รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวานไร้การแต่งแต้มของแกมแพร ดวงตากลมโตจ้องมองทิวเขาเขียวขจีที่ม่านหมอกค่อยๆ ละลายไปเมื่อถูกแสงสีเหลืองทองอบอุ่นของพระอาทิตย์ยามเช้ากล่าวคำทักทาย
กลิ่นหอมของความสดชื่น ความอบอุ่น และความหวัง กำลังเยียวยาทุกหัวใจที่บอบช้ำ ให้มีความเข้มแข็ง และสามารถต่อสู้กับวันเวลาที่โหดร้ายได้อีกครั้ง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้าง มองนกสีขาวฝูงเล็กๆ ที่บินผ่านหน้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสดชื่น
หล่อนดีใจเหลือเกินที่ตัวเองสามารถยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยไม่ได้หวนกลับไปพึ่งพาคนๆ นั้นอีก
แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อของลูกฝาแฝดของหล่อนก็ตาม
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานของแกมแพรตอนนี้จางหายไปทีละนิด เมื่อความทรงจำที่พยายามลืมมันกลับมาครอบงำสมองอีกครั้ง
อติพัฒน์...
ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ
แต่งงานไปหรือยัง?
หรือว่ายังคงใช้ชีวิตเป็นหนุ่มเสเพลเหมือนเดิม
แต่ก็ช่างเถอะ หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึงผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ
หล่อนกับเขาหย่าขาดกันหลังจากงานศพของคุณย่าเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
และห้าปีที่ผ่านมา หล่อนกับอติพัฒน์ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย รวมถึงข่าวคราวของเขาก็ไม่เคยเข้ามาในหูของหล่อนเลยเช่นกัน
มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะ
แม้สมองจะบอกว่าหล่อนทำถูกต้องทุกอย่าง แล้วแต่หัวใจกลับยังคงเจ็บปวดไม่น้อย เพราะจริงๆ แล้ว หล่อนไม่เคยลืมผู้ชายที่ชื่ออติพัฒน์ได้เลย
หล่อนตกหลุมรักเขา...
รักเขาจนเจ็บปวดหัวใจไปหมด...
แต่สำหรับอติพัฒน์แล้ว หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เขาบังเอิญได้มาขึ้นเตียงเท่านั้น
ลำคอของหล่อนตีบตันจนต้องรีบกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก และรีบขจัดความโศกเศร้าออกไปโดยเร็วที่สุด
แต่ถึงแม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งยังไง แต่น้ำตาก็ยังเอ่อล้นออกมาอยู่ดี จนต้องรีบกะพริบตาหลายต่อหลายครั้ง
“อย่าร้องไห้เพราะเขาอีกเลย... ขอร้องล่ะแก้ม เธอต้องเข้มแข็งสิ...”
ขณะที่หญิงสาวกำลังให้กำลังใจตัวเองอยู่นั้น เสียงฝีเท้าตุบตับของลูกฝาแฝดก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนต้องรีบหันหลังกลับไปมอง
“ระวังหกล้มนะคะน้องก้อย น้องกันต์”
ฝาแฝดชายหญิงยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะพากันโถมตัวเข้ามากอดผู้เป็นมารดาเอาไว้แน่น
“ขอโทษค่ะคุณแม่ขา แต่น้องก้อยอยากออกมาดูนกตอนเช้าเร็วๆ นี่คะ”
ฝาแฝดหญิงผู้เป็นพี่เอื้อนเอ่ยวาจาฉอเลาะได้น่าฟังนัก จนคนเป็นแม่ต้องอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
น้องก้อยคือฝาแฝดผู้หญิง ซึ่งมีนิสัยแก่นแก้วแสนซน และฉลาดเฉลียวช่างพูดช่างเจรจาจนเป็นที่รักที่เอ็นดูของหล่อนและผู้คนที่ได้พบเห็น
ในขณะที่ฝาแฝดผู้น้องอย่างน้องกันต์ ซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย จะมีนิสัยแตกต่างจากพี่สาวไปค่อนข้างมาก เพราะน้องกันต์จะเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา แต่ก็ฉลาดเกินวัยไม่ต่างจากน้องก้อยผู้เป็นพี่สาว
เด็กฝาแฝดทั้งสองคนในตอนนี้อายุเพียงสี่ขวบนิดๆ เท่านั้น แต่ก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย เพราะทั้งสองคนรู้จักช่วยงานบ้านมารดาคนละเล็กละน้อย ตามกำลังที่สามารถทำได้ ซึ่งก็ช่วยแบ่งเบาภาระของแกมแพรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และนี่คือความโชคดีที่สุดในชีวิตของหล่อน
แกมแพรอมยิ้ม ขณะย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเอง และยกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกฝาแฝดทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดอะไรออกไป น้องก้อยก็พูดเสียงขึ้นเสียก่อน
“มีน้ำตาในลูกตาของคุณแม่ขาอีกแล้วค่ะ”
น้องก้อยยกนิ้วป้อมๆ ขาวสะอาดแตะใกล้ๆ กับดวงตาของผู้เป็นแม่เบาๆ โดยมีน้องกันต์มองตามด้วยความสงสัย
“ต่อไปผมกับพี่ก้อยจะไม่วิ่งเร็วๆ อีกแล้วครับ คุณแม่จะได้ไม่ร้องไห้”
“แม่ไม่ได้ร้องไห้หรอกจ้ะน้องก้อยน้องกันต์”
“แล้วทำไมมีน้ำตาในลูกตาของคุณแม่ขาล่ะคะ”
น้องก้อยเอียงคอมองมารดา ดวงตากลมโตมีความสงสัย
หล่อนไม่ควรทำให้ลูกทั้งสองคนไม่สบายใจแบบนี้เลย
แกมแพรตำหนิตัวเองในใจ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง และกะพริบตาถี่ๆ ซ้ำอีกหลายครั้ง จนหยาดน้ำตาจางหายไป
“พอดีเมื่อกี้ลมพัดมาน่ะจ้ะ แล้วฝุ่นก็ลอยเข้ามาในตาของแม่น่ะ”