โยษิตาเผลอตะโกนเรียกชื่อเด็กหญิงวัยสิบขวบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีฟ้าหม่น เด็กน้อยจอมยุ่งกระโดดลงจากเก้าอี้เข้ามาสวมกอดญาติผู้พี่อย่างคิดถึง เจ้าหน้าที่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนเรียกโยษิตาไปตักเตือนที่ปล่อยให้เด็กหญิงวัยสิบขวบเดินทางมาคนเดียวเพียงลำพัง โดยการแอบซ่อนตัวในห้องน้ำของรถไฟตั้งแต่ลำปางจนมาถึงหัวลำโพง
“ค่ะ…ค่ะ…จะไม่ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
ข้าวซอยเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวที่ดำเป็นเหนี่ยง ช่างผิดกับคำพูดที่ว่าสาวเหนือจะผิวขาวสวย เมื่อเคลียร์ปัญหากับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยโยษิตาก็ได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องโครกครากจนเจ้าน้องสาวตัวแสบหัวเราะ
“พี่ตาเลี้ยงอะไรไว้ในท้องเหรอคะ”
“สัตว์ประหลาดมั้ง!”
หญิงสาวหันไปแยกเขี้ยวใส่ แต่ดูเหมือนเด็กจอมซนจะไร้ความกลัวเกรง ก็นั่นซินะ! ถ้าขี้ขลาดคงไม่กล้าหนีออกจากบ้านมาถึงนี่ได้ โยษิตาได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินจูงมือหลานเข้าไปหาอะไรกินนอกสถานีรถไฟ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอกำลังช่วยคุณยายละเอียดกวาดหยากไย่ตามมุมบ้าน จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟ ให้มารับเด็กหญิงข้าวซอยที่แอบขึ้นรถไฟมากรุงเทพฯเพียงลำพัง เธอต้องตาลีตาเหลือกออกจากบ้านมาทั้งสภาพมอมแมมแบบนี้เพราะความเป็นห่วงน้องสาวตัวซน แต่พอมาเห็นแววทโมนเหมือนลูกลิงน้อยและวีรกรรมที่สร้างขึ้นเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ
“พี่ตาโกรธหนูหรือจ๊ะ” ข้าวซอยถามเบาๆ แววตาสำนึกผิด
“ไม่ได้โกรธแต่พี่ตาเป็นห่วง” โยษิตาใจอ่อนกับแววตาคู่นี้เสมอ เธอมองดูจานข้าวหมูแดงที่ว่างเปล่า เมื่อสัตว์ประหลาดในท้องไม่ส่งเสียงรบกวน เธอก็จ่ายเงินค่าอาหาร
“เรารีบกลับบ้านกันเถอะป่านนี้คุณยายคงรอแย่แล้ว”
“คุณยายจะโกรธหนูไหมคะพี่ตา” แววตาของเด็กหญิงวัยสิบขวบที่ดูเศร้าหม่นกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
‘แววตาแบบนี้ใครจะโกรธได้ลงนะ’
หญิงสาวผ่อนลมหายใจเบาๆ แค่เห็นว่าน้องสาวตัวน้อยไม่มีร่องรอยบุบสลายตรงไหนก็โล่งใจแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวของ ‘ป้าอำภา’ ผู้เป็นพี่สาวของมารดาเธอหนีออกจากบ้าน กี่ครั้งกี่คราแล้วเธอก็ลืมนับมันไปแล้ว ข้าวซอยสะพายเป้สีชมพูขะมุกขะมอมเดินตามโยษิตาขึ้นรถแท็กซี่ ระหว่างทางเด็กน้อยมองทิวทัศน์รอบกายอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มีแววสำนึกผิดเหลืออยู่เลย จนโยษิตาชักไม่แน่ใจว่า แววตาเศร้าๆ เมื่อครู่ของแท้หรือเทียม!
เพียงทั้งคู่ก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่ หญิงชราวัยหกสิบเจ็ดแทบจะถลาอ้าแขนรับขวัญหลานตัวน้อย บ้านไม้สองชั้นหลังเล็กอยู่เกือบท้ายซอยชุมชนสวนขวัญ ก็มีสมาชิกเพิ่มเป็นเด็กหญิงที่แสนจะกล้าหาญหนีออกจากบ้านขึ้นรถไฟมาคนเดียวจากลำปางจนถึงหัวลำโพงได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่รถไฟที่ต้องโทรศัพท์มาหา ‘โยษิตา’ พี่สาวของเด็กหญิงวัยสิบขวบให้มารับตัวหนูน้อยเจ้าปัญหา
หญิงสาวรู้สึกเกียจคร้านเกินกว่าจะหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดบ้านต่อ ไม่รู้ว่าเป็นลางบอกเหตุหรืออย่างไรที่จู่ๆ คุณยายก็นึกอยากทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ พอดีวันนี้เธอไม่ต้องไปทำงานพิเศษจึงได้อยู่ช่วยกวาดหยากไย่แต่ยังไม่ทันเสร็จดีบ้านหลังน้อยก็ได้ต้อนรับสมาชิกเพิ่ม
‘เด็กหญิงข้าวซอย’ กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวต้มผัดฝีมือคุณยายละเอียด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็กินข้าวหมูแดงจานโตไปแล้ว โยษิตาเดินเลี่ยงเข้ามาโทรศัพท์ในบ้านต่อสายหาแม่ของข้าวซอย นานหลายนาทีกว่าจะมีคนรับสาย
“คุณป้าอำภาหรือคะ”
“เออ บ้านนี่ก็มีแต่ฉันนี่แหละ จะมาขายอะไร ประกันไม่ทำหรอกนะ ฉันไม่ยอมให้พวกแกเอาเงินฉันไปหมุนออกดอกกินสบายๆ หรอก”
“เอ่อ...คุณป้าคะ หนูตาเองค่ะ โยษิตา”
“อ้าว! ยัยตาเหรอ แม่เป็นไร ตอนนี้ฉันไม่มีเงินหรอกนะ”
โยษิตาอยากจะกรี๊ดใส่หูโทรศัพท์หรือไม่ก็ขว้างใส่ข้างฝาบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไม่มีสักประโยคที่จะถามหาลูกสาวตัวเองเลยหรือว่าป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าข้าวซอยหายออกจากบ้านไป