รักแรกอยากลืม แต่ช่างยากลืม หัวใจของตระการตาจะเข้มแข็งแค่ไหน เมื่อคนเคยรักที่เคยทำให้ทั้งเจ็บทั้งอายกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ................................................................................................................. “ปล่อยนะพี่ปีย์ มามัดมือตวงทำไม” ตระการตาต่อว่าเสียงหอบๆ ใจเต้นแรงระทึก เธอไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือเธอไม่ได้นึกกลัว เพียงแต่ตื่นเต้นแปลกๆ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นเอง “ทำไมเหรอตวง ไม่ดีเหรอ พิเศษดีออก แบบนี้ไม่เหมือนใครดี เอากันแบบซาดิสม์ๆ ไงล่ะ” ตอบพลางจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก จนเหลือแต่ร่างใหญ่เปลือยเปล่าที่น่ามองไปทุกสัดส่วน เล่นเอาหัวใจของตระการตาเต้นแรงโลด จนแทบทะลุออกมานอกออก กระนั้นเธอก็ยังมีแต่ใจจะโต้เถียงกับเขาอยู่ “แต่ตวงไม่อยากได้ความพิเศษแบบนี้ พี่ปีย์เก็บไว้ทำกับคนอื่นเถอะ” “คนอื่นก็ทำแบบอื่น แต่กับตวงพี่จะทำแบบนี้” “คนเถื่อน ไอ้คนโรคจิต ไอ้พี่ปีย์บ้า” “นั่นแหละ จำไว้ให้ดีก็แล้วกัน ว่าครั้งหนึ่งตวงเคยเอากับไอ้โรคจิต”
‘วาเลนไทน์ปีนี้ แกจะเอาดอกไม้ไปให้ใคร หรือรอกุหลาบจากใคร’
นั่นเป็นคำถามของเพื่อนๆ ในกลุ่ม ที่ทำให้หัวใจของสาวน้อยวัยสิบห้าว้าวุ่นอยู่ในตอนนี้ พรุ่งนี้จะเป็นวันแห่งความรัก หรือใครๆ มักเรียกว่าวันวาเลนไทน์ เธอไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นๆ หรือในสังคมอื่นๆ ความสำคัญของวาเลนไทน์มันมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับสังคมของโรงเรียนมัธยมที่เธอเรียนอยู่ วันวาเลนไทน์มันเป็นวันที่สำคัญมากวันหนึ่งในทุกๆ ปี โดยเฉพาะกับกลุ่มนักเรียนหญิง
ตากลมโตคู่สวยตวัดมองกุหลาบสีแดงดอกใหญ่ที่เสียบอยู่ในแจกัน พร้อมกับครุ่นคิดถึงบทสนทนาระหว่างตนกับเพื่อนๆ ต่อ
‘ว่าไงยัยตวง หรือว่าแกยังไม่มีคนที่แกชอบ’ หทัยชนกถามย้ำ เมื่อเห็นว่าตระการตายังไม่ตอบคำถามของตน ทำให้คนถูกถามรีบตอบอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะตอนนี้สายตาของเพื่อนๆ ทั้งกลุ่มต่างจ้องมองมาที่ตนคนเดียว
‘ทำไมจะไม่มี ก็พี่ปีย์ไง’
'พี่ปีย์ม.หก คนหล่อๆ แถมเรียนเก่งที่สุดในรุ่น และอยู่กลุ่มเดียวกับพี่เตพี่ชายแกน่ะนะ’ หทัยชนกถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ และไม่ใช่เฉพาะทหัยชนกคนเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ทำหน้าฉงนด้วยเหมือนกัน
'อื้อ...บ้านเราอยู่ใกล้กันไง เราชอบพี่ปีย์และเราว่าพี่ปีย์ก็ชอบเรา'
'ไม่มั้งตวง พี่ปีย์เป็นศูนย์รวมความเพอร์เฟกต์เลยนะเว้ย หล่อก็หล่อ กิจกรรมก็เริด เรียนก็เก่ง แถมฮอตสุดในโรงเรียน ตั้งแต่เรามาเรียนที่นี่นะ เรายังไม่เคยเห็นพี่ปีย์ให้หรือรับดอกไม้จากผู้หญิงคนไหนเลย อีกอย่างพี่ปีย์ก็เป็นคู่จิ้นกับพี่แอนดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนอยู่ เขาจะชอบแกได้ยังไง แกโม้หรือไม่งั้นก็มโนไปเองแน่ๆ' คราวนี้คนที่ตั้งข้อสงสัยไม่ใช่หทัยชนก แต่เป็นพิชามนซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกคน
'เราไม่ได้โม้ ไม่ได้มโนนะเว้ย เราสนิทกับพี่ปีย์จริงๆ' ตระการตายืนยันหนักแน่น เพราะเธอกับอชิระสนิทกันจริงๆ แม้ว่าตอนอยู่โรงเรียนเขาจะเก๊กไปบ้าง และไม่เคยแสดงออกต่อหน้าใครว่าเขากับเธอสนิทสนมกันแค่ไหนก็ตาม
'สนิทกับชอบมันคนละอย่างกันนะเว้ยตวง แกอย่าตีความหมายผิด เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้พี่ปีย์ให้หรือรับดอกไม้จากแก พวกเราจะเชื่อว่าแกกับพี่ปีย์ชอบกันจริงๆ แต่ถ้าพี่ปีย์ไม่ให้หรือไม่รับนั่นแสดงว่าแกโม้ แกมโนไปเองเหมือนที่หลายๆ คนเป็นกัน ซึ่งแกก็น่าจะรู้นะเว้ยตวงว่ากลุ่มเราไม่ชอบคนแบบนั้น'
'พรุ่งนี้พวกแกคอยดูก็แล้วกัน'
บทสนทนาเหล่านั้นยังตามมารบกวนจิตใจ ทำให้ตระการตาพลิกตัวไปมาจนตัวเลขบนนาฬิกาบอกว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว
สาวน้อยบอกตัวเองให้หลับซะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปบอกพี่ปีย์แต่เช้าก็แล้วกัน ว่าให้รับดอกไม้ของเธอหน่อย ไม่อย่างนั้นเธออาจจะขายหน้าเพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม
แต่...เพราะการนอนดึกเกินปกติธรรมดา ทำให้เช้านี้ตระการตาต้องวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากชั้นบน ผ่านหน้าพ่อ แม่ พี่ชาย และบรรดาสาวใช้ที่อยู่ในห้องรับประทานอาหาร ทุกคนต่างมองดูปฏิกิริยาของเธอด้วยความงุนงง ทว่าสาวน้อยไม่มีเวลาสนใจใคร นอกจากตรงดิ่งไปยังบ้านของอชิระที่อยู่ติดกัน โดยใช้ทางเชื่อมที่อยู่ตรงกำแพงระหว่างบ้านสองหลัง และลุ้นสุดชีวิตว่าขอให้พี่ปีย์ยังไม่ไปโรงเรียน
“มีอะไรหรือเปล่าหนูตวง วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว” วรรณรีเองก็งงเช่นกันที่จู่ๆ สาวน้อยข้างบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมาบ้านตนแต่เช้า
“พี่ปีย์อยู่ไหนคะน้าวรรณ ตวงมาหาพี่ปีย์ค่ะ” เสียงหวานใสสมวัยถามปนหอบ พลางสอดส่ายสายตาหาคนที่ตัวเองกำลังถามถึง
“ปีย์กับหนูดีไปโรงเรียนแล้วจ้ะ ไปกับรถรับส่งตั้งแต่หกโมง”
“เหรอคะ” สีหน้าของตระการตาเจื่อนลงทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองมาไม่ทัน ใช่สินะเธอลืมไปว่า อชิระและอนุรดีไปโรงเรียนด้วยรถรับส่ง ทำให้ต้องไปแต่เช้าตรู่ทุกวัน ในขณะที่เธอกับพี่ชายไปสายได้ เพราะมีคนขับรถส่วนตัวคอยไปรับไปส่งเหมือนกับลูกเศรษฐีบ้านอื่นๆ ซึ่งมันเป็นวิถีชีวิตที่ต่างกันมากพอสมควรระหว่างบ้านสองหลังที่อยู่ติดกัน
“หนูมีธุระอะไรกับพี่เค้าหรือเปล่า”
“มีนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวตวงไปคุยกับพี่ปีย์ที่โรงเรียนก็ได้ ตวงไปก่อนนะคะน้าวรรณ ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้าค่ะ”
ตระการตายกมือเรียวเล็กขึ้นไหว้วรรณรี ก่อนจะกลับบ้าน ขึ้นชั้นบน แล้วหยิบกุหลาบใส่กระเป๋า นั่งรถหรูไปโรงเรียนกับพี่ชายเหมือนเช่นทุกวัน ต่างกันก็แค่วันนี้เธอเงียบผิดปกติจนคนเป็นพี่อย่างเตชินท์อดสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าตวง ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ”
“เปล่านี่พี่เต ตวงก็ปกติดี”
“แน่ใจ”
“อื้อ...แน่ดิ ตวงมีอะไรผิดปกติเหรอ” ตระการตาถามประสาซื่อแบบคนไม่รู้ตัว ไม่ได้เป็นการกลบเกลื่อนหรือจงใจจะยอกย้อนพี่ชายแต่อย่างใด
“แล้ววิ่งไปทำอะไรที่บ้านโน้นแต่เช้า แถมพอขึ้นรถมาก็นั่งเงียบเป็นเป่าสากอีก ปกติเรานั่งเงียบแบบนี้เหรอ”
“ก็วันนี้ไม่มีอะไรจะพูดนี่”
“เรายังไม่ได้ตอบคำถามพี่ ว่าวิ่งไปทำอะไรที่บ้านน้าวรรณแต่เช้า” คราวนี้เตชินท์ถามจี้เมื่อน้องสาวไม่ยอมตอบคำถาม
“มีธุระนิดหน่อย”
“ธุระ? ธุระอะไร แล้วธุระที่ว่านี่เป็นธุระกับหนูดีหรือกับไอ้ปีย์”
“กับพี่ปีย์”
“เกี่ยวกับดอกกุหลาบของเราหรือเปล่า” เตชินท์เลิกคิ้วเข้มพลางจ้องหน้าน้องสาวตรงๆ ขณะรอคำตอบ ทำให้ตระการตาต้องเมินหน้าหนี
“ไม่ใช่ซะหน่อย ตวงก็แค่จะให้พี่ปีย์สอนการบ้าน” สาวน้อยโกหกพี่ชายเพราะยังไม่กล้าจะยอมรับตรงๆ ว่าตัวเองแอบชอบอชิระ ซึ่งต่างกับเวลาอยู่กับเพื่อนโดยสิ้นเชิง
“ทำไมไม่ให้พี่สอน”
“พี่เตเรียนเก่งสู้พี่ปีย์ที่ไหนเล่า”
“โอเค พี่อาจจะเรียนเก่งไม่สู้ไอ้ปีย์ แต่พี่หล่อกว่ามันก็แล้วกัน”
“แน่ใจ?”
คำพูดที่เหมือนจะฟังดูหลงตัวเองของพี่ชาย ทำให้ตระการตาอดที่จะย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ มันก็จริงอยู่หรอกที่ว่าพี่เตหล่อมาก แต่สำหรับตระการตาแล้ว ความหล่อของพี่เตมันไม่มากไปกว่าความหล่อของพี่ปีย์เลย
“แน่สิ หรือว่าเราจะเถียง”
“ตวงเถียงไปก็เท่านั้น ยังไงพี่เตก็คิดว่าตัวเองหล่อกว่าพี่ปีย์อยู่ดี”
“ก็มันเรื่องจริงป่ะ”
“เอาที่สบายใจ”
พูดแค่นั้นตระการตาก็เลือกที่จะนั่งเงียบๆ และไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพี่ชายอีก ซึ่งเตชินท์เองก็หัวเราะและเลิกตอแยน้องสาวด้วย
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี