S1 (สองแฝดตัวแสบ) ลูกสาวของเมียใหม่พ่อน่ารักดีว่ะ ดูอ่อนแอน่าแกล้งดี…3P
• ACTION •
“ย้ายออกไปแล้วก็ดูแลลูกดีๆ ล่ะสั่งสอนกันดีๆ ระวังเถอะ เดี๋ยวลูกมึงมันจะได้ผัวไวตามแม่มัน…ผัวตายไม่เท่าไหร่ก็มีผัวใหม่ซะแล้ว”
เสียงป้าเจ้าของห้องรูหนูที่สองแม่ลูกเช่าอยู่พูดขึ้นกระแนะกระแหน สาววัยกลางคนที่เสียสามีที่คบกันมาสิบปีไป ซึ่งพ่อของเด็กสาวนั้นก็ได้จากไปนานเกือบปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ที่บ้านเช่าแห่งนี้ก็มีแค่โบนิตา ‘นิต้า’ และหญิงอีกคนที่เธอเรียกว่าแม่มานานถึงสิบปี ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนแม่แท้ๆ ของเธอ เมื่อสิบปีก่อนหลังจากที่แม่แท้ๆ ของเธอเสียไป
“ถ้าพูดเพราะหวังดีจริงๆ ก็ขอบใจนะจ๊ะ” เสียงหญิงสาววัยสี่สิบปีพูดตอบกลับเสียงนิ่ง ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ก่อนจะจูงมือลูกสาววัยสิบแปดเข้าไปด้านในห้องเพื่อเก็บของสำคัญเท่าที่มีอยู่และเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่
ภายในห้อง…
“แม่ไม่ต้องฟังคำพูดของป้าเขานะ นิต้ารู้ว่าแม่รักพ่อ” เสียงหวานของเด็กสาว พูดด้วยท่าทางนุ่มนวลและอ่อนโยนเพื่อบอกกับแม่เลี้ยงที่แสนดีของเธอ เมื่อเห็นว่าน้ำใสเริ่มเอ่อคลอขึ้นที่ดวงตาของเธอผู้ที่เธอเรียกว่าแม่
ถึงแม้ว่าเธอจะตัดสินใจมีครอบครัวใหม่อีกครั้ง เธอก็ไม่เคยคิดจะทิ้งสาวน้อยคนนี้ที่เธอเรียกว่าลูกสาวไปเลยถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกที่ตนให้กำเนิด แต่เธอก็รักและเอ็นดูนิต้าเหมือนลูกแท้ๆ ด้วยความน่ารักและเป็นเด็กดีของนิต้า อีกทั้งเด็กสาวยังไม่มีใครให้เป็นที่พึ่งพานอกจากเธอ “แม่รู้ค่ะ แค่หนูเข้าใจแม่ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”
นาวีร์ (วี) ผู้เป็นแม่ดึงร่างเล็กของสาวน้อยเข้ามากอด เพื่อเพิ่มพลังความอบอุ่นและกำลังใจสู้ให้กับตัวเอง เพราะการตัดสินใจมีครอบครัวใหม่ครั้งนี้ เธอก็เลือกทำมันเพราะอยากให้เธอรวมถึงนิต้านั้นมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าจากเดิมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะว่าการอดมื้อกินมื้อมันน่ากลัวกว่าที่ใครหลายคนคิด..
เช้าวันรุ่งขึ้น…
รถตู้อัลพาร์ดคันหรูสีขาว ขับเข้ามาจอดที่หน้าห้องแถวเก่าๆ ในเขตชุมชนแออัด เพื่อมารับสาวสวยทั้งสองออกจากที่แห่งนี้ไปยังชีวิตใหม่ที่ศิวิไลกว่า และแม้ว่าที่แห่งนี้จะอยู่ในเมืองหลวงก็ตาม แต่ความเหลื่อมล้ำในระหว่างพื้นที่ก็มีอย่างเห็นได้ชัด ราวกับโลกคนละใบแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน
“มาเองเลยเหรอคะ?” เสียงหญิงสาววัยกลางคนพูดถามกับสามีใหม่ เศรษฐีร้อยล้านที่เดินทางมารับเธอกับลูกสาวถึงที่ซอมซ่อแห่งนี้ด้วยตัวเอง
“ก็ฉันตั้งใจจะมารับอยู่แล้วไง ..ว่าแต่นี่นิต้า ลูกสาวที่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม?” คุณลวิตร์ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบหกปีเอ่ยถามกับภรรยาใหม่ พรางใช้ตามองไปที่เด็กสาวน่าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังของเธอด้วยท่าทางอ่อนแอขี้กลัว
“ใช่ค่ะ นิต้าเธอเป็นเด็กขี้กลัวน่ะค่ะ …แต่ว่าเธอเป็นเด็กน่ารักนะคะ แล้วก็นิสัยดีไม่ดื้อไม่ซนด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวฉันนะหนูนิต้า ฉันจะเป็นพ่อให้หนูเอง …ต่อไปเรียกฉันว่าป๊านะ” ท่าทางใจดีและดูอบอุ่นนั้นของเขาทำให้สาวน้อยเริ่มคลายความกลัวลงและเริ่มกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงใหญ่คนที่กำลังพูดคุยกับเธออยู่ “เราไปกันเลยดีไหม?”
“ค่ะ”
ผมได้รู้เรื่องราวของสองสาวมาบ้างแล้วในส่วนหนึ่ง ซึ่งตัวผมเองก็เสียภรรยาไปได้เกือบปีแล้วเช่นกัน และจากที่ผมได้ยินมา ชีวิตของพวกเธอก็น่าสงสารมากจริงๆ จนผมไม่อาจที่จะเมินเฉยต่อสาวสวยแสนดี ที่ต้องเลี้ยงลูกสาวที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอโดยลำพังในที่ซอมซ่อแห่งนี้ได้ ผมอยากที่จะมอบโอกาสที่ดีให้กับเธอสองแม่ลูกโดยการพาทั้งคู่เข้าไปเป็นส่วนนึงกับครอบครัวของผม เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป…
เพนท์เฮ้าส์ชั้นบน สุดหรูใจกลางเมือง…
ที่นี่เป็นที่พักของสามเสือพ่อลูกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ ที่แห่งนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาอาศัยอยู่เหมือนก่อนอีกแล้ว…
“นี่เหรอเมียใหม่ป๊า?” เสียงชายหนุ่มที่ใส่เสื้อฮูทสีดำยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองมาที่สองแม่ลูก สมาชิกใหม่ที่พ่อของตนเพิ่งพาเข้ามาที่บ้าน ด้วยใบหน้าสะลึมสะลือเพราะถูกงัดขึ้นจากที่นอน เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ใช่… คนนี้ชื่อเลิฟลูกชายแฝดคนโตที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไง ส่วนอีกคนนั่นชื่อเลอแปงเป็นแฝดคนน้อง” คุณพ่อพูดแนะนำลูกชายของเขาทั้งสองคนให้กับทั้งสองสาวได้ทำความรู้จัก
“พาเข้าบ้านแบบนี้ ป๊าคงจะจริงจังสินะครับ” เสียงเลอแปงชายหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร พูดถามกับพ่อของเขา ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องเจ้าชู้ผู้หญิงเยอะของพ่อมาบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพ่อพาผู้หญิงที่ไหนเข้าบ้านเลย ตั้งแต่แม่ของตนจากไป
“ฝากตัวด้วยนะคะ” แม่ของสาวน้อยพูดขึ้นบอกกับสองหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้าน เพื่อหวังว่าพวกเขาและเธอจะสามารถอยู่ร่วมกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันได้
“ที่ปลุกผมขึ้นมา เพราะแค่อยากจะให้รู้จักเมียใหม่ป๊า แล้วก็… เด็กคนนี้ใช่ไหม” เลิฟพูดพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวอีกคนที่ยืนหลบหน้าหลบตาอยู่ทางด้านหลังของเมียใหม่ของพ่อตน
ท่าทางนิ่งขรึมและดูลึกลับน่ากลัวนั้น ทำให้เด็กสาวไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองคนที่ยืนจ้องเธออยู่ได้เลย แต่กลับกันชายอีกคนนั้นดูให้ความสนใจกับเธอมากๆ แถมยังส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธออีกด้วย และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีน่าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ลุคของทั้งคู่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เลิฟเขาดูเป็นคนที่นิ่งดุ ลึกลับและเก็บตัว แต่กับเลอแปงนั้นเขาดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย
“ส่วนนี่ นิต้า เธอเป็นลูกสาวของวี เมียใหม่ป๊า อย่าแกล้งน้องล่ะเข้าใจไหม?” คนเป็นพ่อพูดเตือนเพราะรู้จักนิสัยของลูกชายดีว่าดื้อและแสบแค่ไหน
“ผมต้องเรียกเธอว่าแม่ด้วยไหม?” เลิฟเอ่ยถามพ่อของตนหน้านิ่ง
“ไม่ต้องก็ได้นะคะ” วีเธอพูดอย่างเกรงใจ
“ก็แล้วแต่พวกแกสิ..” คนเป็นพ่อพูดขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ ยินดีต้อนรับเข้าบ้านนะครับ …แม่” เลิฟพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องนอนไป และเขาก็ไม่ได้แสดงว่าต้องการต่อต้านหรือดีใจที่มีเธอสองคนมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านแต่อย่างใด เพราะคนเก็บตัวแบบเขานั้นไม่ใช่คนที่สนใจโลกภายนอกอยู่แล้ว ซึ่งการมีเมียใหม่หรือลูกใหม่ของพ่อเขา ก็ไม่ได้กระทบกับความรู้สึกหรือการใช้ชีวิตของเขาเลยสักนิด
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"