คนที่ผยองตัวอยู่เสมออย่างนายหัวสิงห์ ไม่เคยยอมให้ใครมากระตุกหนวดได้ง่ายๆ แม้แต่ดอกไม้ช่อเดียว ที่คนบังอาจมาเด็ดให้หลุดจากต้นในอาณาเขตของเขา คนเด็ดก็ต้องชดใช้ด้วยสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตสาว เธอจะต้องคลั่ง เธอจะต้องหิว เธอจะต้องลุ่มหลงในรสสวาทของเขาตลอดเวลา เธอจะต้องเรียกร้อง ครางคร่ำ และอ้อนวอนให้เขาปรนป้อนให้ แต่เขาจะให้ก็ต่อเมื่อ เขามีความปรารถนาเท่านั้น นั่นคือบทลงโทษที่นายหัวสิงห์ตั้งใจจะมอบให้กับเด็กสาวขี้ขโมย เพราะนอกจากเธอจะย่องเข้ามาเด็ดดอกไม้ของเขาไปแล้ว เธอยังมาเด็ดหัวใจของเขาติดมือไปด้วย
“น้องปลายมีพัสดุมาส่ง”
ประโยคนั้นดังขึ้นจากคนดูแลหอพัก ในตอนที่เจ้าของชื่อเดินผ่านหน้าสำนักงานเพื่อจะขึ้นห้องของตัวเอง ทำให้ปลายฝนต้องแวะไปหาคนเรียกอย่างงงๆ
“จากไหนเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ ด้านหน้ากล่องไม่ได้เขียนชื่อไว้”
“แล้วใครมาส่งคะ” ปลายฝนยังซักต่อขณะหลุบตามองกล่องสีแดงผูกโบสีขาว ซึ่งมันไม่น่าใช่พัสดุธรรมดาทั่วไป
“แมสเซนเจอร์น่ะ อาจจะเป็นของขวัญแสดงความยินดีกับการเรียนจบก็ได้นะ ปลายเอาขึ้นไปแกะดูสิ” เจ้าหน้าที่หอพักบอกยิ้มๆ จากนั้นก็นั่งลงทำงานต่อ ทำให้ปลายฝนต้องถือกล่องสีแดงนั้นขึ้นไปยังห้องของตัวเอง
ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนเตียง หลังจากวางกระเป๋าและชี้ตไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ส่วนกล่องสีแดงที่ถือขึ้นมาด้วยถูกวางไว้ข้างๆ ตัว คราแรกเธอว่าจะไม่สนใจ แต่ด้วยความสงสัยว่าใครเป็นคนส่งมา ทำให้ต้องวาดมือไปหยิบกล่องกล่องนั้นมาไว้บนตัก แล้วค่อยๆ แกะอย่างเบามือ เพราะเสียดายกระดาษและริบบิ้นที่คนห่ออุตส่าห์บรรจง
เทปที่ติดเชื่อมกระดาษสีแดงหลุดออกทีละอันๆ เธอเดาว่าคนที่ส่งของขวัญมาให้ น่าจะเป็นอาหรือพี่สาวคนใดคนหนึ่ง เพราะคนที่ใส่ใจเธอทุกรายละเอียดขนาดนี้ ก็คงมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น ตั้งแต่โตเป็นสาวจนตอนนี้อายุยี่สิบสองปีแล้ว เธอยังไม่เคยมีแฟนเลย แม้จะมีคนมาตามจีบหลายคนตั้งแต่เรียนมัธยมปลายกระทั่งเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ผู้ชายในวัยไล่เลี่ยกันเหล่านั้น กลับไม่มีใครทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้สักคน
วันนี้เป็นการสอบวันสุดท้าย ซึ่งก็น่าจะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในระดับปริญญาตรีด้วย โพรเจกต์และการสอบทุกวิชาที่ผ่านมา ปลายฝนมั่นใจว่าตัวเองผ่านหมด และอาของเธอเคยเปรยๆ ว่าหลังจากเรียนจบ อยากให้เธอกลับไปทำงานช่วยที่บ้าน แต่เธอก็ยังไม่พร้อมจะกลับไป ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่บอกใครไม่ได้
เมื่อประหวัดคิดไปถึงเรื่องที่ตัวเองพยายามลืมมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ปลายฝนก็รีบดึงสติตัวเองกลับมา แล้วหันไปสนใจของในกล่องของขวัญซึ่งวางอยู่ตรงหน้า มือบางหยิบฝากล่องเปิดออก เพื่อจะได้รู้เสียทีว่าของที่อยู่ข้างในเป็นอะไร
หัวใจเต้นแรงโลดขึ้น ในทันทีที่เห็นว่า สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องนั้น คือดอกกล้วยไม้ทับแห้ง ที่แม้ว่ามันจะแห้งแล้ว แต่ปลายฝนกลับจำได้แม่นว่ามันคือ ช่อดอกกล้วยไม้ป่าสีขาวแซมม่วงช่อนั้น ช่อที่เธอข้ามเขตลำธารรีสอร์ตไปเก็บมัน แล้วโดนเจ้าของอาณาเขตอีกฝั่งจับได้
‘เธอกำลังทำตัวเป็นเด็กขี้ขโมย’
นั่นคือคำพูดของเจ้าของกล้วยไม้ ก่อนที่เขาจะลงโทษเด็กขี้ขโมยอย่างเธอ ด้วยการประกบปากลงจูบ แต่เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่จูบ เขาทำมากกว่านั้น เขาแตะต้องลูบโลมเธอแทบจะทุกส่วน โดยที่เธอไม่มีสติสัมปชัญญะและไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านเลย เธอยอมเขาอย่างง่ายดาย ยอมถึงขั้นที่แก่นกายแกร่งโชนใหญ่โตรุกลึกเข้ามา แม้จะไม่ได้เข้ามาทั้งหมด ทว่าเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทำแบบนั้นกับความสาวของเธอ และหากว่าอาของเธอไม่มาตามเสียก่อน การล่วงล้ำของเขามันคงจะไม่หยุดอยู่แค่ครึ่งๆ กลางๆ อย่างนั้นแน่
ความลับเรื่องนี้ถูกเก็บงำมาตลอดหนึ่งปี เธอไม่เคยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง แม้แต่พี่สาวที่สนิทกันมากอย่างปอไหมก็ไม่เคยปริปากเล่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นเธอหนีกลับมากรุงเทพฯ ทันที และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็อยู่กับความหวาดระแวงมาตลอด
ผู้ชายคนนั้นเคยมาดักรอที่หน้าหอพักสองสามครั้ง โชคดีที่เธอเห็นก่อนจึงหนีได้ทัน เธอไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนที่พรากความสาวไปจากเธอแล้ว เขายังเป็นศัตรูของอา เธอไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับผู้ชายต้องห้ามแบบนั้น อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าเขามีเมียหรือยัง ถ้ามีแล้ว นั่นเท่ากับว่าเธอเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม
กริ๊งงง…
ร่างบางสะดุ้งเบาๆ แต่ก็ขอบคุณที่เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้ตัวเองหลุดออกมาจากภวังค์ที่กำลังว้าวุ่นได้
“ว่าไงพี่ปอ” ปลายฝนพยายามทำเสียงร่าเริง หลังจากกดรับสายจากพี่สาว
“สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย”
“เสร็จแล้ว วันนี้วันสุดท้ายเลย ว่าแต่พี่ปอถามทำไม จะส่งของขวัญมาแสดงความยินดีกับน้องเหรอ” เสียงหวานใสเอ่ยสัพยอก พร้อมกับชำเลืองมองดอกกล้วยไม้ทับแห้งอย่างเป็นอัตโนมัติ ก่อนจะรีบเบนสายตาหนี เพราะกลัวว่าดอกไม้ช่อนั้นจะทำให้ตัวเองวอกแวกอีก
“เอาไว้ประกาศผลสอบก่อนสิ ถ้าผ่านพี่ถึงจะให้ของขวัญ”
“ผ่านอยู่แล้ว รุ่นนี้แล้ว”
คำพูดซุกซนแกมขี้เล่นของน้องสาว ทำให้คนปลายสายยิ้มออกมาอย่างสบายใจ ปอไหมรู้ดีว่าแม้น้องสาวจะไม่ใช่คนที่เรียนเก่งมาก แต่ก็มีความรับผิดชอบกับเรื่องการเรียนดีพอ
“งั้นเอาไว้กลับบ้านแล้วจะซื้อให้ ไปเลือกเองเลยจะได้ถูกใจ”
“ว้า แบบนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“จะอยากเซอร์ไพรส์อะไรนักหนาหือ ไม่ใช่เด็กแล้วนะเรา เรียนก็จบแล้ว อีกไม่กี่ปีก็น่าจะได้แต่งงาน”
“แต่งกับใครพี่ปอ ขนาดแฟนปลายยังไม่มีเลย”
“ก็ดูอย่างพี่สิ เคยมีแฟนที่ไหน มาทีเดียวก็มีผัวเลย” ปอไหมใช้คำตรงๆ กับน้องสาวเพราะสนิทสนมกันมาก การแต่งงานมีครอบครัวทำให้มุมมองชีวิตของปอไหมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากพอสมควร
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป