวาส แต่เกิดปัญหาเมื่อบิดามารดาของเธอมาตามบุตรสาวและพี่สาวคู่แฝดมาอดีตว่าที่คู่หมั้นปรากฏตัวก่อนวันอภิเษกสมรส
“อาบิดาห์ เจ้าจะไปไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม...”
เชคก้านูรียาห์ชายาคนแรกของชีคทาซิม เบน ราชิด อัลคาบุซ ร้องค้านเสียงดัง ยืนนิ่งขึงตะลึงมองธิดาสาวสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเครื่องสำอางราคาแพงจัดเรียงใส่กระเป๋าอย่างใจเย็น
“ลูกต้องไปเพคะ ท่านแม่ก็รู้ว่าลูกรักโปลี ไม่ได้รักฟารีส" อาบิดาห์ปิดกระเป๋าเครื่องสำอางที่เพิ่งจัดเสร็จนำไปวางรวมกับกองกระเป๋าเดินทางหลายใบที่เตรียมไว้
“แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงพิธี ลูกจะทิ้งพิธีหมั้นตัวเองไปรึ”
นางมองตามธิดาที่เดินไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่สวมใส่ ซึ่งวันนี้เธอใส่ชุดเดินทางทันสมัยเป็นเสื้อสูทสีเทาเกือบดำกระดุมสองแถวตัวยาวลงมาเหมือนกระโปรงสั้นสวมทับเสื้อยืดคอกว้างสีชมพูบานเย็นกับกางเกงรัดรูปทันสมัยขายาวสีเดียวกับเสื้อสูทและรองเท้าคัทชูส้นแหลมสูง ที่ช่วยส่งให้รูปร่างผู้ส่วมใส่ดูสูงโปร่งระเหิดระหงงามสง่า
“แน่นอนเพคะ... โธ่...ท่านแม่เพคะ...ก็แค่พิธีหมั้นเล็กๆ ทำเป็นการภายใน ไม่ได้เอิกเกริกอะไร ล้มเลิกไปก็คงไม่เสียหายอะไรนักหนา ฟารีสอาจจะเสียหน้านิดๆหน่อยๆ แต่ลูกก็เชื่อว่า เขาคงไม่เดือดร้อนหรอกเพคะ เพราะการหมั้นหมายนี่เป็นเพียงความเห็นชอบของผู้ใหญ่ เราไม่ได้รักกัน หมั้นหรือแต่งงานไปทำไมล่ะเพคะ ตอนนี้ลูกรักโปลี ต้องการแต่งงานกับเขา เราจะไปแต่งงานกันที่ฝรั่งเศสเพคะ”
ผู้พูดยืนหมุนซ้ายขวาขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างไม่รู้สึกรู้สากับใบหน้าขึ้งเคียดของมารดาเลี้ยงที่ยืนมองอยู่อย่างทุกข์ร้อนใจ เพราะถูกตามใจจนเคยตัว
“แล้วทางนี้ล่ะ จะทำยังไง งานพิธีอะไรก็เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าท่านพ่อรู้คงไม่ยอมหรอกนะ" ทรงกล่าวอ้างถึงท่านชีคทาซิมสวามีที่คิดว่าธิดาน่าจะมีความเกรงใจอยู่บ้าง
“ท่านแม่ ถ้าท่านแม่รักลูกก็อย่าบอกท่านพ่อนะเพคะ อย่างน้อยก็รอจนกว่าลูกกับโปลีออกจากประเทศนี้ไปก่อน...นะเพคะ...เพคะ...ท่านแม่ของลูก...”
ผู้ออดอ้อนโผเข้าสวมกอดพระมารดา บีบน้ำตาออกมาคลอเจียนจะหยาดหยด ลดเสียงลงต่ำเครือเหมือนจะร้องไห้ เพราะเป็นวิธีออดอ้อนพระมารดาเลี้ยงให้ใจอ่อนมาได้เกือบจะทุกครั้งทุกครา
“เจ้าทำให้แม่ลำบากใจ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธการหมั้นเสียแต่ทีแรกปล่อยให้ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้” ทรงรับสั่งต่อว่าไม่จริงจังจากความใจอ่อนแพ้ลูกอ้อนของธิดาที่เลี้ยงดูมาเหมือนกับลูกของตัวเอง
“ตอนนั้นลูกยังไม่แน่ใจนี่เพคะว่าโปลีเขาจะรักลูกจริง แต่เมื่อวานเขามาขอลูกแต่งงาน นี่ไงเพคะแหวนหมั้นที่เขาสวมให้ตอนมาคุกเข่าขอแต่งงานกับลูก และให้สัญญาว่าจะรักและดูแลลูกตลอดไป ที่สำคัญ คือ ลูกรักเขา ท่านแม่โปรดเห็นใจลูกเถอะเพคะ”
“แต่แม่เป็นห่วงเจ้า แน่ใจแล้วหรือว่าจะเลือกผู้ชายคนนั้น ทั้งฐานะทั้งเกียรติยศของเขาเทียบชีคฟารีสไม่ได้เลยนะ“
“โปลีเขาเป็นทายาทเจ้าของบริษัทผลิตนิตยสารดังนับสิบในฝรั่งเศสและยุโรปเพคะ ฐานะอยู่ในระดับเศรษฐีหมื่นล้าน เพียงแต่ไม่มีคำนำหน้าเป็นชีคหรือเจ้าชายอย่างฟารีสเท่านั้น“
“นั่นแหละ ที่แม่เป็นห่วง ไม่มีฐานนันดรศักดิ์ก็ไม่ต้องระมัดระวังชื่อเสียงเกียรติยศจะเสื่อมเสีย เห็นว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมในหมู่ดารานางแบบ”
“โธ่ ท่านแม่ นางแบบสามัญชนพวกนั้นจะมาสู้อะไรกับลูกที่มีคำนำหน้าว่าพริ้นซ์เซสล่ะเพคะ”
“แล้วนี่เขาจะจัดพิธีแต่งงานให้ลูกเมื่อไร“
“คงอีกสองหรือสามเดือนค่ะ เขาต้องรอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน”
“นี่ยังไม่มีกำหนดแน่นอนหรอกรึ“
“ท่านแม่เพคะ อย่าเพิ่งคาดคั้นพวกเราสิเพคะ”
“อาบิดาห์ แม่รักลูกเป็นห่วงลูก ต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ลูกก็...ดูเถอะ มาทำแบบนี้ แม่..." พระมารดาผู้รักห่วงใยรับสั่งไม่ออก ได้แต่กอดธิดาน้ำตาคลอ เพราะนางไม่มั่นใจในความรักหวือหวาที่เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกจากการหึงหวงของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายชายที่มีอาชีพเป็นช่างภาพนิตยสารแฟชั่น งานของเขาต้องพบปะกับนางแบบสาวสวยมากหน้าจึงได้ชื่อว่าเจ้าชู้นัก เธอจึงกลัวใจว่าเขาจะรักอาบิดาห์ได้ไม่นาน
“...ท่านแม่...อย่าห่วงไปเลย เราสองคนรักกัน จะมีพิธีแต่งงานหรือไม่มีก็ไม่สำคัญหรอกเพคะ" อาบิดาห์กอดหอมเอาใจขณะกล่าวปลุกปลอบที่คิดว่าจะช่วยให้มารดาเลี้ยงสบายใจ
“แต่การแต่งงานหรืองานพิธีก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์ยั่งยืนของการครองคู่นะลูกนะ"
“ยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นแล้วเพคะ คนรักกัน แค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว และ สิ่งที่สำคัญของการครองคู่ของยุคสมัยนี้ต้องมีความพึงพอใจหรือความรักของทั้งสองฝ่าย หม่อมฉันไม่ได้รักท่านพี่ฟารีส เราสองคนไม่ได้รักกัน แต่งงานไปก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ ลูกถือว่าการครองคู่ คือ การเข้ากันได้ดีทางความคิดจิตใจและร่างกายท่านแม่อย่าห่วงเลยเพคะ”
“ถ้าเป็นความสุขของลูกแม่ก็ยอม ขอให้เจ้ามีความสุขในความรักนะลูกนะ”
เชคก้านูรียาห์กระชับอ้อมกอดกล่าวอวยพรก่อนจากลา เดินตามไปส่งธิดาสุดรักสุดหวงขึ้นรถออกไปสนามบินด้วยจิตใจสั่นหวั่นไหว แล้วต้องกลับมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจในการสรรหาคำแก้ตัวให้คนที่ตนยอมสนับสนุนการหนีพิธีหมั้นไป เพื่อจะโน้มน้าวใจท่านชีคทาซิมสวามีที่รู้ว่าเขาจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ให้ทำอะไรรุนแรงกับธิดาสาวและหนุ่มคนรักชาวฝรั่งเศส
การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษที่ไม่รู้มาก่อน ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว
เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************
เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนล่าสุดของศิรารัยที่สร้างเรื่องราวความรักจากปัจจุบันสู่อดีตและกลับมาจบสมบูรณ์ในยุคปัจจุบันที่อยากให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนบรรยากาศที่เคยอ่านนิยายไทย-ไทย ไทย-อาหรับ ไทย-จีน มาเป็นนิยายไทย-อินเดียดูบ้าง โดยสร้างคู่พระนางให้นางเอกเดินทางไปประเทศอินเดียและได้ไปพบพระเอกในอดีตเพื่อช่วยเหลือให้ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ความรักของคนในโลกอดีตกับคนในโลกปัจจุบันจะสมหวังได้ก็เกินความเป็นจริงจึงต้องทำให้นางเอกมาสมหวังในความรักกับพระเอกในโลกปัจจุบันที่สืบเชื้อสายมาจากเขาผู้นั้น และนักเขียนเชื่อว่า...ถ้าเพื่อนนักอ่านเปิดใจอ่านนิยายเรื่องนี้ จะได้รับทั้งความสนุกสนานและความซาบซึ้งใจในความรักของคนในโลกอดีตและคนในโลกปัจจุบัน... ************************************* เพียงสบตาในอุราก็หวั่นไหว เลือดเนื้อกายร้อนรุมดังสุมไข้ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งขัดเขินสะเทิ้นอายใยไพ ใจหนอใจทำไมสั่นไหวเช่นนี้เอย *************************************** ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหมึกจากปลายปากกา ที่ผ่านวันเวลา ไม่นานก็เจือจาง ความรัก... ไม่ใช่นํ้าหอมที่กลิ่นจางหายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ความรัก... ไม่ใช่เสื้อผ้าอาภรณ์หรือข้าวของเครื่องใช้ ที่เก่า แล้วก็เปลี่ยนใหม่ ความรัก... ไม่ใช่อาหารที่กินหลายมื้อก็เบื่อหน่าย ฯลฯ ************************************** ''เธอเป็นใครถึงจะมาสอนสั่งว่าฉันกินอะไรได้หรือกินอะไรไม่ได้ เป็นแม่ครัวก็ควรทำหน้าที่แม่ครัวของเธอ ไม่ต้องมาวิจารณ์คนกิน ไป ไปทำอาหารที่ฉันต้องการมา ต่อไปไม่ต้องเอาผักหญ้าพวกนี้มาให้ฉันกินอีก” อาหารจานหนึ่งถูกโยนแตกเพล้งตรงหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่า...แม่ครัว...สลัดผักธัญพืชและนํ้าสลัดที่วัสสิกาต้องใช้เวลาคำนวณแคลอรี่ว่าต้องมีผักธัญพืชมากน้อยเท่าไรและสรรหาผักสดๆใหม่ๆมาทำอย่างประณีตหกกระจายเกลื่อนอยู่ตรงหน้าเหมือนเศษขยะ ที่วัสสิกาแทบจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความโมโห เพราะเจ้าชายจอมยโสไม่ได้ทำลายแค่อาหารจานสองจานแต่ได้ทำลายความตั้งใจดีของเธอจนหมดสิ้น “ตาหมีอ้วน" วัสสิการ้องว่าในใจ ความโกรธวิ่งจี๊ดขึ้นสมองวัสสิกาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เธอไม่เคยโกรธใครมากมายอย่างนี้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าโกรธทำไม่นักหนา แต่ตอบโต้ออกมาได้เพียงกรีดเสียงอยู่ในความนึกคิด..ตาหมีอ้วน ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้กิน ยังจะมาว่ามาทำแบบนี้อีก...เพราะสิ่งที่เจ้าชายอาทิตยสุเรนทรากระทำ...โยนจานอาหารใส่หน้า...เป็นการทำร้ายจิตใจแบบที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน วัสสิกาหมดความอดทนต่อผู้สูงศักดิ์ จึงโต้กลับทันควัน ฯลฯ ********************************
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"