ทิฐิที่มีทำให้สองหัวใจเดินทางสวนกันทั้งที่พร่ำเพรียกอย่างโหยหา แต่เมื่อรู้ตัวเขาก็ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจว่าหากครั้งนี้เขาปล่อยมือคู่นี้ไปหัวใจเขาคงต้องหยุดเต้นเป็นแน่. ‘เอานะ... คุณคิดชั่วโมงเท่าไหร่ละ’ ‘บ้า!ทะลึ่ง!ลามก! อย่าเอาความคิดสกปรกมาตีราคาฉันนะ’ ‘เอ้ย! คุณนั้นแหละคิดอกุศล ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะจ่ายค่าลวงเวลาให้’ โยษิตา หญิงสาววัยยี่สิบสองปีบัณฑิตหมาดๆ ที่ตระเวนหางานทำจนรองเท้าแทบสึก ทว่าระหว่างที่ทำงานพิเศษเป็นพนักงานกรอกแบบสอบถาม ทำให้เธอได้พบกับ ฟีรูซ เรกิวลุส หนุ่มสุดฮอตเจ้าของใบหน้าคมเข้ม โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาคือนานแบบหนุ่มสุดฮอตที่แสนจะเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจตัวเอง ในชีวิตของฟีรูซ เรกิวลุส ชายหนุ่มที่ใครต่อใครอิจฉา แต่ชีวิตครอบครัวที่แท้จริงกลับเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เขามีพี่ชายต่างมารดา “ฮาคีม” ที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างจนถูกจับเปรียบเทียบเสมอ แม้กระทั่งกับสิริมา-พี่สาวที่เกิดจากแม่ที่เป็นคนรับใช้ทำให้แม่ของเขาปวดใจไม่น้อย ฟีรูซถูกเลี้ยงด้วยความตามใจจากผู้เป็นแม่แท้ๆ แต่ความรักที่มากล้นนั้นทำให้เขาอึดอัดและกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์อย่างไม่รู้ตัว แล้วชีวิตเรื่อยเปื่อยของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเจอกับหญิงสาวดวงตากลมโตอย่างโยษิตา ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นกลับผูกพันหัวใจสองดวงไว้อย่างไม่รู้ตัว แต่กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเรียกว่า “ความรัก” พวกเขาก็เกือบจะสูญเสียมันไปตลอดกาล.
แท็กซี่ยังไม่ทันจอดเทียบฟุตปาธหน้าสถานีหัวลำโพงได้สนิทดีนัก ร่างของหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบสองปี ถลาออกจากรถทันทีโดยไม่รอรับเงินถอนจากคนขับรถ เธอวิ่งฝ่าฝูงชนมากมายที่ล้วนต่างที่มาและต่างจุดหมาย เธอเดินเร็วๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งไปถึงห้องพิเศษที่มีเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟโทรศัพท์ติดต่อเธอไว้เมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“พี่ตามาแล้ว!”
“ข้าวซอย!”
โยษิตาเผลอตะโกนเรียกชื่อเด็กหญิงวัยสิบขวบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีฟ้าหม่น เด็กน้อยจอมยุ่งกระโดดลงจากเก้าอี้เข้ามาสวมกอดญาติผู้พี่อย่างคิดถึง เจ้าหน้าที่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนเรียกโยษิตาไปตักเตือนที่ปล่อยให้เด็กหญิงวัยสิบขวบเดินทางมาคนเดียวเพียงลำพัง โดยการแอบซ่อนตัวในห้องน้ำของรถไฟตั้งแต่ลำปางจนมาถึงหัวลำโพง
“ค่ะ…ค่ะ…จะไม่ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
ข้าวซอยเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวที่ดำเป็นเหนี่ยง ช่างผิดกับคำพูดที่ว่าสาวเหนือจะผิวขาวสวย เมื่อเคลียร์ปัญหากับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยโยษิตาก็ได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องโครกครากจนเจ้าน้องสาวตัวแสบหัวเราะ
“พี่ตาเลี้ยงอะไรไว้ในท้องเหรอคะ”
“สัตว์ประหลาดมั้ง!”
หญิงสาวหันไปแยกเขี้ยวใส่ แต่ดูเหมือนเด็กจอมซนจะไร้ความกลัวเกรง ก็นั่นซินะ! ถ้าขี้ขลาดคงไม่กล้าหนีออกจากบ้านมาถึงนี่ได้ โยษิตาได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินจูงมือหลานเข้าไปหาอะไรกินนอกสถานีรถไฟ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอกำลังช่วยคุณยายละเอียดกวาดหยากไย่ตามมุมบ้าน จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟ ให้มารับเด็กหญิงข้าวซอยที่แอบขึ้นรถไฟมากรุงเทพฯเพียงลำพัง เธอต้องตาลีตาเหลือกออกจากบ้านมาทั้งสภาพมอมแมมแบบนี้เพราะความเป็นห่วงน้องสาวตัวซน แต่พอมาเห็นแววทโมนเหมือนลูกลิงน้อยและวีรกรรมที่สร้างขึ้นเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ
“พี่ตาโกรธหนูหรือจ๊ะ” ข้าวซอยถามเบาๆ แววตาสำนึกผิด
“ไม่ได้โกรธแต่พี่ตาเป็นห่วง” โยษิตาใจอ่อนกับแววตาคู่นี้เสมอ เธอมองดูจานข้าวหมูแดงที่ว่างเปล่า เมื่อสัตว์ประหลาดในท้องไม่ส่งเสียงรบกวน เธอก็จ่ายเงินค่าอาหาร
“เรารีบกลับบ้านกันเถอะป่านนี้คุณยายคงรอแย่แล้ว”
“คุณยายจะโกรธหนูไหมคะพี่ตา” แววตาของเด็กหญิงวัยสิบขวบที่ดูเศร้าหม่นกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
‘แววตาแบบนี้ใครจะโกรธได้ลงนะ’
หญิงสาวผ่อนลมหายใจเบาๆ แค่เห็นว่าน้องสาวตัวน้อยไม่มีร่องรอยบุบสลายตรงไหนก็โล่งใจแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวของ ‘ป้าอำภา’ ผู้เป็นพี่สาวของมารดาเธอหนีออกจากบ้าน กี่ครั้งกี่คราแล้วเธอก็ลืมนับมันไปแล้ว ข้าวซอยสะพายเป้สีชมพูขะมุกขะมอมเดินตามโยษิตาขึ้นรถแท็กซี่ ระหว่างทางเด็กน้อยมองทิวทัศน์รอบกายอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มีแววสำนึกผิดเหลืออยู่เลย จนโยษิตาชักไม่แน่ใจว่า แววตาเศร้าๆ เมื่อครู่ของแท้หรือเทียม!
เพียงทั้งคู่ก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่ หญิงชราวัยหกสิบเจ็ดแทบจะถลาอ้าแขนรับขวัญหลานตัวน้อย บ้านไม้สองชั้นหลังเล็กอยู่เกือบท้ายซอยชุมชนสวนขวัญ ก็มีสมาชิกเพิ่มเป็นเด็กหญิงที่แสนจะกล้าหาญหนีออกจากบ้านขึ้นรถไฟมาคนเดียวจากลำปางจนถึงหัวลำโพงได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่รถไฟที่ต้องโทรศัพท์มาหา ‘โยษิตา’ พี่สาวของเด็กหญิงวัยสิบขวบให้มารับตัวหนูน้อยเจ้าปัญหา
หญิงสาวรู้สึกเกียจคร้านเกินกว่าจะหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดบ้านต่อ ไม่รู้ว่าเป็นลางบอกเหตุหรืออย่างไรที่จู่ๆ คุณยายก็นึกอยากทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ พอดีวันนี้เธอไม่ต้องไปทำงานพิเศษจึงได้อยู่ช่วยกวาดหยากไย่แต่ยังไม่ทันเสร็จดีบ้านหลังน้อยก็ได้ต้อนรับสมาชิกเพิ่ม
‘เด็กหญิงข้าวซอย’ กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวต้มผัดฝีมือคุณยายละเอียด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็กินข้าวหมูแดงจานโตไปแล้ว โยษิตาเดินเลี่ยงเข้ามาโทรศัพท์ในบ้านต่อสายหาแม่ของข้าวซอย นานหลายนาทีกว่าจะมีคนรับสาย
“คุณป้าอำภาหรือคะ”
“เออ บ้านนี่ก็มีแต่ฉันนี่แหละ จะมาขายอะไร ประกันไม่ทำหรอกนะ ฉันไม่ยอมให้พวกแกเอาเงินฉันไปหมุนออกดอกกินสบายๆ หรอก”
“เอ่อ...คุณป้าคะ หนูตาเองค่ะ โยษิตา”
“อ้าว! ยัยตาเหรอ แม่เป็นไร ตอนนี้ฉันไม่มีเงินหรอกนะ”
โยษิตาอยากจะกรี๊ดใส่หูโทรศัพท์หรือไม่ก็ขว้างใส่ข้างฝาบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไม่มีสักประโยคที่จะถามหาลูกสาวตัวเองเลยหรือว่าป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าข้าวซอยหายออกจากบ้านไป
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"