S1 ถ้านี่เป็นครั้งแรก ญ๋าคงเจ็บน่าดู อาขอโทษนะ...
S1 ถ้านี่เป็นครั้งแรก ญ๋าคงเจ็บน่าดู อาขอโทษนะ...
• ACTION •
“ใกล้จะได้เป็นหมอจริงๆ แล้วสินะ...”
แม่ของสาวหน้าหวานที่กำลังนั่งพับผ้าจัดกระเป๋าเตรียมส่งเธอไปอยู่บ้านอา พูดดีใจเป็นปลื้มเมื่อรู้ว่าลูกสาวกำลังจะได้เป็นหมอ extern ซึ่งนี่ก็เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของเธอ กับเส้นทางการเป็นหมอ และ ‘ญะญ๋า’ ก็เป็นความหวังเดียวของคนเป็นพ่อกับแม่
“อีกแค่ปีเดียว ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม” คนเป็นพ่อยืนกอดอกพูดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ด้วยท่าทางกวนๆ ตามสไตล์ของเขา
“ค่ะ พ่ออยู่บ้านก็ห้ามดื้อนะ” ญะญ๋าพูดเสียงหวานท่าทางนุ่มนิ่มบอกกับพ่อของเธอ เพราะรู้ว่าเขาชอบก่อกวนผู้เป็นแม่อยู่บ่อยๆ
“พ่อไม่ดื้อหรอก ไม่ต้องห่วง”
“เดี๋ยววันหยุดพ่อกับแม่ขึ้นไปหาที่กรุงเทพนะ” แม้ว่าเวลานี้เธอจะมีอายุที่มากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อและแม่ เป็นห่วงลูกสาวน้อยลงเลย เพราะรู้ว่าญะญ๋าเป็นเด็กหัวอ่อน ไม่สู้คน และมักจะถูกเพื่อนเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็ก
“อาปืนยังใจดีเหมือนเดิมไหมคะ?”
“อาปืนเขาใจดีอยู่แล้ว แต่ญ๋าอย่าไปดื้อกับอาเข้าใจไหม ไปอยู่บ้านเขาต้องเป็นเด็กดีนะ”
“ค่ะแม่..”
@เพนท์เฮ้าส์หมอปืน
บ้านหรูแสนทันสมัยบนตึกสูง ทำให้เด็กสาวเริ่มเกร็งเมื่อย่างกายเข้ามาที่นี่ เพราะฐานะที่ดูมั่นคงต่างไปจากเมื่อก่อน เหมือนว่าจะมีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับภาพจำของอาหมอคนใจดีของเธอ
“ไม่เจอกันสิบปี โตขึ้นเยอะเลยแฮะ” อาหมอคนใจดียิ้มต้อนรับหลานสาวที่เดินทางมาถึง
“ฝากมึงด้วยแล้วกัน ญ๋าไม่ดื้อหรอก เลี้ยงง่าย ...แต่ถ้าดื้อก็ตีได้เลย” คนเป็นพ่อพูดบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทอย่างหมอปืน และเขาก็ไว้ใจอย่างมากว่าเธอจะปลอดภัยกว่าการไปเช่าคอนโด หรือห้องพักอยู่คนเดียวในกรุงเทพเมืองหลวงที่แสนอันตรายนี้
“ฝากด้วยนะปืน ญ๋าเป็นเด็กตามคนไม่ค่อยทัน กลัวว่าจะโดนคนที่ทำงานเอาเปรียบ” ฉันโล่งใจขึ้น เมื่อรู้ว่าญะญ๋าจะได้ฝึกงานที่โรงพยาบาลเดียวกับที่ปืนทำงานอยู่
ซึ่งทั้งฉันสามีและปืนเราสนิทกันมากในช่วงนึง และยังคอยช่วยเหลือกันตลอดเรื่อยมา แม้ไม่ใช่คนในครอบครัวแต่ก็เหมือนเป็นเช่นนั้น...
“พวกพี่ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลญ๋าให้”
ถึงจะเป็นการรบกวน แต่มันก็เป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจ และกล้าฝากลูกสาวไว้กับมัน... “ขอบใจมากเว้ย ไว้กูจะมาเยี่ยมญ๋าบ่อยๆ”
ตอนที่ฉันเด็กๆ พ่อกับแม่เอาฉันมาฝากไว้กับอาปืนบ่อยๆ เพราะพวกเขาต้องออกไปทำงาน ซึ่งฉันก็ซึมซับการอยากเป็นหมอจากอา บวกกับพ่อและแม่เองก็ต้องการให้ฉันเป็นอย่างนั้น แต่การเป็นหมอไม่ง่ายเลย มันยากกว่าที่คิดไว้ ทั้งเรื่องการเรียนที่หนักและยาวนานกว่าเพื่อนคณะอื่น และการฝึกงานที่โหดคูณสองแบบที่รุ่นพี่บอกไว้ อาของฉันเก่งมากจริงๆ ที่ผ่านช่วงเหนื่อยยากทั้งหมดนั้นมาได้...
“ยังมีหลายเรื่องที่ญ๋ายังไม่เก่ง อาช่วยสอนญ๋าหน่อยนะคะ” คนเรียบร้อยพูดบอกกับคุณอาคนใจดีของเธอ และเขาก็ยังคงเป็นแบบนั้นเสมอ
“ได้ครับ..”
“งั้นพี่กลับแล้วนะปืน ฝากหลานด้วยนะ” คุณแม่ยังสวยพูดจบก็เดินเข้ามาสวมกอดลูกรักเพื่อบอกลาเธอกลับต่างจังหวัด แก้มใสของลูกสาวถูกหอมฟัดอย่างเอาใจจากผู้เป็นแม่ ส่วนคนเป็นพ่อก็ล่ำลาด้วยการลูบหัวเธอเบาๆ
“พ่อกลับก่อนนะ..”
“ขับรถกันดีๆ นะครับพี่..”
“เออ ไว้เจอกัน”
ห้องนอนญะญ๋า...
“ชอบไหม อาจำได้ว่าญ๋าเคยบอกอาว่าญ๋าชอบสีชมพู อาเลยให้คนจัดห้องสีนี้ไว้ให้” เขาถามกับหลานสาวเมื่อพาเธอเข้ามาเดินชมห้องนอนของเธอ
“ชอบค่ะ ที่นี่ใหญ่เท่าห้องนอนญ๋า ห้าห้องรวมกันได้เลย” เธอพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพรางวาดตามองไปรอบห้องอย่างให้ความสนใจ
ท่าทางเรียบร้อยและนอบน้อมของเธอทำคนที่ได้มองเอ็นดูไม่น้อย “ถ้าขาดเหลืออะไรบอกอาได้นะ เดี๋ยวอาจัดการให้”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ขอบคุณอาปืนมากนะคะ” แค่นี้ฉันก็เกรงใจมากแล้ว อาให้อยู่ฟรีไม่เก็บค่าเช่า แถมยังให้ฉันติดรถไปทำงานด้วยจนเรียนจบ ข้าวก็ฟรีที่พักก็ฟรี ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากเขาอีกแล้วล่ะ
“งั้นญ๋าเก็บของเถอะนะ เดี๋ยวอาออกไปเตรียมมื้อเย็นก่อน”
“เดี๋ยวญ๋ารีบออกไปช่วยนะคะ” คนเรียบร้อยตะโกนบอกคนที่เดินออกจากห้องไปสุดเสียง ซึ่งน้ำเสียงการตะโกนพูดของเธอยังดูออกว่าเธอเป็นคนนิ่มนวลแค่ไหน
ว่าแล้วเธอก็เร่งมือเก็บของ เพื่อจะออกไปช่วยงานคุณอาของเธอต่อ เพราะการให้เขาเตรียมข้าวเย็นให้เธอทานนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งสำหรับเด็กขี้เกรงใจอย่างเธอแล้วด้วย...
จู่ๆ มือน้อยที่จัดเสื้อผ้าอยู่ก็เกิดสั่นไหวขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ ใจดวงน้อยเริ่มสั่นรัวเพราะความเป็นกังวล ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มกาแฟไปเป็นสิบแก้ว อาการที่เป็นอยู่ เธอเผชิญสิ่งนั้นมาอย่างลำพัง และไม่คิดว่ามันจะส่งผลกับการใช้ชีวิตของเธอ จึงปล่อยผ่านทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น แต่อาการที่เป็นก็ยิ่งหนักขึ้นเช่นกัน
“เป็นแบบนี้อีกแล้ว..”
เธอพยายามไม่สนใจอาการที่เป็น และรีบออกไปหาอาของเธอที่ด้านนอก..
ห้องครัว...
“อามีอะไรให้ญ๋าช่วยไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวอาทำเอง” มันเป็นงานที่เขาถนัดและชอบทำ จึงไม่คิดว่าเป็นความลำบากแต่อย่างใด
“งั้นเดี๋ยวญ๋าช่วยจัดจานนะคะ”
“ได้ครับ..” คุณอาสุดหล่อพูดตอบรับคำขอหลานสาว และปล่อยให้เธอทำงานชิ้นสำคัญนั้น
มือน้อยที่กำลังถือถ้วยตักแกงสั่นจนอีกคนสังเกตเห็นได้ “ทำไมมือสั่นแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ.. ปกติค่ะอา มันเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ” เธอตอบเขากลับไปด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนถือถ้วยไปวางลงที่โต๊ะทานข้าวอย่างระวัง แม้ในเวลานั้นจะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ถูกจังหวะ แต่เธอก็ยังทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
ซึ่งคนเป็นหมออย่างเขาก็พอดูออกว่านั่นไม่ใช่อาการปกติของร่างกายมนุษย์ที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรเธอมากไปกว่านั้น เพราะการห่างเหินกันนานถึงสิบปี ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้สนิทกันเหมือนเคย และคงต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันใหม่สักระยะ
“เป็นไงบ้าง อาทำกับข้าวพอใช้ได้ไหม”
“อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” อาหารมื้ออร่อยทำให้เธอผ่อนคลายและอาการที่เป็นอยู่ก็ดีขึ้น
ผมจำได้ว่าจะได้ยินแบบนั้นทุกครั้งที่ทำกับข้าวให้เธอทาน ซึ่งไม่รู้ว่ามันอร่อยจริงหรือว่าเธอหิวมากกันแน่ ญะญ๋าถึงตั้งใจกินจนไม่เงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับผมเลย
“ตื่นเต้นหรือเปล่า พรุ่งนี้จะได้เป็นหมอจริงๆ แล้ว”
“ตื่นเต้นค่ะ” เธอพูดคำนั้นออกไปโดยไม่รู้ว่าสีหน้าของตัวเองนั้นมีความเป็นกังวลอยู่มาก
“มีอะไรไม่เข้าใจ ถามอาได้เลยนะ...”
“ตอนอาเป็น extern ยากไหมคะ” ในบรรดาเพื่อนรุ่นเดียวกัน ฉันคงจะเป็น extern ที่โง่ที่สุด ถึงจะอ่านหนังสือเยอะแค่ไหนก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แม้จะอยากเป็นหมอแต่มันก็มีความกลัวอยู่ในใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ... ตอนที่อาเป็น extern อาสร้างปัญหาทุกวันเลยล่ะ แต่เพราะปัญหาพวกนั้นอาเลยเป็นหมอที่เก่งเหมือนตอนนี้ไง”
ประสบการและความผิดพลาดของผม มันทำให้ผมกลายเป็นหมอที่ทั้งคนไข้และหมอด้วยกันต่างก็ยอมรับ ยิ่งผมผิดพลาดมากเท่าไหร่ ผมยิ่งตั้งใจทำให้มันดีขึ้นมากเท่านั้น
“นั่นสิคะ ใครก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ.. แต่ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่ผิดพลาดด้วยนะ ห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาด”
“ค่ะ”
จ๊วบๆ!
“ยังดูดนิ้วอยู่อีกเหรอ?”
“มันติดน่ะค่ะ เห็นนิ้วเรอะเป็นไม่ได้ ฮ่าๆ” นิสัยที่ทำมันอย่างเคยชิน เธอเลิกทำมันไม่ได้เมื่อได้เห็นคราบเรอะที่นิ้ว
น่าแปลกที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แต่แววตาที่ผมได้มองกลับรู้สึกถึงความเศร้าลึกๆ ไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องกังวลอะไรอยู่
“มีอะไรปรึกษาอาได้เลยนะ อายินดีรับฟังทุกเรื่อง”
เขาทำได้เพียงเท่านั้น เพราะไม่อยากเค้นถามให้เธอรู้สึกอึดอัด เพราะทั้งคู่ยังต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกันอีกนาน
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน และตื่นมารับมือกับการทำงานในวันพรุ่งนี้
ห้องนอนญะญ๋า...
เหมือนว่าเวลายิ่งดึก ความรู้สึกของเธอจะยิ่งดิ่งลึกจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงความหวาดวิตก และร่างกายที่ผิดปกติของเธอ
“แฮ่ก แฮ่ก ฮึก!”
ฉันรู้สึกเหมือนว่า อาการที่ฉันเป็นจะเกิดขึ้นอีกแล้ว มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่ และไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้มันเกิดอาการนี้ขึ้น และสิ่งที่เป็นอยู่มันก็ทำให้ฉันกลัว
ห้องนอนหมอปืน...
ก๊อกๆ!
“ฮึก อาคะ~”
แก๊ก!
“มี...”
ฟุบ!
เขาเอ่ยถามเธอยังไม่ทันจบ คนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าห้องพุ่งเข้าสวมกอดชายร่างสูงร้อยแปดสิบห้าด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูออกมา เนื้อตัวสั่นและท่าทางวิตกของเธอนั้นทำให้คุณหมอตาสว่างขึ้นจากความง่วงซึม
“ช่วยด้วยคะ ญ๋าหายใจไม่ออก ฮึก”
“ญ๋า~ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ นะ”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
"ท่านครับ คนยังไม่ตาย ต้องการชนอีกทีไหมครับ" "จัดการเลย" เสิ่นอันหยูซึ่งกำลังจมอยู่ในกองเลือด ได้ยินคำสั่งของสามีกับหู เธอกับเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยมีลูก อย่างไรก็ตาม การแต่งงานที่ไม่มีบุตรทำให้แม่สามีกล่าวหาว่าเสิ่นอันหยูมีบุตรยาก ตอนนี้ สามีของเธอไม่เพียงนอกใจเธอเท่านั้น แต่เขาต้องการให้เธอตายด้วย! เขาก็หย่ากับเธอได้ แต่นี่เขาพยายามจะฆ่าเธอ... ในวันที่หย่ากัน เสิ่นอันหยูที่เคยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดนั้นก็แต่งงานกับชายอีกคนหนึ่งทันที สามีคนที่สองของเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเมือง เธอสาบานว่าจะใช้อำนาจของเขาให้เป็นประโยชน์และแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอ! เดิมทีการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้ควรเป็นเพียงข้อตกลงที่หาประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่สุดท้าย เธอกลับถูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ตรึงไว้กับกำแพง "เอาจริงเลยได้ไหม ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป"
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ปรมะพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาของตัวเองจนตั้งท้อง เขาจำใจต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีทางเลือก แต่ผู้ชายระดับไฮเอ็นเช่นเขาไม่ยอมเข้าตาจนง่ายๆ หรอก ในเมื่อพลาดไปแล้วก็ช่างมัน รับแค่ลูกเอาไว้ และเขี่ยแม่ของเด็กทิ้งลงถังขยะ นี่แหละคือทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ตัวอย่างเล่ม : ระหว่างที่รองเท้าสีดำเงาวับกำลังย่ำลงไปบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาชนเข้าที่ขาด้านหลัง ปรมะหยุดเดิน และก็หมุนตัวกลับไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้าง... เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเผชิญหน้ากับเด็กตัวจ้อย “อย่าวิ่งซนนะครับเด็กดี...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “คุณพ่อ...” เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กหญิงตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกคือใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาตอนเด็กไม่มีผิด ปรมะถึงกับอึ้งงันไป แต่เด็กน้อยยังคงยิ้มแถมยังยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาไปมา “คุณพ่อจริงๆ ด้วย... ไข่มุกไม่ได้ฝันไป... เย้...” “หนู...” ตอนนี้แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นคำยังยากสำหรับปรมะเลย เด็กคนนี้เรียกเขาว่าพ่อ แถมยังมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาในตอนเด็กอีกต่างหาก ซีรีส์ในชุดที่เกี่ยวข้องกัน 1. ขายหัวใจให้ท่านประธาน 2. มลทินรัก CEO 3. คืนเผลอรัก 4. อุ้มรักเมียแสนชัง
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด