ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
• ACTION •
เหตุผลที่โซ่ไม่ยอมพูด : ตั้งแต่เด็กโซ่เป็นคนที่ฟันยื่นออกมานอกปากเข้าขั้นรุนแรง ถึงขั้นไม่สามารถที่จะหุบปากให้สนิทได้ และการที่รูปลักษณ์ของเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้โซ่โดนเพื่อนกลั่นแกล้งตั้งแต่ชั้นปฐมจนถึงมัธยมปลาย เขาเลยเอาแต่อมฟัน เอามือปิดปากและไม่ยอมพูดเก็บตัวอยู่หลังห้องเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร และมันก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กอ่อนแอและขี้กลัว โดนเพื่อนในห้องคอยกลั่นแกล้งอยู่ประจำ
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับโซ่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดปากหรือเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้ยิน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นฟันที่น่ารังเกียจนั้นของตน จนทำให้เขามีฉายาในโรงเรียนว่าใบ้ และไม่มีใครรู้ชื่อเล่นของเขาเลย นอกจากชื่อจริงที่ปักอยู่ที่เสื้อนักเรียนตรงหน้าอก (ลวิตร เกรียงธนัตถ์) แต่ก็มีเพียงเธอคนนั้นที่ไม่เคยมองว่าเขาแปลกประหลาดหรือน่ารังเกียจอย่างที่คนอื่นพูดเลย แต่กลับกันเธอมองคนพวกนั้นที่คอยกลั่นแกล้งเขาต่างหากที่น่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ยิ่งกว่าโซ่ซะอีก
6ปีก่อน..
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ในห้องเริ่มเบาเสียงลงเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ครูประจำวิชาจะเข้าสอน แต่ก็มีเสียงของเด็กเกเรหลังห้องดังอยู่ไม่หยุด...
“พูดดิไอใบ้! พูดดิวะ!” เด็กเกเรพูดพลางผลักไหล่ของคนขี้กลัวเต็มแรง หนำซ้ำยังมีมือของเด็กเกเรอีกสองสามคน รุมตีหัวของโซ่เล่นด้วยความสนุกอีกด้วย และพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหนำซ้ำยังมองว่าเป็นความเท่ห์ที่เด็กเกเรอย่างเขาควรจะทำกับคนอ่อนแอ
“ฟันหรือเล็บตีนหมาวะไอเหี้ย โคตรน่าเกลียดเลยไอสัต ฮ่าๆ” เพชรหัวโจกของเด็กเกเรหลังห้องพูดขึ้นในขณะที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนของโซ่
“เห้ย! พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรนักเนี่ย?!” เสียงห้าวของเด็กสาวในชุดมอปลายที่นั่งอยู่หน้าห้องพูดขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่หลังห้องเพื่อสงบเสียงน่ารำคาญนั้น “มึงจะแกล้งไอใบ้มันทำไมนัก ก็รู้อยู่ว่ามันไม่พูด” หัวหน้าห้องสาวใจกล้าพูดดุเด็กเกเรที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหารังแกเพื่อนร่วมชั้นอยู่
“จะดุทำไมเนี่ยเป๋า บอกดีๆ เราก็เงียบให้แล้ว” เพชรพูดอย่างใจเย็นกับสาวที่ตนชอบ
กระเป๋ามองหน้าของเพชรอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปดุเพื่อนชายที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างคนขี้ขลาด “แล้วมึงเป็นบ้าอะไร นั่งให้มันแกล้งอยู่ได้ ลุกมานี่!” ว่าแล้วเป๋าก็กระชากแขนของโซ่ลุกขึ้นพาไปนั่งที่หน้าห้องกับเธอ เพราะเห็นว่าโซ่นั้นปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วภาพนั้นมันก็ขัดใจเธอมากสุดๆ ที่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายแต่กลับอ่อนแอกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงซะอีก
นอกจากกระเป๋าจะไม่กลัวเด็กผู้ชายในห้องแล้ว เธอยังเด็ดขาดมากอีกด้วยกับการที่จะจัดการเรื่องไม่ถูกต้องนี้ และเพราะความใจกล้านั้นทำให้เธอได้เป็นหัวหน้าห้องและกลายเป็นประธานนักเรียนหญิงคนแรกของโรงเรียนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่างทั้งหน้าตาและความสามารถและมีความเป็นผู้นำสุดๆ เธอคอยจัดการเรื่องในโรงเรียนได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ของเธอ แถมเธอยังเป็นขวัญใจทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องอีกด้วย ไม่เว้นแต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังพากันรุมชอบเธอ
@วันปัจฉิมปี2560
ในวันปัจฉิมที่นักเรียนชั้นมอสาม และมอหกของโรงเรียนจะต้องอำลาเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและรวมไปถึงชุดนักเรียนที่ตนใส่อยู่ด้วย เพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่ในช่วงต่อไปของชีวิตที่โตขึ้น
“เป๋า เขียนเสื้อให้เราหน่อยดิ” เพชรเดินมาพร้อมปากกาและดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“หันหลังมา” กระเป๋าดึงปากกาที่มือของเพชรไป ก่อนที่จะเขียนคำสั้นๆ ลงที่เสื้อด้านหลังของเขา (ลาก่อน)
“เดี๋ยวเป๋า...” เพชรเรียกหยุดกระเป๋าไว้เมื่อเธอเขียนเสร็จและยื่นปากกาคืนให้กับตน “อ่ะ เราให้”
ดอกไม้ช่อโตที่เพชรเตรียมมาถูกยื่นไปยังด้านหน้าของผู้หญิงที่เขาปลื้มมาเป็นเวลานาน แต่ไม่กล้าที่จะจีบเพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เขาจะได้มาครอบครองง่ายๆ แม้ว่าเขาจะเป็นขวัญใจของผู้หญิงในโรงเรียนนี้แต่ก็ไม่ใช่กับกระเป๋าเพื่อนร่วมชั้น
“ขอบใจ” ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั้นๆ ห้วนๆ แต่มันก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นยิ้มไม่หุบถึงจะรู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าของตัวเองก็ตาม แต่เพียงแค่ได้มอบมันให้กับเธอ ก็ทำให้ใจของคนเกเรฟูขึ้นมาได้
วันนี้ฉันมองหาไอใบ้ทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปแอบอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเรียนจบแท้ๆ “เห็นไอใบ้ป่ะ?” กระเป๋าถามหากับเพื่อนในห้องของเธอ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าโซ่หายไปอยู่ที่ไหน จนเธอเริ่มออกตามหาเขาทั่วโรงเรียนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะโดนเด็กเกเรแกล้งอยู่ในที่ลับตาคนอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง...
หลังตึกเรียนอาคารสาม...
ณ.มุมอับที่ลับตาคนแบบนี้ กลับมีเด็กผู้ชายในชุดมอปลายคนนึงนั่งยองๆ อยู่ ในขณะที่มือของเขาก็ขย้ำเศษอาหารเพื่อเอาให้กับหมาแม่ลูกอ่อนที่มาแอบคลอดลูกอยู่หลังตึก “อ่ะ...” เสียงแผ่วเบานั้นทำคนที่แอบฟังอยู่ตื่นเต้นเอามากเมื่อได้ยิน
“ไอใบ้! เมื่อกี้มึงพูดเหรอ?” กระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางตกใจ เพราะตั้งแต่เรียนกับโซ่มาตั้งแต่มอหนึ่ง จนจบมอหกก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่แอะเดียว
คนตัวสูงรีบส่ายหัวตอบกลับพร้อมกับเดินถอยหลังหนีจนชิดกำแพงด้วยความหวาดกลัว “...”
“เพื่อนเขากินเลี้ยงกันอยู่ที่ห้อง มึงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?” กระเป๋าเอ่ยถามในฐานะหัวหน้าห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนหายออกมาจากห้อง
“...” โซ่ชี้ไปที่หมาเพื่อบอกว่าตนเอาข้าวมาให้มัน
''เอาข้าวมาให้หมาเหรอ?''
“...” พยักหน้าตอบกลับด้วยแววตาของคนขี้ขลาด
กระเป๋าสังเกตเห็นว่ามือของโซ่เลอะข้าวอยู่เลยเดินไปเปิดก๊อกและลากสายยางมาหาโซ่ แต่ท่าว่าโซ่กลับนั่งลงที่พื้นและยกแขนขึ้นป้องกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเขาคิดว่าเธอกำลังจะฉีดน้ำใส่เขาเหมือนกับที่เด็กคนอื่นๆ เคยทำ เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้นเมื่อแกล้งให้เขากลัวมันดังก้องอยู่ในหัวจนไม่อาจลืม ความระแวงจึงผุดขึ้นเพราะคิดว่าเธอจะทำเช่นนั้น
“เฮ้อ~” ท่าทางขี้กลัวของเขาทำให้เธอหงุดหงิดเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเข้าใจได้ เพราะรู้ว่าเขาเจอเรื่องแบบนั้นอยู่ตลอด ก็ไม่แปลกที่เขาจะกลัวเธอ ''เอามือมานี่'' ว่าแล้วกระเป๋าก็คว้ามือข้างที่เลอะของโซ่มาล้างน้ำให้ อย่างไม่รังเกียจเศษอาหารที่ติดอยู่ที่มือของเขาเลยแม้แต่น้อย ''ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ มึงจะใช้ชีวิตยังไงฮะ กูนึกไม่ออกเลย'' กระเป๋าพูดพลางส่ายหัวด้วยความสงสัย และแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ไพเราะแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
“...” โซ่ยังคงเงียบและนิ่งอยู่ตลอด จนกระเป๋าล้างมือให้ตนเสร็จ
“ลุกขึ้น กลับไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ห้อง” เธอบอกกับโซ่ก่อนจะหันหลังเดินไปเพราะคิดว่าเขาจะทำตามคำสั่ง แต่ก็ต้องหยุดและหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา “มาสิวะ!”
“...” โซ่ปัดมือไล่เพื่อบอกให้กระเป๋านั้นกลับไปเพราะเขาจะไม่เดินตามเธอกลับไปที่นั่น
“ก็ไปด้วยกันสิ”
“...” ส่ายหัวตอบกลับ
“จะเอายังไง จะแอบอยู่ที่นี่จนถึงเวลาครูปล่อยกลับบ้านเลยใช่ไหม!?” กระเป๋าถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและท่าทางไม่พอใจ ซึ่งคำตอบของคนขี้ขลาดก็ยังคงพยักหน้าสั้นๆ เช่นเดิม “งั้นก็ตามใจ!”
ช่วงเย็น...
ในเวลาที่ทุกคนกลับบ้านกันจนหมดแล้ว ก็เป็นเวลาที่โซ่จะเดินกลับบ้านของตนเหมือนกับทุกๆ วัน การเรียนจบของเขามันแสนลำบากมาก เขาเลยไม่คิดที่จะเรียนต่อและออกมาทำงานรับจ้างเลี้ยงดูยายแบบเรียบง่าย และไม่คิดที่จะต่อมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นเพราะฐานะที่ยากจนและเรื่องหนักใจที่ตนเจอตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ถึงแม้ว่าตนจะมีเกรดเฉลี่ยที่ดีติดท็อปสามของห้องทุกปีก็ตาม...
บ้านโซ่...
เมื่อกลับมาถึงบ้านซอมซ่อของตน เขาก็ต้องตกใจที่เห็นว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นเรียนมานั่งคุยอยู่กับยายของตนที่บ้าน
“ไงโซ่ กลับมาบ้านแล้วเหรอ?” โซ่แสดงท่าทางตกใจและหวาดกลัวมากเมื่อได้ยินว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นของตน เรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่เขาไม่เคยพูดบอกใครมาก่อน “งั้นเดี๋ยวหนูกลับก่อนนะคะยาย ไว้มาเยี่ยมใหม่นะคะ” กระเป๋ายกมือขึ้นไหว้ยายของโซ่อย่างสุภาพ ก่อนจะเดินสวนกับโซ่ออกจากบ้านไป
“เพื่อนเองมารอตั้งพักใหญ่แล้ว ทำไมเพิ่งกลับมาฮะ?” เสียงยายแก่ที่มีลักษณะฟันเหมือนกันกับโซ่เอ่ยถามหลานชายของตน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา หนำซ้ำเขายังมีท่าทางไม่พอใจที่ยายเอาเรื่องของตนไปบอกกับคนอื่นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[กด💛 เพิ่มเข้าชั้น✅ คอมเมนท์ให้กำลังใจ😍 และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"