เมื่อของเลหลังมาเจอกัน อีกคนเดี้ยงเพราะอุบัติเหตุ อีกคนก็ตกงาน ไร้คู่ ปฏิบัติการเก็บตก เพื่อให้เป็นวิวาห์เลหลังจึงเกิดขึ้น +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ “รอให้คุณเดินได้ก่อนไหมเราค่อยมีเซ็กซ์กัน” “เฮ้ย! ไม่ดี” สามีร้องเสียงหลง “ก็ถ้าเกิดมีเซ็กซ์กันแล้วฉันท้อง คุณเดินไม่ได้ ฉันต้องเลี้ยงลูกคนเดียวก็ลำบากแย่เลยสิ” เคยอ่านจากที่ไหนสักแห่งว่าคู่รักกันหากฝ่ายหญิงเอ่ยถึงลูก อีกคนจะหมดอารมณ์ใคร่ทันที น่าจะใช้กับเขาได้ “ฉันจะป้องกัน เธอก็ป้องกันด้วย เด็กไม่ได้เกิดกันง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก” “ไม่เอา ฉันกลัว การป้องกันไม่ให้เด็กเกิดมาที่ดีที่สุด คือเราต้องไม่มีเซ็กซ์กัน” มิเรียมแจง “โว้ย!” ภาษรคำราม ปล่อยมือจากร่างอ้อนแอ้นทั้งบนและล่าง “เธอคิดว่าฉันจะมีเมียเพื่อตั้งไว้บนหิ้งบูชาหรือยังไง” เสียงลมหายใจในความมืดของเขาฮึดฮัด “มันชักจะมากไปแล้วนะ” หญิงสาวนึกหน้าเขาออกเลย มันต้องบึ้งมากแน่ ๆ เรียกว่าแทบจะกินหัวเธอ “ฉันอธิบายความน่าจะเป็นต่างหาก ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีอะไรกับคุณ แต่มันยังไม่ถึงเวลา” “ฉันต้องแข็งแรงขนาดไหนเธอถึงจะยอมมีเซ็กซ์ด้วย” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มันเป็นเช้าเหมือนทุกวัน หากแค่เจ็ดโมงเช้า แต่ดวงอาทิตย์กลับแผดแสงกล้า ทำให้เหงื่อออกจนเครื่องสำอางที่แต่งมาชักจะเลือน มอเตอร์ไซค์วินเจ้าประจำก็ขาดช่วง เอาเฉพาะคิวเธอพอดี ไม่เป็นไร มิเรียมปลอบใจตัวเอง นี่แค่เจ็ดโมงเช้า อย่างไรเธอก็ไม่ไปทำงานสายหรอก ซึ่งมีวินอีกคันขับกลับมาพอดี
“พี่จะไปโรงงานดีบีใช่ไหม” มิเรียมพยักหน้า “รีบขึ้นมาเลยพี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
คนขับเร่งเครื่องแสดงความด่วนจริง หญิงสาวกระโดดขึ้นเบาะเกาะหลังไปโดยพลัน หน้าโรงงานประตูปิด มีคนงานออกันเป็นร้อย
“เกิดอะไรขึ้น” เธอจ่ายเงินวินแล้วรีบสาวเท้าเข้ากลุ่ม
“เราโดนลอยแพ” สาวนางหนึ่งในชุดฝ่ายผลิตเล่าพร้อมคิ้วตก
“โรงงานปิดแล้ว เจ๊ง”
อีกเสียงช่วยย้ำสถานการณ์ มิเรียมเปิดกระเป๋า ควานหามือถือเพื่อโทรหาหัวหน้า
“พี่คะ เราโดนโรงงานลอยแพแล้วเหรอคะ”
(“เออ ก็อย่างที่เห็น พี่เพิ่งได้ข่าวเหมือนกัน”)
ประตูเหล็กหน้าโรงงานสั่น เพราะคนงานหลายคนเขย่า พร้อมตะโกนให้ผู้บริหารออกมาคุยเรื่องค่าแรงที่เหลือ ไม่เช่นนั้นจะฟ้องกรมแรงงาน
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะทุกคน ตอนนี้อยากให้กลับบ้านกันไปก่อน เดี๋ยวเจ้านายจะเรียกให้มาคุยอีกครั้ง” หัวหน้ารปภ.พูดใส่โทรโข่ง
“พวกกูไม่กลับ...กูไม่ไป”
คนงานด้านนอกตะโกนก้อง มีรถตำรวจเปิดหวอมาระงับเหตุ
“กลับไปฟังสถานการณ์ที่บ้านเถอะน้อย”
หัวหน้าแนะ เล่นเอามิเรียมแทบหมดกำลังใจ ไร้แรงเดิน นี่เธอกำลังจะเป็นคนตกงานโดยไม่รู้ตัวหรือไร
ไม่รู้ว่าตอนนั้นกลับห้องมาได้ยังไง เพราะไม่รู้ตัวเลย จนมีนาหรือนิดหน่อย ผู้เป็นน้องสาวโทรมาตอนเก้าโมงเช้า นั่นแหละ
“ว่าไง”
(“เห็นข่าวโรงงานพี่ออกทีวี พ่อกับแม่บอกว่าถ้าไม่มีงานทำก็ให้กลับมาอยู่บ้านเถอะ”)
บ้านเธอมีสวนผลไม้และที่นาให้คนเช่านิดหน่อย พอเลี้ยงตัวได้และพอกิน ไม่ได้ลำบากอะไร
“ถ้าโรงงานปิดจริง พี่จะหางานใหม่”
(“ช่วงโควิด เศรษฐกิจแบบนี้เนี่ยนะ หนูได้ยินข่าวเขาเล่าว่าปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง พี่กลับมาบ้านเราเถอะนะ มาตั้งหลักก่อนก็ได้”)
ปลายประโยคเสียงอ่อนลง แต่มิเรียมยังอยากสู้ ยังไม่อยากยอมแพ้ เธอเอาแต่เรียน ทำงานนั่งโต๊ะมาตลอด งานในไร่ในสวนไม่ถนัด ผิดกับมีนาที่เรียนเกษตรมาโดยตรง
“เดี๋ยวดูอีกที”
และวันนั้นทั้งวันก็ไม่เป็นจะทำอะไร เพราะเอาแต่ฟังข่าว ซึ่งแต่ละข่าวที่ได้ฟังและอ่านก็เหมือนกันทุกช่อง
ทว่าข่าวตอนเย็นก็ทำให้ใจแป้ว ในไลน์แผนกเธอบอกว่าโรงงานปิดแน่แล้ว ตัวเจ้าของโรงงานหนีหนี้ไปไต้หวัน แผนกการเงินยังพอจะจ่ายเงินเดือนที่ค้างให้ได้หนึ่งเดือน ส่วนที่เหลือต้องไปฟ้องเอา
มิเรียมเอาสมุดบัญชีธนาคารทุกเล่มมาปรับ เหลือเงินแค่แสนเดียว เพราะเงินเก็บก็เอาไปดาวน์คอนโดหมด เพิ่งผ่อนได้ปีเดียว อีกนานเลยกว่าจะหมด ถ้าเงินก้อนตรงนี้หมดเธอคงอยู่กรุงเทพได้ไม่นานแน่
(“พี่น้อยกลับมาเถอะค่ะ พ่อกับแม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย คอนโดนั่นถ้าอยากเก็บไว้พ่อแม่ก็จะจ่ายให้”) มีนาโทรมาเป็นรอบสอง หลังฟังข่าวในรอบวันสรุปว่า โรงงานที่เธอทำปิดแน่นอน
“เรื่องสำคัญอะไร”
พ่อแม่ยังไม่แก่ ท่านจะแบ่งสมบัติแล้วหรืออย่างไร
“มาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง”
น้องทิ้งปริศนา มิเรียมจบสายแล้วถอนหายใจ ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ กลับไปบ้านสักพักคงจะดี เก็บเงินไว้ผ่อนคอนโด ส่วนค่ากินอยู่ก็อาศัยข้าวพ่อแม่ไปก่อน หากถึงบ้านเกิดเธอแล้วต้องชวนมีนาไปทำบุญเสียหน่อย เผื่ออะไร ๆ ในชีวิตจะดีขึ้น
ทันทีที่พ่อกับแม่เจอหน้าลูกสาวคนโตก็ดีใจมาก โผเข้ามากอดมิเรียมเลยเมื่อมาถึงบ้าน
“หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะทำแกงคั่วหอยขมของโปรดน้อยให้”
น้ำลายในปากเธอสอ ไม่ได้กินเมนูนี้มานานมากแล้ว หาใครทำแกงรสนี้ได้ดีเหมือนแม่เป็นไม่มี
“กิจการท่าข้าวของเถ้าแก่วิชัยกำลังขยาย เลยรับคนเพิ่ม น้อยไปสมัครดูไหมล่ะ” พ่อเล่าขณะครอบครัวกินอาหารเย็น
“จริงด้วย ไม่ได้ไปเยี่ยมเถ้าแก่นานแล้ว จะได้ไปดูอี้ด้วย”
“อี้มันเป็นอะไรคะแม่”
อี้ หรือภาษรเป็นลูกชายเถ้าแก่วิชัย เพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอ ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย และแยกย้ายกันไป
“เรียกมันได้ยังไง เขาเป็นพี่ลูกนะ”
เธอยักไหล่ ไม่สนแม่ที่เอ็ด
“อายุมากกว่ากันไม่กี่เดือนเอง”
เธอไม่ชอบเขานัก ภาษรมักเป็นหัวโจกชอบแกล้งเด็กผู้หญิง ถือว่าตัวเองรูปหล่อ พ่อรวย เรียนเก่ง ทำตัวใหญ่คับโรงเรียน ชวนหมั่นไส้ยิ่งนัก
“พี่อี้เกิดอุบัติเหตุ กระดูกแตกยับทั้งตัว ตอนนี้นั่งรถเข็น”
“เมื่อไร”
มือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงัก ถึงไม่ชอบหน้าแต่พอได้ฟังข่าวร้ายก็อดใจหายไม่ได้
“ปีที่แล้ว รักษาอยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพตั้งนาน เพิ่งกลับมาอยู่บ้านสามเดือนนี้เอง”
น้องเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยตอบ
“พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่เขากับแม่ไหม ว่าจะเข้าเมืองไปซื้อของพอดีเลย”
ด้วยเหตุที่ว่างไม่มีอะไรทำ จึงยอมไปกับแม่แต่โดยดี หลังจากกินมื้อเย็นก็เป็นเวลาพักผ่อน มิเรียมกับมีนานอนห้องเดียวกัน ระหว่างรอน้องอาบน้ำเธอก็เล่นมือถือ
“โห คอนโดพี่สวยจัง คงหมดค่าแต่งไปหลายหมื่นน่ะสิ”
คนอายุน้อยกว่าแอบย่องมาข้างหลัง ชะโงกดูมือถือซึ่งมีรูปห้องในคอนโด
“ใช่ พี่กะจะเอาไว้อยู่เป็นโสดเก๋ ๆ”
ด้วยอายุเลยมาจนป่านนี้ แถมยังไม่มีแฟน เธอจึงวางแผนอนาคตไว้เสร็จสรรพ
“ถามจริงอยู่กรุงเทพตั้งนาน พี่น้อยไม่มีคนมาจีบบ้างเหรอ” น้องสาวเดินมานั่งเตียงตนเอง บนศีรษะยังโพกผ้าขนหนูอยู่
“ไม่อะ พี่ทำงานโรงงาน ทั้งแผนกมีแต่ผู้หญิง วิศวกรที่เห็น ๆ มีแต่พวกกินเหล้าจัด ๆ กันทั้งนั้น”
“อีกไม่กี่ปี พี่ก็สามสิบแล้วนา ไม่เหงาเหรอ”
“ไม่เลย พี่สามสิบยังแจ๋วจ้ะ ไปอาบน้ำแหละ”
มีนามองตามพี่สาวที่อายุมากกว่าตนห้าปี มิเรียมเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ สมัยเรียนใช่ว่าจะไม่มีคนมาจีบ แต่เจ้าตัวชอบเรียนหนังสือมากกว่า
พอทำงานก็เป็นประเภทไม่ชอบเที่ยว จึงอยู่เป็นโสดมาถึงขนาดนี้ จนพ่อกับแม่ต้องวางแผนกัน ถ้าเจ้าตัวรู้จะเป็นยังไงนะ มีนาเช็ดผมพลางคิด
แต่แล้วไลน์ก็เด้งเตือนว่ามีข้อความเข้าจากแฟนหนุ่ม หญิงสาวจึงเบนความสนใจมายังคนรัก
บ้านเถ้าแก่วิชัย อยู่ในตัวอำเภอ กินอาณาเขตหลายไร่ มีรั้วสีขาวสูง บ้านเป็นตึกแบบยุโรป ตัดกับสนามหญ้ากว้างสีเขียว มีเสาโรมันหน้าบ้าน มีวงเวียนประดับรูปปั้นปลาโลมาพ่นน้ำพุ บ้านนี้จัดว่าหรูและสวยที่สุดในอำเภอ อวดศักดาความมีบารมีและเงินหนาของเจ้าของได้เป็นอย่างดี
ตอนที่แม่พาเข้าไป เห็นรถจอดอยู่ไม่กี่คัน รถกระบะคันที่ใหม่ที่สุดของบ้านมิเรียมดูเล็กไปถนัดตา เมื่อเทียบกับรถยุโรปที่จอดอยู่ในโรงรถ เธอคะเนจากความใหม่ของรถว่าเจ้าของน่าจะเป็นลูกชายของบ้าน เนื่องจากจำได้ลาง ๆ ตอนเถ้าแก่วิชัยมาโรงเรียนว่า เขาขับรถยุโรปอีกยี่ห้อหนึ่งที่เป็นดาวสามแฉก
วันนี้อยู่แต่ซ้อ สาวมากวัยทั้งสองเมาท์เรื่องโน้นเรื่องนี้กันสนุก เธอปั้นยิ้มจนหน้าเมื่อย
“พ่ออี้เป็นยังไงบ้างคะซ้อ”
แม่กวาดตาไปทั่วบริเวณ เจ้าของบ้านผู้ร่ำรวยคิ้วตก ถอนหายใจยาว
“เหมือนเดิม อีอยู่ที่สนามโน่น” นางพยักหน้าไปแถว ๆ พื้นที่สีเขียว ๆ
“นิ่ง ซึม ไม่ยอมทำอะไร อั๊วละกลุ้มใจ” แล้วซ้อก็มองพินิจเธอ “อาอี้อีดื้อ ถ้าเด็กกว่านี้หน่อยล่ะก็อั๊วจะหยิกให้เนื้อเขียว ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มีแต่ต้องปล่อยอีไป”
“เขาเจออุบัติเหตุแล้วเจ็บหนักมากเหรอคะ”
ประมวลผลจากที่มีนาเล่า ภาษรกระดูกแตกยับ ต้องอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน เพิ่งกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ไม่นาน อาการน่าจะหนักหนามากอยู่
“หนูน้อยไปเยี่ยมอาอี้สิ เป็นเพื่อนกันนี่ อีนั่งอยู่ในสวนน่ะ”
แม่พยักหน้าให้ทำตาม มิเรียมจึงค่อยออกมาจากวงสนทนาได้ บ้านนี้เธอมาเพียงไม่กี่ครั้ง เป็นตอนมีงานทั้งนั้น วันธรรมดาจึงเงียบเหงา ข้างกระถางดอกชวนชม ร่างใครคนหนึ่งนั่งอยู่ รถเข็นสีเงินมันปลาบต้องแสงแดดขึ้นประกาย ต้องเป็นเขาแน่ ๆ
“สวัสดี”
คนบนรถเข็นหันมามองเธอหน้าบึ้ง ตายาวรีออกแววขุ่น หรือเธอมารบกวนการพักผ่อนของเขากัน
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง