เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
ณ ห้องจัดเตรียมงานแต่งงานของโรงแรม
เย่ชิงซีในชุดแต่งงานสีขาว แต่งหน้าอย่างงดงาม กำลังนั่งอ่านเอกสารยินยอมการทำกิ๊ฟท์ และสัญการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ ซึ่งการทำกิ๊ฟจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
และเจ้าของเชื้ออสุจิก็คือลูกชายคนโตของตระกูลเสิ่น เสิ่นเซียวเหยา ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวในงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษนี้
แต่น่าเสียดายที่เจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน และกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เลยไม่สามารถมาร่วมงานแต่งได้
“คุณเย่ ถ้าอ่านเสร็จแล้วกรุณาลงชื่อเร็ว ๆ ด้วยครับ นายท่านกำลังรออยู่” ทนายจางจ้องมองเย่ชิงซีด้วยสีหน้าจริงจัง และนำเสียงก็แฝงไปด้วยการเร่งเร้า
ผู้คนพากันลือว่า เสิ่นเซียวเหยาเป็นเหมือนตะเกียงที่ใกล้จะหมดน้ำมัน จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลมหาเศรษฐีเก่าแก่ ให้ความสำคัญกับทายาทที่จะมาสืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเสิ่นชางป๋อถึงต้องรีบร้อนไปขอเจ้าสาวให้กับลูกชาย เพื่อจะได้นำเชื้ออสุจิที่เก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว มาทำทายาทให้กับเสิ่นเซียวเหยาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
สีหน้าของเย่ชิงซีดเผือก ใบหน้าเล็ก ๆ ดูตึงเครียด มีความตื่นตระหนกแฝงอยู่ในดวงตามใส ๆ ที่ยากจะสังเกต
“ขอโทษค่ะ ฉันต้องอ่านเอกสารยินยอมนี้อย่างละเอียดก่อนค่ะ คุณออกไปก่อนได้ไหมคะ”
ทนายจางนิ่งเงียบไปหลายวินาที จากนั้นก็พยักหน้า และออกไปจากห้องจัดเตรียมการแต่งงาน
เย่ชิงซีรอให้เขาออกไปเเล้ว ก็รีบวางสัญญาข้อตกลงในมือลง และโทรหาแฟนหนุ่มของเธอด้วยความตื่นตระหนก
ใช่ เธอมีแฟนแล้ว แต่ไม่มีใครรู้
ที่บังเอิญก็คือ เสิ่นเจ๋อ แฟนของเธอคนนี้เป็นคุณชายรองของตระกูลเสิ่น น้องชายต่างมารดาของเสิ่นเซียวเหยา
และจริง ๆ แล้ว งานแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นแผนร้ายของเสิ่นเจ๋อ
หนึ่งเดือนก่อน พ่อของเย่ชิงซีล้มป่วยจนเสียชีวิต หลินเซี่ยะ แม่เลี้ยงของเธอถือโอกาสนี้ยึดครองทรัพย์สินของตระกูล และขับไล่เย่ชิงซีออกจากบ้าน ถึงขนาดยึดทรัพย์สินของแม่ผู้ให้กำเนิดเธอไปด้วย
เย่ชิงซีถูกบีบจนหมดหนทาง และบังเอิญเสิ่นเจ๋อแฟนหนุ่มของเธอก็มาหาเธอตอนนั้นพอดี เขาเสนอให้เย่ชิงซีแต่งงานหลอก ๆ กับเสิ่นเซียวเหยา เพื่อที่จะได้หาโอกาสทำลายการทำกิ๊ฟท์ แบบนี้เมื่อเสิ่นเซียวเหยาตายไป เสิ่นเจ๋อก็จะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเสิ่น
เสิ่นเจ๋อสัญญาว่า หลังจากทำสำเร็จจะแต่งงานกับเย่ชิงซี และจะช่วยเธอทวงทรัพย์สินของแม่เธอกลับคืนมา
ด้วยการรบเร้าอย่างไม่ลดละของเสิ่นเจ๋อ เย่ชิงซีก็ใจอ่อนตอบตกลง แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ เธอก็รู้สึกเสียใจ เธอพบว่าตัวเธอไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้
เมื่อโทรไปไม่ติด เย่ชิงซีก็กระวนกระวายใจขึ้นมา เธอเดินไปเดินมาในห้อง สุดท้ายก็แอบออกไปตามหาเสิ่นเจ๋อ
เย่ชิงซีร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่าจะมีคนอื่นพบเข้า แม้แต่ลิฟต์ก็ไม่กล้าขึ้น เธอจึงตัดสินใจถอดรองเท้าส้นสูง แล้วเดินลงบันไดไป
เมื่อเดินผ่านห้องรับรองที่อยู่ในสุดของทางเดิน ฝีเท้าของเย่ชิงซีก็หยุดชะงักทันที
ประตูห้องรับรองไม่ได้ปิดสนิท มีเสียงหัวเราะออดอ้อนที่คุ้นเคยดังออกมาจากช่องว่างของประตู
“เสิ่นเจ๋อ อยู่กับฉันอีกหน่อยนะ ยังไงตอนนี้เย่ชิงซีก็ไม่มีเวลามาหาคุณหรอก”
เย่ชิงซีรู้สึกจุกอกขึ้นมาทันที เธอเดินย่องเบา ๆ เข้ามาใกล้ ๆ และมองผ่านช่องว่างระหว่างประตูเข้าไปข้างใน
เห็นเพียงชายหญิงคู่หนึ่งเสื้อผ้ายับยู่ยี่ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่กันบนโซฟา และผู้หญิงที่นอนอยู่ด้านบนก็คือเย่หว่านหว่าน น้องสาวที่เป็นลูกติดของเเม่เลี้ยงเธอ และผู้ชายที่อยู่ด้านล่างของเธอก็คือ เสิ่นเจ๋อ แฟนหนุ่มที่เย่ชิงซีกำลังตามหา
“ผมกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ หนีการแต่งงาน ไม่จับตาดูไว้ ก็วางใจไม่ได้” น้ำเสียงของเสิ่นเจ๋อค่อนข้างหงุดหงิด เขาผลักเย่หว่านหว่านออกไป เพื่อจะลุกขึ้น
เย่หว่านหว่านกลับไม่ยอม เธอก้มหน้าลงจูบเสิ่นเจ๋ออย่างเร่าร้อน “ไม่หรอกน่ะ นังนั่นมันฟังคุณมาแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างสมบัติของแม่มัน ก็ยังอยู่ในมือของเรา มันจะกล้าได้ยังไง”
“ก็ใช่” เมื่อเสิ่นเจ๋อได้ยินอย่างนั้นก็คลายความกังวลลง แล้วกลับไปนอนลงอีกครั้ง มือก็ล้วงเข้าไปในชายเสื้อผ้าของเย่หว่านหว่าน “พอเย่ซานตาย มันก็ไม่มีที่พึ่ง มันไม่มีทางเลือก...”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแอบใส่อะไรลงไปในยาของเย่ซานเพื่อให้มันตายเร็วขึ้น เรื่องก็คงจะไม่ราบรื่นแบบนี้” เย่หว่านหว่านส่งเสียงครางออกมาตามการเคลื่อนไหวของมือเสิ่นเจ๋อ และร่างกายของเธอก็อ่อนระทวยลงในอ้อมแขนของเสิ่นเจ๋อ เธอหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า “พี่สาวหน้าโง่ของฉันยังเฝ้ารอคุณไปขอมันแต่งงานอยู่เลย ต่อให้มันคิดยังไงก็คงจะคิดไม่ถึงว่าคุณเป็นคนทำร้ายพ่อที่มันรักมากที่สุด คุณนี่มันเลวจริง ๆ ”
“คุณก็ชอบที่ผมเลวไม่ใช่เหรอ...” เสิ่นเจ๋อพลิกตัวและกดเย่หว่านหว่านให้อยู่ใต้ร่าง และจูบอย่างอดรนทนไม่ไหว “ไม่ต้องห่วงน่ะ ใครจะไปแต่งงานกับผู้หญิงที่มีตำหนิ ผ่านการแต่งานมาแล้วล่ะ ผมต้องการแค่คุณเท่านั้น…”
ฉากต่อไปยิ่งไม่น่ามองมากขึ้น เหลือเพียงเสียงลมหายใจเร่าร้อนแผ่ซ่านอยู่ในห้อง
เย่ชิงซีพยุงร่างกายไว้ไม่ไหว เซไปด้านหลังสองสามก้าว
ที่แท้เสิ่นเจ๋อก็ทรยศเธอมานานแล้ว! คำว่ารักที่เขาพูดออกมาทั้งหมด ก็คือการหลอกใช้และหลอกลวง! ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำร้ายพ่อของเธอจนตาย!
น้ำตาหยดออกมาจากดวงตา ความจริงอันโหดร้ายทำให้เย่ชิงซีหายใจไม่ออก
เธอจับชายกระโปรงแน่น ฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากในห้อง โกรธแค้นจนกัดฟันแน่น
ในเมื่อพวกเขาต้องการครอบครองตระกูลเสิ่น งั้นเธอก็จะทำให้พวกเขาไม่สมปรารถนา!
เย่ชิงซีเช็ดน้ำตาจนแห้ง สวมรองเท้าส้นสูง เดินกลับไปยังห้องจัดเตรียมงานแต่งงาน และเซ็นชื่อในสัญญาข้อตกลงโดยไม่ลังเล
เธอต้องเป็นนายหญิงใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลเสิ่น และคอยดูหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้ลงนรกด้วยตาของเธอเอง!
ยามค่ำคืน ณ คฤหาสน์ตระกูลเสิ่นเต็มไปด้วยแสงไฟที่สว่างไสว
ทันทีที่งานแต่งงานสิ้นสุดลง เย่ชิงซีก็ถูกส่งมาที่นี่ และมาถึงห้องของเสิ่นเซียวเหยาด้วยการนำทางของแม่บ้าน
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ชิงซีได้เห็นสามีของเธอ
จากปากของเสิ่นเจ๋อนั้น เสิ่นเซียวเหยามีอารมณ์ร้าย นิสัยวิปริต ไร้ความปรานี แม้แต่อยู่ต่อหน้าญาติสนิทของเขาเอง เขาก็ยังใจดำไร้ความปรานี คำคุณศัพท์ที่แย่ที่สุดที่ถูกเสิ่นเจ๋อใช้ออกมาทั้งหมด รวมถึงคำว่า “อัปลักษณ์” ด้วย
เย่ชิงซีเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เธอได้เตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับสามีอัปลักษณ์ไว้แล้ว ทว่าเธอไม่คาดคิดเลยว่าผู้ชายตรงหน้านี้จะหล่อมาก แม้ว่าเขาจะป่วยอยู่ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความสง่างามที่มีมาตั้งแต่เกิดของเขาได้
เธอยืนเหม่อลอยอยู่ข้างเตียง มองใบหน้าที่งดงามได้รูปของเสิ่นเซียวเหยาจนตกอยู่ในห้วงของความสงสัย
ดังนั้นสิ่งที่เสิ่นเจ๋อพูดเป็นเรื่องเพ้อเจ้อทั้งหมดงั้นสิ?
และในตอนนั้นนั่นเอง ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสิ่นเจ๋อที่กำลังเมาถือขวดเหล้าเดินโซเซเข้ามา และพูดเสียงดังเอะอะ โดยไม่กลัวว่าเสิ่นเซียวเหยาที่นอนเป็นผักแบบนี้จะตื่นขึ้นมา
“ซีซี ผมขอโทษนะที่ผมเพิกเฉยคุณ วันนี้ผมยุ่งมาก เลยไม่ได้รับโทรศัพท์คุณ”
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาฉีกหน้าอีกฝ่าย เย่ชิงซีเลยทำได้เพียงอดทนกับความขยะแขยง และแสร้งทำเป็นเข้าใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้โทษคุณ”
เสิ่นเจ๋อยกขวดเหล้าขึ้น ดื่มเข้าไปอึกนึง จากนั้นยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ แล้วพูดว่า “ผมว่าแล้ว คุณรักผมขนาดนี้ จะต้องเข้าใจผมแน่นอน”
เย่ชิงซีกำหมัดแน่น อดทนจนเส้นเลือดตรงขมับปูดนูนขึ้น “ดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรไว้คุยกันวันพรุ่งนี้เถอะ...”
หลังจากพูดจบ กลับเห็นว่าเสิ่นเจ๋อล็อกประตู ปิดไฟ และเดินเข้ามาใกล้เย่ชิงซี
เย่ชิงซีถอยหลังออกไปด้วยความตื่นตระหนก “เสิ่นเจ๋อ คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ช่วงเวลาค่ำคืนของวันแต่งงานมีค่ามาก อย่าปล่อยให้มันเสียเปล่าน่า”
มุมปากของเสิ่นเจ๋อมีรอยยิ้มชั่วร้าย กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมา ทำเอาเย่ชิงซีตกใจจนถอยหลังออกไปหลายก้าว
เขาไม่ได้เห็นเสิ่นเซียวเหยาอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ ถึงขนาดกล้าคิดจะทำอะไรพี่สะใภ้ของตัวเองต่อหน้าเขา!
เย่ชิงซีโกรธจนตัวสั่น เธอออกแรงผลักเสิ่นเจ๋อ “มีสติหน่อย! อย่าลืมแผนของเราสิ”
ไม่คิดว่าเสิ่นเจ๋อจะทำตัวไร้ยางอายถึงเพียงนี้ “ผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอเพียงคุณท้องลูกของผม ก็สามารถสืบทอดตระกูลเสิ่นได้เช่นกัน”
เย่ชิงซีไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ตอนที่เธอกำลังจะสู้สุดชีวิตนั้น เธอก็พบว่าเสิ่นเจ๋อไม่ขยับแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ก็เห็นสีหน้าของเสิ่นเจ๋อเต็มไปด้วยความกลัวราวกับเห็นผี ขณะมองไปทางด้านหลังเธอ
“พี่ พี่ใหญ่...”
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา "คุณเป็นใคร?" "ฉันเป็นภรรยาของคุณ..." เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง "ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า" ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน"เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!" เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน "ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน