S1..ผมได้รับคำสั่งจากนายให้ดัดสันดานคุณหนู ซึ่งเธอกับผมต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน ยิ่งเกลียดก็ยิ่งต้องเจอ ผมอยากจะบินตามไปดูแลนายที่มาเก๊า แล้วปล่อยให้ไอวอมอยู่กับคุณหนูของมันจริงๆ3P
• ACTION •
ตั้งแต่แม่เสียไป พ่อก็ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าอยู่บ้านกับฉัน ซึ่งแต่ก่อนฉันเคยเป็นเด็กที่ได้รับความรักจากพ่อและแม่เป็นอย่างดี เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นกันมาก จนกระทั่งวันที่แม่จากเราไป พ่อก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ฉัน พ่อจะปล่อยฉันไว้กับพวกบอดี้การ์ดและก็แม่บ้านที่บ้านหลังนี้ จนฉันเริ่มกลายเป็นเด็กก้าวร้าวขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนเป็นพ่อ
และช่วงวันสองวันมานี้พ่อของฉันดูจะยุ่งเอามากๆ ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรขนาดนั้นบ้านช่องไม่กลับ แถมพรุ่งนี้พ่อยังบอกฉันอีกด้วยว่าห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวช่วงเย็นเขาจะกลับมากินข้าวด้วยที่บ้าน ซึ่งการอยู่บ้านมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดๆ ฉันไม่มีอะไรทำเลยนอกจากการเลื่อนดูโทรศัพท์ไปพรางๆ เพื่อแก้เหงา...
@โรงแรม
“พรุ่งนี้ฉันฝากแกดูโบอาด้วยนะ อย่าให้ออกจากบ้านเด็ดขาด...”
พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของผม ซึ่งเรื่องนี้โบอา ลูกสาวของผมเธอจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเธอได้มาอาละวาดพังงานแต่งของผมกับเมียใหม่แน่ๆ ใจจริงผมก็รู้สึกผิดที่ต้องปิดบังเรื่องนี้กับโบอา แต่ว่าการทำแบบนี้มันก็ดีที่สุดแล้วกับเมียใหม่ของผมแล้วก็ลูกในท้องของเธอ...
“ครับนาย” ผมก้มหน้าและตอบรับคำสั่งนายทันที ถึงแม้การดูแลคุณหนูโบอา จะเป็นเรื่องยากผมก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือแสดงอาการท่าทางไม่พอใจออกมาได้ เพราะนายมีบุญคุณกับผมมาก และไม่ว่านายจะสั่งอะไรผมก็พร้อมรับคำสั่งนั้นทันที
“ช่วงที่ฉันไปอยู่มาเก๊าฝากแกจัดการดัดนิสัยลูกสาวฉันให้ที ช่วงนี้ยัยหนูเริ่มดื้อไม่ฟังฉันแล้ว”
ปกติผมจะตามใจเธอตลอด จนทำให้เธอเคยตัว และพอผมพูดห้ามหรือเตือนอะไรเธอก็ไม่ค่อยจะฟัง แล้วทั้งบ้านก็พากันไม่กล้าขัดใจลูกสาวของผมไปด้วย แต่ดูเหมือนไอเจเคมันจะเป็นคนเดียวที่กล้าขัดใจและแข็งกับเธอที่สุดในบ้าน ซึ่งผมก็ไว้ใจมันที่สุด ที่จะฝากลูกสาวไว้กับมัน
“ครับ แล้วนายจะไปอยู่มาเก๊านานไหมครับ” เจเคลูกน้องคนสนิทเอ่ยถาม
“ก็จนกว่าลูกฉันจะคลอดนั่นแหละ” ผมกะว่าจะรอให้ ‘มิลา’ คลอดลูกก่อนแล้วค่อยกลับมาอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดผมพาเธอเข้าบ้านตอนนี้ยัยหนูได้เป็นคนทำคลอดให้เมียใหม่ผมแน่ๆ
“ครับนาย…”
แบบนี้ผมก็ต้องทนเลี้ยงยัยคุณหนูปากดีนั่นเกือบเก้าเดือนเลยเหรอ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของผม ที่ต้องมาเจอเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจแบบนั้น
@ตึกใหญ่
วันนี้บ้านดูเงียบไปแปลกๆ พวกบอดี้การ์ดก็อยู่บ้านกันแค่ไม่กี่คน และไม่รู้ว่าพวกมันหายหัวไปไหนกันหมด ไอคนที่เรียกใช้ง่ายๆ ก็ไม่อยู่ อยู่แต่ไอ ‘เจเค’ คนที่เรียกใช้อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง “ไปเอานมในตู้เย็นให้หน่อย”
คุณหนูเอ่ยปากกระแทกเสียงสั่งให้ผมไปเอานมให้ และผมก็เกลียดท่าทางจองหองพองขนของเธอสุดๆ ถึงแม้ว่าผมจะแก่กว่าเธอตั้งหกปีแต่เธอก็ยังเรียกผมว่าไอ และไม่เคยแสดงท่าทางเคารพผมเลยสักครั้ง “…”
“กูสั่งให้มึงไปเอานมให้กู มึงไม่ได้ยินรึไง ฮะ!” เธอลุกขึ้นจากโซฟาและแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดใส่เขา
“แม่บ้าน ไปเอานมมา” ผมหันไปบอกแม่บ้านที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอกลับมาใช้ผม “อยากได้อะไรก็สั่งแม่บ้านสิครับ ผมเป็นบอดี้การ์ดไม่ใช่คนรับใช้”
“มึงก็ขี้ข้าเหมือนกันนั่นแหละ กูเป็นนายมึง เวลาที่กูสั่งให้มึงทำอะไร มึงก็ต้องทำ อย่าเสือกมาสอนกู” ฉันเกลียดที่ไอเจเคมันเอาแต่ขัดคำสั่งของฉันทุกอย่าง แล้วมันก็ยังเป็นลูกน้องคนโปรดของพ่ออีกด้วย เหมือนว่ามันเองก็จะรู้ตัวว่าพ่อฉันให้ท้ายมัน มันเลยปีกกล้าขาแข็งกับฉันขนาดนี้
ทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้คุณหนูผมต้องคอยนับหนึ่งถึงล้านตลอด เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ..ใจเย็นไอเจเคอีนี่มันก็แค่เด็กปากดีเท่านั้น
“ครับคุณหนู”
ยิ่งเห็นหน้ามันฉันก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่รู้ว่ามันจะมายืนเฝ้าประกบฉันอยู่ทำไม วันนี้ทุกคนดูทำตัวแปลกๆ กันไปหมดทั้งแม่บ้าน ทั้งไอเจเคก็คอยประกบเฝ้าฉันอยู่ไม่ห่าง
“ไปไกลๆ ได้ไหมกูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ฉันตะหวาดใส่มันเสร็จฉันก็เดินหนีหน้ามันไปนั่งอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำเพื่อให้ใจเย็นลง แต่ไอเจเคมันก็ยังเดินตามตูดฉันไม่เลิก น่าลำคานจริงๆ
ติ๊ง! [เบอร์ปริศนา - รูปงานแต่งของคุณอิทธิพ่อของเธอและมิลาเมียใหม่]
ไม่รู้ว่ามือดีที่ไหนส่งรูปนี้มาให้ฉัน แถมยังใจดีส่งสถานที่จัดงานมาให้ฉันอีก ซึ่งภาพทั้งหมดที่ฉันได้รับจากเบอร์แปลก มันทำให้ฉันตาสว่างและเข้าใจที่วันนี้ฉันโดนไอเจเคมันคอยตามประกบอยู่แบบนี้
จู่ๆ คุณหนูขี้โมโหก็เดินเข้าไปหาคนที่เธอเกลียดขี้หน้า พรางมองหน้าเขาด้วยความแค้นใจ แววตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา จนทำชายหนุ่มร่างสูงเริ่มใจคอไม่ดีที่เห็นท่าทางของเธอแบบนั้น
ตุบ! ตูม!!
เจเคถูกเท้าเล็กที่โมโหและโกรธแค้นสุดขีดถีบลงสระเต็มแรง ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน เพื่อไปจัดการพ่อของเธอ
ตอนนี้ผมรู้ได้ทันที ว่าเธอคงรู้เรื่องงานแต่งของนายแล้วแน่ๆ “เหี้ยเอ๊ย ใครอยู่ข้างนอกบ้าง จับคุณหนูไว้ที!!” ผมตะโกนเรียกหาลูกน้องก่อนจะรีบขึ้นจากสระไปตามจับเธอ
แต่พอผมวิ่งออกมาหน้าบ้านก็ไม่ทัน คุณหนูขับรถสวนออกไปพอดี “บรรลัยแล้วกู” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ ‘วอม’ มือซ้ายของนาย และเพื่อนรักเพียงคนเดียวของผม ที่ตอนนี้อยู่คุ้มกันนายที่งานแต่ง “ไอวอมมึงรีบสแตนบายรอที่งานแต่งเลย คุณหนูหนีออกไปแล้ว”
@สถานที่จัดงานแต่ง
พอได้ยินสิ่งที่ไอเจเคบอกผมก็รีบส่งซิกบอกลูกน้องในงานให้ไปดักรอที่หน้าประตูทางเข้างานทันที “พวกมึงสองคนไปดักทางนู้น”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญซึ่งผมกำลังจะสวมแหวนให้เธอแต่จู่ๆ ก็เห็นว่าบรรยากาศตอนนี้มันแปลกไป บอดี้การ์ดที่ยืนคุมอยู่ในงานก็พากันวิ่งวุ่นออกไปที่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งผมก็ได้แต่ภวานาขอว่าอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย…
@หน้าโรงแรมที่จัดงาน
พอจอดรถหน้าโรงแรมได้ ฉันก็ไม่ลืมที่จะเอาไม้เบสบอลคู่ใจท้ายรถลงมาด้วย พ่อฉันรู้ดีที่สุดว่าฉันเล่นเบสบอลเก่งมาก แล้วก็ตีไม่เคยพลาดเลยด้วย
ตอนนี้ผมเห็นเป้าหมายที่ผมต้องจัดการแล้ว เธอเดินตรงเข้ามาหาผมกับพวกลูกน้องที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูอย่างไม่เกรงกลัว ในมือเธอก็ยังถือไม้เบสบอลไว้แน่น แล้วดูเหมือนว่าเธอจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย
“คือ...คุณหนูครับ” วอมยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดจนจบประโยคก็โดนคุณหนูของเขา ขว้างไม้เบสบอลใส่แต่โชคดีที่เขาหลบทัน
ควับ!
“ถ้าพี่วอมเข้าข้างพ่อ ก็เข้ามาจับตัวหนูได้เลย” บอดี้การ์ดคนเดียวที่ฉันพูดดีด้วยและเขาก็ทำดีกับฉันมาตลอดคือพี่วอม ฉันไว้ใจเขาที่สุด แต่ว่าวันนี้เขาหักหลังฉัน
“ขอโทษนะครับคุณหนู” ผมเอ่ยปากขอโทษ ด้วยความรู้สึกผิดต่อเธอ แต่ผมก็ไม่สามารถขัดคำสั่งนายได้อยู่ดี สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยปากสั่งลูกน้อง “จับคุณหนูไว้”
“อ๊ายๆๆ!!” เธอกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความโมโหสุดขีดก่อนจะฟาดไม้เบสบอลใส่ทุกคนที่วิ่งเข้าไปหยุดเธอไว้ เท้าเล็กสองข้างก็สลับถีบคนพวกนั้นออกห่าง
เสียงกรีดร้องนั้นทำให้คนในงานตกใจและพากันมองไปที่ประตูทางเข้ากันหมด แล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือโบอา ลูกสาวของผมแน่นอน “เธอมาแล้วสินะ” เขารีบจบพิธีและเชิญแขกออกจากงานแต่ก็ไม่ทันลูกสาวของตนอยู่ดี เธอวิ่งเข้ามาใช้ไม้เบสบอลตีทำลายข้าวของตกแต่งในงานจนเละเทะไปหมด
“พาเธอไปหลบก่อน” ผมสั่งลูกน้องให้พาเมียใหม่ผมไปหลบให้ห่างเธอ ส่วนตัวเองก็ยืนรอลูกสาวเดินเข้ามาหา
เขายกมือขึ้นสั่งลูกน้องไม่ให้จับตัวเธอ และปล่อยให้เธอเดินเข้ามาระบายความโกรธลงที่ตน พ่อที่ทำผิด ปิดบังและมีความลับต่อลูกสาวอย่างเธอ
“ฮึกๆ งานแต่งทั้งทีทำไมพ่อถึงไม่ชวนหนูละคะ”
เธอยิ้มถามผมทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้มใสอยู่ แล้วนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมนั้นรู้สึกผิดต่อลูกมากยิ่งขึ้น “ยัยหนูพ่อขอโทษนะ”
เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าพ่อก่อนจะกรีดร้องโวยวายอีกครั้ง พร้อมกับใช้ไม้เบสบอลฟาดตีสิ่งของที่อยู่ใกล้คนเป็นพ่อเพื่อระบายอารมณ์โกรธ
หลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบขับรถตามมาที่งานเพื่อมาพาคุณหนูกลับบ้านทันที แล้วพอมาถึงงานก็เห็นว่าที่นี่เละไปหมดแล้ว แถมคุณหนูยังกำลังอาละวาดอยู่ต่อหน้านายอีกด้วย...
เจเคเดินพุ่งเข้าไปดึงไม้เบสบอลที่มือของเธอออกอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะแบกเธอขึ้นบ่าและหันไปโค้งหัวขอโทษนายที่ตนพลาดทำคุณหนูหลุดมาที่นี่
“ปล่อยกูไอขี้ข้า!!”
“มึงไปขับรถ” ผมออกคำสั่งกับลูกน้องให้มันไปขับรถเพราะว่าผมต้องนั่งจับคุณหนูอยู่เบาะหลัง ถ้าไม่ทำแบบนี้คุณหนูใจเด็ดของผม เธอได้โดดลงจากรถแน่ “หุบปากสักทีได้ไหมครับ!” เจเคพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเพราะรู้สึกหมดความอดทนกับเด็กดื้ออย่างเธอ
“กูไม่หุบปากมึงจะทำไมกู!!” ฉันตะโกนใส่หน้าไอขี้ข้าทันทีเมื่อมันกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน
ตอนนี้เธอทำคนใจร้อนฟิวขาดแล้ว... “ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกนาย คุณหนูคงโดนผมจับทำเมียไปแล้ว”
“ถ้ามึงกล้า ก็ทำสิ...” คนปากดีพูดตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล