3Pความดื้อและขี้สงสัยของมายู กำลังสร้างปัญหาให้กับเธอ และมันก็เป็นต้นต่อทำให้ความสำพันธ์พ่อลูกปล่อมๆของพวกเราจบลง ‘เด็กดื้อ’ ก็ต้อง ‘เจอแด๊ดดุ’
3Pความดื้อและขี้สงสัยของมายู กำลังสร้างปัญหาให้กับเธอ และมันก็เป็นต้นต่อทำให้ความสำพันธ์พ่อลูกปล่อมๆของพวกเราจบลง ‘เด็กดื้อ’ ก็ต้อง ‘เจอแด๊ดดุ’
• ACTION •
หลังจากที่พ่อและแม่ใหม่ของผมเสียชีวิตได้ไม่นานผมก็ต้องหยุดความฝันทุกอย่างของตัวเองไว้เพื่อขึ้นรับตำแหน่งแทนพ่อและทำงานหาเลี้ยงน้องๆ ผมกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวในวัยเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดปี
แถมยังต้องเลี้ยงน้องวัยสิบเก้าและน้องสาวต่างแม่วัยสี่ขวบอีกด้วย ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่นานเจอปัญหามากมายที่เด็กเพียงอายุยี่สิบกว่าอย่างผมเกินจะรับไหว แต่ผมก็ทิ้งทุกอย่างไปไม่ได้
และทุกครั้งที่ผมเจอกับปัญหามันก็ทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมพาบริษัทไวน์ของพ่อขึ้นสู่บริษัทส่งออกไวน์อันดับหนึ่งในไทย ซึ่งมันก็ใช้เวลาอยู่หลายปีเช่นกัน
จนตอนนี้ก็ผ่านมาสิบสองปีได้แล้วที่ผมขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัท ตอนนี้การทำงานของผมอยู่ตัวมากขึ้นไม่ต้องเหนื่อยเหมือนแต่ก่อน แต่สิ่งที่ทำให้ผมหนักใจมากขึ้นทุกวันและไม่รู้ว่าจะแก้ยังไงก็คือเรื่องมายูนี่แหละ ที่ตอนนี้ผมกับไอซีนายกลายเป็นพ่อจำเป็นให้เธอไปแล้ว
“แด๊ดดี้~”
เสียงห้าวของเด็กผู้หญิงวิ่งตะโกนรอบบ้านซึ่งทำผมกับเฮียโซ่ปวดหัวทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของเธอ “อยู่นี่!” ผมตะโกนขานรับเสียงเรียกหาของเด็กสาวที่ดังมาจากชั้นสองของบ้าน
ฉันชะโงกหน้าไปมองตามเสียงที่ดังมาจากห้องโถงใหญ่กลางบ้านซึ่งพอมองลงไปก็เห็นว่าพวกแด๊ดนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกใหญ่กลางบ้านเลยรีบวิ่งลงไปหาพวกเขาเพื่อให้แด๊ดจัดการธุระสำคัญให้
“มีอะไร เรียกหาแด๊ดทำไม” ผมเอ่ยปากถามมายูที่วิ่งลงบันไดมาหน้าตาตื่นราวกับว่าเธอนั้นมีเรื่องสำคัญ
“แกะตะขอเสื้อในให้หน่อย มายูแกะไม่ออก” ฉันเพิ่งจะลองใส่มันอยู่ไม่กี่ครั้งเพราะก่อนหน้านี้ฉันใส่แต่เสื้อซับกับเสื้อกล้าม แต่การใส่เสื้อในครั้งนี้มันแกะยากมากกว่าครั้งก่อนๆ ฉันแกะมันอยู่นานแล้วจนคิดว่าคงต้องหาคนช่วยเอามันออกแล้วล่ะ
พอได้ยินสิ่งที่มายูพูดผมก็โยนขี้ไปให้ไอซีนายทันที “ไปให้ไอซีนายแกะเลย”
“อ้าวเฮีย..” เฮ้อ ผมละปวดหัวกับเด็กคนนี้จริงๆ เธอไม่เคยระวังตัวกับพวกเราเลยทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชายที่เพิ่งมีนมไปได้
ฉันเดินเข้าไปหาแด๊ดซีนายที่โซฟาก่อนจะหันหลังและเอาตูดดันขาสองข้างของแด๊ดซีนายให้แยกออกจากกันเพื่อที่ตัวเองจะแทรกตูดเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาของแด๊ดได้ “ดูนี่สิแด๊ดมันใหญ่ขึ้นทุกวัน...ใหญ่ขึ้นไม่พอแถมยังเจ็บอีก”
มายูพูดพร้อมกับใช้มือบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนบนหน้าอกของตัวเองให้ผมเห็น แล้วผมก็ดันโชคร้ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับมายูพอดี “มายู! อย่าทำแบบนั้นสิหนูโตแล้วนะ”
ผมได้ยินเสียงเฮียโซ่ดุมายูซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเธอทำอะไรถึงโดนเฮียดุแบบนั้นเพราะผมกำลังมือสั่นอยู่กับการปลดตะขอเสื้อในให้ลูกสาวสุดดื้ออยู่ เฮ้อกูจะบ้าตาย
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ” ฉันก็แค่ต้องการให้แด๊ดเห็นก้อนเนื้อที่มันงอกขึ้นมาบนตัวของฉันซึ่งฉันไม่ถูกใจกับมันเอามากๆ เพราะมันทำให้ฉันเจ็บ
มายูยกคิ้วถามผมด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่ได้มีความเกรงกลัวผมเลย เธอจะชอบพูดตลอดว่าผมใส่แว่นเหมือนเด็กติ๋มสงสัยที่เธอจะไม่กลัวผมเพราะแบบนั้น เฮ้อ “ไม่ต้องถาม แด๊ดบอกว่าอย่าทำก็คืออย่าทำ” ผมพูดบอกเธอจบก็เปิดหนังสือหน้าที่อ่านค้างอยู่เพื่ออ่านต่อ แต่ด้วยความเป็นเด็กขี้สงสัยของมายูเธอก็ไม่ลดละความพยามที่จะถามผมเอาคำตอบให้ได้
“แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ ทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลสิว่าเพราะอะไร” ฉันพูดพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นและแบมือออกเพื่อที่จะเอาคำตอบจากแด๊ดเคนโซ่ “ทำไมถึงทำไม่ได้คะ?”
“เสร็จแล้ว ขึ้นห้องไปไป๊” พอปลดตะขอเสื้อในให้มายูเสร็จผมก็ดันหลังเธอให้ลุกออกจากระหว่างขาของผมทันที
“เลิกสงสัยได้แล้วขึ้นไปเปลี่ยนชุดไป” ผมไล่เธอให้ขึ้นไปเปลี่ยนถอดชุดนักเรียนออกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามนั้นกับเธอ
พอเห็นว่าถามยังไงแด๊ดก็ไม่ยอมบอกก็เลยสบัดตูดขึ้นห้องนอนมาเปลี่ยนชุด “เชอะ!”
หลังจากที่มายูเดินขึ้นห้องผมก็เอนหัวพิงกับพนักพิงโซฟาทันที เพราะรู้สึกเอือมระอาและเหนื่อยที่จะตอบคำถามของเธอ...วันๆ ไม่รู้จะสงสัยอะไรนัก
กริ่งๆ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นและพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ต้องแปลกใจที่เบอร์นี้โทรเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปสักพัก “สวัสดีครับครู” ตอนนี้ผมกำลังลุ้นอยู่ว่าครูประจำชั้นของมายูจะโทรมาหาผมเรื่องอะไร
“เอ่อ...วันนี้มายูโดดเรียนสามวิชาค่ะ” ฉันทำใจอยู่นานที่จะโทรมาบอกพ่อของมายูดีหรือเปล่าแต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ แล้วฉันก็ไม่อยากจะเห็นเด็กนักเรียนของตัวเองเรียนซ้ำชั้นอีกด้วยเลยคิดว่าโทรมาปรึกษาคุณพ่อของเธอน่าจะดีกว่า
“โดดเรียนอีกแล้วเหรอครับ..” และเรื่องที่ครูบอกก็เป็นเรื่องที่ผมไม่อยากจะฟังเลย “โดดเรียนวิชาอะไรครับ..”
“วิชาคณิตศาสตร์ อังกฤษ แล้วก็เพศศึกษาค่ะ”
ดูเหมือนว่าลูกสาวของเราจะสร้างเรื่องอีกแล้วดูจากที่เฮียโซ่คุยกับครูของมายูหน้ามุ่ยแบบนั้นแล้ว เด็กนี่แสบจริงๆ
“แล้วมายูโดดเรียนไปไหนครับ”
“เห็นบรรณารักษ์ห้องสมุดบอกว่าเธอแอบเข้าไปอ่านการ์ตูนอยู่ในนั้นจนถึงเลิกเรียนเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับคุณครูเดี๋ยวผมจะจัดการเธอเอง” ผมรีบวางสายทันทีเพราะคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับมายูแล้วขืนปล่อยไปแบบนี้เหมือนครั้งก่อนๆ เธอได้เรียนซ้ำชั้นแน่ และผมก็ไม่อยากที่จะใช้เงินยัดเพื่อให้เธอเรียนจบเหมือนตอนมอต้นแล้วด้วย
“ตีเลยไหมเฮีย ฮ่าๆ” ผมพูดแหย่เฮียขำๆ เพราะเห็นว่าเฮียดูจะเครียดกับมายูลูกสาวของเราเอามากๆ
ห้องนอนเคนโซ่...
ตอนแรกผมก็กะว่าจะเข้าไปคุยกับมายูที่ห้องแต่ผมเคลียร์งานนานไปหน่อยพอเปิดเข้าไปก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้วเลยไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมาคุย “พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน” พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดีผมมีเวลาคุยปรับทัศนคติลูกสาวตัวแสบของผมได้ทั้งวันเลยล่ะ
ครืน ครืน เปรี๊ยง!
ขณะที่ผมกำลังจะเอนหลังลงนอนก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหมือนว่าคืนนี้จะฝนตกหนัก ผมหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูแล้วก็เห็นว่าตอนนี้เกือบจะตีหนึ่งได้แล้ว ''คงไม่ตื่นหลอกมั้ง'' ผมกลัวว่าคนที่จะตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเสียงฟ้าร้องนั่นจะเกิดงอแงเข้ามานอนห้องผมอีกเหมือนทุกครั้ง แต่ดึกป่านนี้แล้วเธอคงจะหลับสนิทแล้วล่ะ ผมเองก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นแต่ก็อดจ้องมองไปที่ประตูไม่ได้ “หาว~”
ครืน เปรี๊ยง!!
แก๊ก!
ห้องนอนซีนาย...
“ฮึกๆ ...” เสียงฟ้าร้องนั่นทำให้ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นจนต้องมานอนในที่หลบภัย และห้องแด๊ดซีนายก็ไม่ได้ล็อกพอดี ฉันหมุนตัวเข้าไปซุกกอดแด๊ดเพราะหาเกาะป้องกันจากเสียงฟ้าร้องที่ดังคำรามน่ากลัวนั่น และถึงฉันจะเหม็นกลิ่นเหล้าที่ตัวแด๊ดมากแค่ไหนก็ต้องฝืนนอนที่นี่เพราะแด๊ดเคนโซ่ล็อกห้องนอนไว้ฉันเลยเข้าไม่ได้
“กินหรืออาบมาเนี่ยแด๊ด!” ขนาดฉันพูดบ่นขนาดนี้แด๊ดซีนายยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยไม่รู้ว่าหลับหรือน็อกเหล้าตายไปแล้ว แต่ก็ยังดีกว่านอนในห้องคนเดียวล่ะวะ
เวลา9โมงเช้า...
ผมนอนหลับตาลูบคลำเรือนร่างของผู้หญิงที่ผมหิ้วมานอนที่บ้านเมื่อคืนหลังกลับจากไปเที่ยวผับ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ผมพากลับมาหน้าตาเป็นยังไงแต่เพียงแค่ได้กลิ่นหอมๆ จากซอกคอของเธอและผิวเนียนนุ่มที่เหมือนผิวเด็กบนร่างเล็กๆ นี่แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องสวยมากแม้จะยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองก็ตาม
ผมเริ่มลากมือขึ้นมาบีบก้อนเนื้อนุ่มบนหน้าอกของเธออย่างเบามือพร้อมกับใช้แกนชายที่เริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นบดเบียดเด้าบั้นท้ายสวยของเธอ
(แต่...เมื่อคืนกูแดกเหล้าที่บ้านนี่หว่า)
พอผมเริ่มสร่างเมาขี้ตาและจำความได้ก็ลืมตาขึ้นมองคนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของผมทันทีว่าเธอคือใครและผมก็ต้องเห็นเข้ากับสีหน้าของเด็กสาวที่ผมคุ้นชินกับใบหน้าของเธอดีและตอนนี้เธอกำลังขมวดคิ้วและยกคิ้วข้างนึงขึ้นก่อนจะลากสายตาขึ้นลงมองที่หน้าของผมด้วยท่าทางกวนโอ๊ย
“ทำอะไรของแด๊ดเนี่ย!” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะรู้สึกเจ็บที่แด๊ดบีบนวดตัวฉัน ไม่รู้ว่าที่เขาทำเพราะนอนละเมอหรือจะแกล้งให้ฉันตื่นกันแน่
“หยุดเอาอะไรแข็งๆ มาทิ่มก้นมายูได้แล้ว มายูจะนอน” ผลัก! ฉันใช้มือดันของแข็งที่กำลังทิ่มก้นของฉันอยู่ให้ออกห่างจากก้นของฉันเพราะสิ่งนั้นมันทำให้ฉันรำคาญและมันก็กวนเวลานอนพักผ่อนยาวๆ ในวันหยุดแบบนี้
มือน้อยของมายูหมับเข้าที่แกนชายของผมก่อนจะดันเป้าผมให้ถอยออกห่าง “อุ๊ย! มายูกลับไปนอนห้องดีกว่าไหม”
ตอนนี้ผมอยากให้เธอย้ายกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองมากๆ เพราะว่าผมเกิดรู้สึกผิดที่มีอารมณ์แบบนั้นกับมายูแถมผมยังเผลอไปลวนลามเธออีก แล้วดูท่าแกนชายของผมจะยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นเมื่อมันโดนสัมผัสด้วยมือเล็กของเด็กคนนี้ เฮ้อ…
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
รลิน หมอศัลยแพทย์ทั่วไป เธออายุ 27 แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ เธอยังชำนาญด้านแพทย์แผนจีน เรื่องพิษ คนทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลที่รู้จักเธอ รับรู้แค่เธอเป็นหมอลินที่ทั้งสวยและเก่ง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้น เธอคือนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน เธอต้องเรียนรู้และเข้าให้ถึงทุกอาชีพตามที่องค์กรสอน เมื่อได้ภารกิจต้องเข้าให้ถึงทุกบทบาท
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด