U4 - ถ้ารอบนี้อาจารย์ให้เอฟหนูอีกเจอดีแน่! / ดี.. งั้นเอาเอฟไปเลย
U4 - ถ้ารอบนี้อาจารย์ให้เอฟหนูอีกเจอดีแน่! / ดี.. งั้นเอาเอฟไปเลย
• ACTION •
“ถ้าปีนี้แกเรียนไม่จบ เตรียมตัวเก็บข้าวของออกไปจากบ้านฉันได้เลย” เสียงคุณพ่อขาโหดพูดบอกกับลูกสาวตัวแสบ ที่ไม่ตั้งใจเรียนจนได้เรียนซ้ำเพื่อแก้รายวิชาที่ติดเอฟ
“รู้แล้วน่า” เซนตอบกลับพ่อของเธอด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อบ่นอุบ ในเช้าที่เธอกำลังจะออกไปมหาลัย
หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่...
“เพราะไอแว่นตัวเดียวเลย”
สาวสวยที่กำลังยืนรอรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะชีวิตที่เคยสุขสบายของเธอนั้นต้องมาตกอับ และเขาที่เธอพูดถึงก็เป็นอาจารย์คู่แค้นที่ทำให้เธอติดเอฟ จนต้องกลับมาเรียนแก้ใหม่อีกครั้ง พร้อมกับรุ่นน้อง
แถมเธอยังต้องโดนพ่อดุด่าอยู่ทุกวี่วัน หนำซ้ำเธอยังถูกผู้เป็นพ่อยึดรถสปอร์ตคันหรูไว้อีกต่างหาก บัตรเครดิตที่เคยได้ใช้แบบไม่จำกัดวงเงิน ตอนนี้ก็มีไว้ให้ใช้อย่างจำกัด เธอจึงโทษความเฮงซวยที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอนี้ ว่าเป็นความผิดของอาจารย์ ‘ปฐพี’
“ถ้าปีนี้แกทำให้ฉันเรียนซ้ำอีก แว่นแกแตกแน่...”
แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าเธอเป็นสิบปี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอเคารพเขาอย่างที่ควรจะทำเลย เพราะความหยิ่งทะนงและอวดดีของเธอ ที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครและคิดว่าเงินจะแก้ปัญหาให้เธอได้ทุกอย่าง...
ณ.มหาลัย...
เซนมาดักรออาจารย์ ‘ปฐพี’ อยู่ที่หน้าคณะตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะคุยข้อตกลงเรื่องเอฟที่เธอไม่ต้องการ
“ขอคุยด้วยหน่อย” เซนรีบวิ่งเข้ามาขวางหน้าอาจารย์ไว้ทันทีอย่างไร้มารยาท และนั้นก็ทำให้คนที่ไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเกลียดขี้หน้าเธอเข้าไปใหญ่
“ฉันรีบไปสอน..” คนหน้านิ่งเจ้าของแว่นเฉิ่มพูดบอกกับนิสิตสาวอย่างไม่เต็มใจคุยด้วย
เธอเบี่ยงมาขวางทางเขาไว้ เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงกำลังจะเดินหนีเธอไป...
“อาจารย์ต้องการเท่าไหร่” เซนยิงคำถามที่ดูถูกเขา ซึ่งมันก็ทำให้อีกคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องเก็บกั้นอารมณ์โกรธนั้นไว้
“เก็บเงินของเธอไว้ แล้วกลับไปตั้งใจเรียนซะลชิตา...” อาจารย์พูดจบก็ผลักไหล่ของสาวสวยเต็มแรงเพื่อต้องการให้เธอหลบทาง
“ถ้ารอบนี้อาจารย์ให้เอฟหนูอีก เจอดีแน่!” เธอตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธแค้น
“ดี.. งั้นเอาเอฟไปเลย”
“อาจารย์!!”
ผมไม่คิดว่าการเจรจากับเธอด้วยเหตุผลจะเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะยัยเด็กน่ารำคาญนั้นไม่มีสมอง พูดด้วยก็เสียเวลาเปล่า...
ช่วงเย็นของวัน...
พอผมสอบคาบสุดท้ายเสร็จ ก็กะว่าจะรีบกลับบ้านไปเคลียร์งาน เพื่อจะได้พักผ่อนในวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดให้เต็มที่
สภาพอาการที่มืดฟ้ามัวดิน ทำให้อาจารย์ที่เดินออกมาจากตึก ต้องรีบวิ่งมาที่รถเก๋งของตัวเอง และขับออกจากมหาลัยมุ่งสู่บ้านพักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีแท็กซี่ขับตามเขามาตั้งแต่มหาลัย ซึ่งในรถคันนั้นก็ไม่ใช่ศัตรูที่ไหน แต่เป็น ‘ยัยตัวแสบ’ ที่ตามป่วนเขาเมื่อเช้านั่นเอง
อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งจอดรถเสร็จ ยังไม่ทันได้เดินเข้าบ้าน ก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้นหยุดเขาไว้ซะก่อน
กริ๊ง!
บ้านผมไม่เคยมีแขกที่ไหนเข้ามาเลย หากไม่ใช่คนที่รู้ที่อยู่ผมจริงๆ นั่นคือเจ้านายเก่า แต่เมื่อเปิดประตูออกก็ต้องหัวเสีย ที่เห็นว่าเป็นยัยเด็กบ้านี่...
“มาทำไม?”
“มาคุยธุระค่ะ” เธอเดินเข้ามาด้านในรั้วบ้านหน้าตาเฉย ก่อนจะโดนเจ้าของบ้านจับโยนออกไปทันทีทันควัน
ปุก!
“กลับบ้านไปแล้วอย่ามาที่นี่อีก” ปึก! เขาเปิดประตูไล่เธออย่างไม่แยแส
“อาจารย์!!” เสียงโวยวายนั้นยังคงดังอยู่ตลอด จนเสียงนั้นเงียบหายไปเพราะเสียงฝนที่เทลงมากลบเสียงน่ารำคาญนั้นจนสนิท
อาจารย์หนุ่มเริ่มทำงานที่ค้างคาอยู่ โดยไม่สนว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน และไม่สนด้วยว่าเธอจะยังอยู่หน้าบ้านหรือว่าถอดใจกลับไปแล้ว เพราะเขามีสิ่งที่สำคัญกว่า คืองานที่ค้างอยู่...
ไฟของทั้งบ้านหรูเริ่มเปิดสว่างขึ้น บ้านที่เขาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ชีวิตใหม่ที่ขาวสะอาด ต้องแรกมาด้วยเลือดด้วยเนื้อ กว่าจะมีชีวิตธรรมดาเช่นทุกวันนี้ได้
แม้ว่าจะเลือกทางเดินใหม่ให้กับชีวิตแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เลิกหวาดระแวง และยังทิ้งสัญชาตญาณของความเป็นตัวตนนั้นไปไม่ได้สักที...
งานยุ่งๆ ของการเป็นอาจารย์ และชีวิตใหม่นี้มันทำให้ผมลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตที่ผมเคยกระทำไว้ได้บ้าง แต่มันก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้อย่างสนิทใจ จึงต้องพึ่งแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยให้หลับไปในทุกคืน เพราะไม่อย่างนั้นผมจะถูกบางสิ่งคอยตามหลอกหลอนอยู่ทุกคืน ‘อดีต’ ที่แสนเน่าเฟะของผม
เพร้ง!!
เสียงกระจกแตกที่ชั้นล่างของบ้าน เรียกให้เขาที่นั่งทำงานอยู่ชั้นบนต้องหยุดมือ และรีบลงมาดู ว่าเสียงนั้นเป็นเพียงผลกระทบจากลมพายุ หรือมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้านเขากันแน่
ชายหนุ่มร่างสูงคว้าอาวุธปืนคู่ใจติดมือลงไปด้วย เพื่อป้องกันตัวเอง แต่เมื่อลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็ต้องลดอาวุธลง และเก็บแอบไว้ทางด้านหลัง
เพราะภาพที่เห็นตรงหน้านั้น ทำเขาแทบเป็นบ้าที่เห็นว่าสาวแสบในชุดนักศึกษาทุบกระจกหน้าต่างบุกเข้ามาในบ้าน
เนื้อตัวเปียกซ่ก เลือดที่อาบแขนของเธอมันไม่ทำให้เขาเห็นใจเธอเลยสักนิด หนำซ้ำยังอยากจับเธอฉีกเป็นชิ้นๆ อีกต่างหาก
“ลชิตา! เธอทำบ้าอะไร!?”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
"ที่รัก ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยทั้งชีวิตของฉัน แต่งงานใหม่กันน๊า!" หลินเอินเอิน "คุณไม่รู้สึกอายเขาบ้างเหรอที่ตามง้อฉันทุกวัน! คุณเป็นหมารึไง!" ป๋อมู่หาน "ที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ และเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น!" หลินเอินเอินหัวเราะ เธอเป็นทั้งทนายชื่อดัง หมออัจฉริยะสากล และแฮ็กเกอร์ระดับแนวหน้า ทำไมเธอต้องแต่งงานใหม่กับไอ้ผู้ชายหมาๆ นั่นละ ช่างน่าขันจริง ๆ "ไม่มีวันแต่งงานใหม่หรอก ใสหัวไปไกลๆ ซะ!"
ได้ข่าวว่าเจ้าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ทำให้ครอบครัวลี่ล่มสลาย ถูกขับไล่ออกจากประเทศไปหลายปี… ตอนนี้กลับมาแล้ว คืนนั้น หลี่ เย่ถิงจับเอวเธอแน่นแล้วกดเธอเข้ากับมุมกำแพงอย่างแรง ดวงตาเย็นเยียบมืดลึก “ฉันอนุญาตเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฉียวเว่ยยี่ยิ้มเย้ยเย็น “คุณหลี่ คำคนมันน่ากลัวนะคะ เราสองคนจบกันไปนานแล้ว กรุณารักษามารยาทด้วยค่ะ” วันถัดมา เหล่าบรรดาผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจิงก็ได้รับบัตรแดงคำเตือนจากครอบครัวลี่ทันทีว่า “คุณนายรองของพวกเราอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่ชอบได้ยินคำซุบซิบนินทา” พวกคนที่นั่งรอให้เฉียวเว่ยยี่ตกต่ำแล้วหนีไปแบบหมดรูป ??? พวกคุณไปจดทะเบียนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”
เซี่ยถิงถิง ย้อนเวลากลับมาในวันที่แฟนหนุ่มได้บอกเลิกกับเธอ เด็กสาวที่มากความสามารถจากหมู่บ้านเชิงเขาเล็กๆ ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกรมา 13 ชั่วอายุคน เซี่ยถิงถิงถือว่าเป็นปัญญาชนคนแรกของหมู่บ้าน ตลอดเวลาเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและเรียนดีผู้นี้ เป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครอบครัวและค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุให้แฟนหนุ่มของเธอมีอันต้องเลิกรากันไปเพราะถิงถิงไม่เคยหลับนอนกับเขา นั่นถือว่าเป็นการหมื่นเกียรติของตัวเธอเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วแฟนหนุ่มของเธอเพียงต้องการเกาะกิ่งไม้สูงเพื่อความก้าวหน้าเพียงเท่านั้น เพียงเพราะถิงถิงมาจากครอบครัวชาวนาในชนบทไม่มีแรงสนับสนุนเขาให้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงได้ตามที่เขาต้องการ เขาจึงต้องหันหลังให้กับถิงถิงเพื่อไปเกาะขาลูกสาวนายทหารยศใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยและพร้อมสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขาต้องการ ถิงถิงเองถึงแม้จะเสียใจมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชาวนาแล้วอย่างไร ชาวนาก็ถือว่ามีเกียรติ คุณรังเกียจชาวนาก็อย่ากินข้าวที่ชาวนาปลูกก็แล้วกัน ในเวลาชั่วข้ามคืนจากความรักที่เธอมีให้แฟนหนุ่มแต่ตอนนี้เธอมีเพียงความรังเกียจและเสียใจที่มองคนผิดไปเท่านั้น ถิงถิงตัดสินใจลาออกจากงานและเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด เธอจะพลิกภูเขาแห้งแล้งที่บ้านเกิดให้เป็นแหล่งอาหาร อันอุดมสมบูรณ์ เธอจะทำให้คนที่ดูถูกเธอได้เห็นว่า เกษตรกรนั้นหาได้ต่ำต้อยไม่ เธอจะต้องร่ำรวยเพราะอาชีพของเธอให้ได้ในสักวันและจะตอกหน้าคนพวกนั้นคืนให้สาสม แต่ที่น่าอับอายที่สุดไม่ใช่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกในที่สาธารณะ แต่เป็นเธอที่เดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวฟาดต่างหาก เพราะความโมโหทำให้ไม่ทันได้มองทาง นี่ถือว่าตายด้วยความอับอายและคับแค้นใจมากที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเธอได้กลับมา
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY