เพื่อจัดการกับคนไข้ที่แสนเอาแต่ใจและดื้อรั้น เธอจึงต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาใช้ เพื่อปราบคนดื้อรั้น แต่ ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าเธอกับเขากลายเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร
วาสิฏฐี ถอนใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้วของวันหลังจากที่คนรับใช้ต่างวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก และท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่น จนเธอต้องทั้งปลอบและให้กำลังใจพวกเจ้าหล่อนทุกครั้ง ที่สาวใช้วิ่งมาหา และทุกครั้งก็จะจบลงด้วยการที่เธอต้องเป็นคนไปกำราบ คนไข้ จอมดื้อรั้นและเอาแต่ใจที่สุดอย่าง ธีรดล ลูกชายของ คุณนรา นายจ้างที่มีพระคุณต่อเธอมาก และท่านก็รักและเอ็นดูเธอมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนหนึ่งลูกสาวของคุณนรานับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของท่าน ด้วยการชักชวนของ วิกานดา สาวรุ่นพี่ที่สนิทสนมกัน ภรรยาของ ธีร์ ธีรเทพ พี่ชายคนโตของตระกูล ลูเซียโน่ เฉิน ซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้าน จนเธอกลายเป
็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณนรา ไปโดยปริยาย
ก่อนหน้านี้เธอมีหน้าที่ดูแลคุณนราในฐานะพยาบาลประจำตัวของท่าน แต่เมื่อต้นปีก่อนลูกชายคนเล็กของคุณนราประสบอุบัติเหตุที่ประเทศอิตาลี อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน และผลพวงจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้ ธีรดลขาหักทั้งสองข้างและต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นานกว่าอาการโดยรวมจะหายดี แต่เขาไม่สามารถเดินได้เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเดิน และไม่ยอมทำกายภาพบำบัด คุณนราจึงให้ลูกชายคนโตพาตัวธีรดลกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย
บาดแผลทางกาย ทั้งนอกและในนั้นหายดีแล้วในระดับหนึ่ง แต่บาดแผลทางใจทำให้ธีรดล ชายหนุ่มอารมณ์ดี รักสนุก กลายเป็นคนที่เคร่งขรึม เจ้าอารมณ์และมักกราดเกรี้ยวใส่ทุกคนเสมอ เรียกได้ว่าเขาอารมณ์แปรปรวนมาก และต้องพบจิตแพทย์อยู่เป็นปี กว่าอารมณ์ของเขาจะมั่นคง
แต่กระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ภาวะทางอารมณ์ของเขาจะเป็นปกติดีในทุกวัน เช่นวันนี้ ไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหน หรือสาวใช้ทำอะไรไม่ถูกใจเขากันแน่ ธีรดลถึงได้อาละวาดบ้านกระเจิงแบบนี้...
“หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะคุณวา” องุ่น สาวใช้ตัวอวบใหญ่สะอึกสะอื้นบอกทั้งน้ำตาดูน่าเวทนานัก
“หนูก็เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้คุณธีมเหมือนจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ตื่นเช้ามาก็อารมณ์บูดแต่เช้า อาละวาดใส่ทุกคนเลย ไม่ยอมทำกายภาพบำบัดด้วย”
ส้มโอ พี่สาวขององุ่น สาวใช้วัยยี่สิบเศษเอ่ยขึ้น แล้วสองพี่น้องก็กอดกันร้องไห้
“หนูทำอะไรก็ไม่ถูกใจเลยจนหนูอยากจะลาออกหรือไม่ก็ขอกลับไปอยู่รับใช้คุณท่าน”
“เอาล่ะๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะสาวๆ ทำใจให้ดีๆ ก่อน ไปหาอะไรกินกันก่อนไป คุณวาซื้อของกินมาเยอะแยะเลยไปแบ่งกันกินก่อนไป เดี๋ยวเรื่องคุณธีม คุณวาจัดการเอง”
หญิงสาวบอกสองพี่น้องด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยอ่อนโยน อันเป็นลักษณะนิสัยของเธอ
“ของกินหรือคะ” ส้มโอตาโต น้ำตาที่ไหลพรากๆ อยู่เมื่อครู่เหือดแห้งไปในบัดดล
“จ้า... ไปเถอะ ของวางอยู่ในครัวแล้ว”
“งั้นเราไปกันพี่ส้มโอ” ทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะจูงมือกันไปยังห้องครัว
“แหะๆ แต่ว่า พวกหนูไม่ได้เห็นแก่กินนะคะคุณวา” สองพี่น้องหันมายิ้มแหยๆ ให้เธอเหมือนนึกได้
“จ้ะ คุณว่าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
วาสิฏฐียิ้มขบขันกับทั้งสองสาว ส้มโอกับองุ่นไหว้ขอบคุณเธอก่อนจะวิ่งตื๋อจากไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างเอ็นดูทั้งสองพี่น้อง ก่อนจะเงยหน้าไปมองชั้นบนของบ้านหลังงามยังจุดที่เป็นห้องของผู้ชายเอาแต่ใจอย่างธีรดล ด้วยความหนักอึ้งในอก เธอจะต้องเผชิญอะไรอีกนะวันนี้ ขอไปทำธุระแค่สี่วัน บ้านก็เหมือนโดนพายุถล่มยับแบบนี้
“คนอะไร เอาแต่ใจชะมัด นังวาก็จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย...”
หญิงสาวหลับตาลงกัดฟันพยายามข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ และท่องไว้เสมอว่า งานหิน งานยาก งานมหาโหดกว่านี้เธอก็ผ่านมันมาแล้ว เจอโหดกว่านี้อีกนิดหน่อยจะเป็นไรไป
โหดกว่านิดหน่อยเหรอ.. ไม่มั้ง งานนี้มันทั้งมหาโหด มหาเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และอันตรายต่อใจเหลือเกิน..
“สู้ๆ นังวา แกต้องผ่านมันไปให้ได้ เอาแต่ใจ งี่เง่านักก็จับปล้ำทำสามีไปเลยสิ...”
หญิงสาวบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นแ ละก็แอบขบขันอยู่ในใจ เธอนี่นะจะปล้ำเจ้านายที่เป็นคนไข้จอมเกเรเป็นสามี บ้าไปแล้วแน่ๆ นังวาเอ๋ย...