ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
ฉันเชื่อว่าไอโซ่มันไม่ได้เป็นใบ้ และสักวันนึงฉันจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้…
• ACTION •
เหตุผลที่โซ่ไม่ยอมพูด : ตั้งแต่เด็กโซ่เป็นคนที่ฟันยื่นออกมานอกปากเข้าขั้นรุนแรง ถึงขั้นไม่สามารถที่จะหุบปากให้สนิทได้ และการที่รูปลักษณ์ของเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้โซ่โดนเพื่อนกลั่นแกล้งตั้งแต่ชั้นปฐมจนถึงมัธยมปลาย เขาเลยเอาแต่อมฟัน เอามือปิดปากและไม่ยอมพูดเก็บตัวอยู่หลังห้องเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร และมันก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กอ่อนแอและขี้กลัว โดนเพื่อนในห้องคอยกลั่นแกล้งอยู่ประจำ
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับโซ่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดปากหรือเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้ยิน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นฟันที่น่ารังเกียจนั้นของตน จนทำให้เขามีฉายาในโรงเรียนว่าใบ้ และไม่มีใครรู้ชื่อเล่นของเขาเลย นอกจากชื่อจริงที่ปักอยู่ที่เสื้อนักเรียนตรงหน้าอก (ลวิตร เกรียงธนัตถ์) แต่ก็มีเพียงเธอคนนั้นที่ไม่เคยมองว่าเขาแปลกประหลาดหรือน่ารังเกียจอย่างที่คนอื่นพูดเลย แต่กลับกันเธอมองคนพวกนั้นที่คอยกลั่นแกล้งเขาต่างหากที่น่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ยิ่งกว่าโซ่ซะอีก
6ปีก่อน..
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ในห้องเริ่มเบาเสียงลงเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ครูประจำวิชาจะเข้าสอน แต่ก็มีเสียงของเด็กเกเรหลังห้องดังอยู่ไม่หยุด...
“พูดดิไอใบ้! พูดดิวะ!” เด็กเกเรพูดพลางผลักไหล่ของคนขี้กลัวเต็มแรง หนำซ้ำยังมีมือของเด็กเกเรอีกสองสามคน รุมตีหัวของโซ่เล่นด้วยความสนุกอีกด้วย และพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหนำซ้ำยังมองว่าเป็นความเท่ห์ที่เด็กเกเรอย่างเขาควรจะทำกับคนอ่อนแอ
“ฟันหรือเล็บตีนหมาวะไอเหี้ย โคตรน่าเกลียดเลยไอสัต ฮ่าๆ” เพชรหัวโจกของเด็กเกเรหลังห้องพูดขึ้นในขณะที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนของโซ่
“เห้ย! พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรนักเนี่ย?!” เสียงห้าวของเด็กสาวในชุดมอปลายที่นั่งอยู่หน้าห้องพูดขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่หลังห้องเพื่อสงบเสียงน่ารำคาญนั้น “มึงจะแกล้งไอใบ้มันทำไมนัก ก็รู้อยู่ว่ามันไม่พูด” หัวหน้าห้องสาวใจกล้าพูดดุเด็กเกเรที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหารังแกเพื่อนร่วมชั้นอยู่
“จะดุทำไมเนี่ยเป๋า บอกดีๆ เราก็เงียบให้แล้ว” เพชรพูดอย่างใจเย็นกับสาวที่ตนชอบ
กระเป๋ามองหน้าของเพชรอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปดุเพื่อนชายที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างคนขี้ขลาด “แล้วมึงเป็นบ้าอะไร นั่งให้มันแกล้งอยู่ได้ ลุกมานี่!” ว่าแล้วเป๋าก็กระชากแขนของโซ่ลุกขึ้นพาไปนั่งที่หน้าห้องกับเธอ เพราะเห็นว่าโซ่นั้นปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วภาพนั้นมันก็ขัดใจเธอมากสุดๆ ที่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายแต่กลับอ่อนแอกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงซะอีก
นอกจากกระเป๋าจะไม่กลัวเด็กผู้ชายในห้องแล้ว เธอยังเด็ดขาดมากอีกด้วยกับการที่จะจัดการเรื่องไม่ถูกต้องนี้ และเพราะความใจกล้านั้นทำให้เธอได้เป็นหัวหน้าห้องและกลายเป็นประธานนักเรียนหญิงคนแรกของโรงเรียนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่างทั้งหน้าตาและความสามารถและมีความเป็นผู้นำสุดๆ เธอคอยจัดการเรื่องในโรงเรียนได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ของเธอ แถมเธอยังเป็นขวัญใจทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องอีกด้วย ไม่เว้นแต่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังพากันรุมชอบเธอ
@วันปัจฉิมปี2560
ในวันปัจฉิมที่นักเรียนชั้นมอสาม และมอหกของโรงเรียนจะต้องอำลาเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและรวมไปถึงชุดนักเรียนที่ตนใส่อยู่ด้วย เพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่ในช่วงต่อไปของชีวิตที่โตขึ้น
“เป๋า เขียนเสื้อให้เราหน่อยดิ” เพชรเดินมาพร้อมปากกาและดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ
“หันหลังมา” กระเป๋าดึงปากกาที่มือของเพชรไป ก่อนที่จะเขียนคำสั้นๆ ลงที่เสื้อด้านหลังของเขา (ลาก่อน)
“เดี๋ยวเป๋า...” เพชรเรียกหยุดกระเป๋าไว้เมื่อเธอเขียนเสร็จและยื่นปากกาคืนให้กับตน “อ่ะ เราให้”
ดอกไม้ช่อโตที่เพชรเตรียมมาถูกยื่นไปยังด้านหน้าของผู้หญิงที่เขาปลื้มมาเป็นเวลานาน แต่ไม่กล้าที่จะจีบเพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เขาจะได้มาครอบครองง่ายๆ แม้ว่าเขาจะเป็นขวัญใจของผู้หญิงในโรงเรียนนี้แต่ก็ไม่ใช่กับกระเป๋าเพื่อนร่วมชั้น
“ขอบใจ” ถึงแม้ว่าจะเป็นคำสั้นๆ ห้วนๆ แต่มันก็ทำให้คนที่ได้ยินนั้นยิ้มไม่หุบถึงจะรู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าของตัวเองก็ตาม แต่เพียงแค่ได้มอบมันให้กับเธอ ก็ทำให้ใจของคนเกเรฟูขึ้นมาได้
วันนี้ฉันมองหาไอใบ้ทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปแอบอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเรียนจบแท้ๆ “เห็นไอใบ้ป่ะ?” กระเป๋าถามหากับเพื่อนในห้องของเธอ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าโซ่หายไปอยู่ที่ไหน จนเธอเริ่มออกตามหาเขาทั่วโรงเรียนด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะโดนเด็กเกเรแกล้งอยู่ในที่ลับตาคนอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง...
หลังตึกเรียนอาคารสาม...
ณ.มุมอับที่ลับตาคนแบบนี้ กลับมีเด็กผู้ชายในชุดมอปลายคนนึงนั่งยองๆ อยู่ ในขณะที่มือของเขาก็ขย้ำเศษอาหารเพื่อเอาให้กับหมาแม่ลูกอ่อนที่มาแอบคลอดลูกอยู่หลังตึก “อ่ะ...” เสียงแผ่วเบานั้นทำคนที่แอบฟังอยู่ตื่นเต้นเอามากเมื่อได้ยิน
“ไอใบ้! เมื่อกี้มึงพูดเหรอ?” กระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางตกใจ เพราะตั้งแต่เรียนกับโซ่มาตั้งแต่มอหนึ่ง จนจบมอหกก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่แอะเดียว
คนตัวสูงรีบส่ายหัวตอบกลับพร้อมกับเดินถอยหลังหนีจนชิดกำแพงด้วยความหวาดกลัว “...”
“เพื่อนเขากินเลี้ยงกันอยู่ที่ห้อง มึงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?” กระเป๋าเอ่ยถามในฐานะหัวหน้าห้องเมื่อเห็นว่าเพื่อนหายออกมาจากห้อง
“...” โซ่ชี้ไปที่หมาเพื่อบอกว่าตนเอาข้าวมาให้มัน
''เอาข้าวมาให้หมาเหรอ?''
“...” พยักหน้าตอบกลับด้วยแววตาของคนขี้ขลาด
กระเป๋าสังเกตเห็นว่ามือของโซ่เลอะข้าวอยู่เลยเดินไปเปิดก๊อกและลากสายยางมาหาโซ่ แต่ท่าว่าโซ่กลับนั่งลงที่พื้นและยกแขนขึ้นป้องกันด้วยความหวาดกลัว เพราะเขาคิดว่าเธอกำลังจะฉีดน้ำใส่เขาเหมือนกับที่เด็กคนอื่นๆ เคยทำ เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้นเมื่อแกล้งให้เขากลัวมันดังก้องอยู่ในหัวจนไม่อาจลืม ความระแวงจึงผุดขึ้นเพราะคิดว่าเธอจะทำเช่นนั้น
“เฮ้อ~” ท่าทางขี้กลัวของเขาทำให้เธอหงุดหงิดเล็กๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเข้าใจได้ เพราะรู้ว่าเขาเจอเรื่องแบบนั้นอยู่ตลอด ก็ไม่แปลกที่เขาจะกลัวเธอ ''เอามือมานี่'' ว่าแล้วกระเป๋าก็คว้ามือข้างที่เลอะของโซ่มาล้างน้ำให้ อย่างไม่รังเกียจเศษอาหารที่ติดอยู่ที่มือของเขาเลยแม้แต่น้อย ''ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ มึงจะใช้ชีวิตยังไงฮะ กูนึกไม่ออกเลย'' กระเป๋าพูดพลางส่ายหัวด้วยความสงสัย และแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ได้ไพเราะแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
“...” โซ่ยังคงเงียบและนิ่งอยู่ตลอด จนกระเป๋าล้างมือให้ตนเสร็จ
“ลุกขึ้น กลับไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ห้อง” เธอบอกกับโซ่ก่อนจะหันหลังเดินไปเพราะคิดว่าเขาจะทำตามคำสั่ง แต่ก็ต้องหยุดและหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา “มาสิวะ!”
“...” โซ่ปัดมือไล่เพื่อบอกให้กระเป๋านั้นกลับไปเพราะเขาจะไม่เดินตามเธอกลับไปที่นั่น
“ก็ไปด้วยกันสิ”
“...” ส่ายหัวตอบกลับ
“จะเอายังไง จะแอบอยู่ที่นี่จนถึงเวลาครูปล่อยกลับบ้านเลยใช่ไหม!?” กระเป๋าถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและท่าทางไม่พอใจ ซึ่งคำตอบของคนขี้ขลาดก็ยังคงพยักหน้าสั้นๆ เช่นเดิม “งั้นก็ตามใจ!”
ช่วงเย็น...
ในเวลาที่ทุกคนกลับบ้านกันจนหมดแล้ว ก็เป็นเวลาที่โซ่จะเดินกลับบ้านของตนเหมือนกับทุกๆ วัน การเรียนจบของเขามันแสนลำบากมาก เขาเลยไม่คิดที่จะเรียนต่อและออกมาทำงานรับจ้างเลี้ยงดูยายแบบเรียบง่าย และไม่คิดที่จะต่อมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นเพราะฐานะที่ยากจนและเรื่องหนักใจที่ตนเจอตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ถึงแม้ว่าตนจะมีเกรดเฉลี่ยที่ดีติดท็อปสามของห้องทุกปีก็ตาม...
บ้านโซ่...
เมื่อกลับมาถึงบ้านซอมซ่อของตน เขาก็ต้องตกใจที่เห็นว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นเรียนมานั่งคุยอยู่กับยายของตนที่บ้าน
“ไงโซ่ กลับมาบ้านแล้วเหรอ?” โซ่แสดงท่าทางตกใจและหวาดกลัวมากเมื่อได้ยินว่ากระเป๋าเพื่อนร่วมชั้นของตน เรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่เขาไม่เคยพูดบอกใครมาก่อน “งั้นเดี๋ยวหนูกลับก่อนนะคะยาย ไว้มาเยี่ยมใหม่นะคะ” กระเป๋ายกมือขึ้นไหว้ยายของโซ่อย่างสุภาพ ก่อนจะเดินสวนกับโซ่ออกจากบ้านไป
“เพื่อนเองมารอตั้งพักใหญ่แล้ว ทำไมเพิ่งกลับมาฮะ?” เสียงยายแก่ที่มีลักษณะฟันเหมือนกันกับโซ่เอ่ยถามหลานชายของตน แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา หนำซ้ำเขายังมีท่าทางไม่พอใจที่ยายเอาเรื่องของตนไปบอกกับคนอื่นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[กด💛 เพิ่มเข้าชั้น✅ คอมเมนท์ให้กำลังใจ😍 และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานได้สองปี เซี่ยหนิงซีนอนจมกองเลือดเมื่อเธอคลอดบุตรยาก แต่เธอลืมไปว่าวันนี้เป็นงานแต่งงานของเขากับคนอื่น ฮั่วหนานเซียวพูดว่า "คลอดเด็กออกมา เราไปหย่ากัน" สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ แต่ทารกที่เพิ่งเกิดใหม่กลับต้องไปเรียกคนอื่นเป็นแม่ เซี่ยหนิงซียอมตายบนห้องผ่าตัดเสียดีกว่า แต่ปรากฏว่ามีทารกในครรภ์สองคนอยู่ในท้องของเธอ! เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง เขาก็ตกหลุมรักเธอ แต่เธอก็จะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว และมีลูกสองคน ฮั่วหนานเซียวเป็นบ้าขึ้นมาและวิ่งไปในงานแต่งงานของเธอ... "ฮั่วหนานเซียว ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ฉันจะเอาชีวิตคุณให้ได้ " เซี่ยหนิงซีทำลายคนรักของเธอด้วยมือของเธอเอง แต่เธอไม่รู้ว่าตอนที่เขารู้ว่าเธอเสียชีวิตนั้น ฮั่วหนานเซียวไม่เปิดใจให้ใครอีกตั้งแต่คืนนั้น เขารอมาตั้งพันกว่าวันด้วยความทุกข์ใจเพียงเพื่อพบเธออีกครั้ง...
หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด