เธอก็เป็นได้แค่ตัวแทนแฟนเก่าของเขาเท่านั้นแหละ
มัดหมี่แต่งงานเข้ามาเป็นภรรยาของหมอวีร์ หมอศัลยกรรมแพทย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยได้สามเดือนแล้ว แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยความรักของคนทั้งสองคน ถึงแม้ว่าจะแต่งงานเพราะแม่ของหมอวีร์บังคับเขา แต่หมอวีร์ก็ยอมแต่งงานกับมัดหมี่ด้วยความเต็มใจและดูแลเธอเป็นอย่างดีหลังแต่งงาน ให้เกียรติและยกย่องเธอเป็นภรรยาออกหน้าออกตา
เสื้อผ้า การแต่งกาย การกินการนอน หมอวีร์ดูแลใส่ใจมัดหมี่ดีทุกอย่าง เลือกของทุกชิ้นให้มัดหมี่ด้วยตัวเองอย่างดี แม้ว่างานของตัวเองก็วุ่น มีทั้งงานที่โรงพยาบาลและคลินิกที่เขาเปิดเอง แต่หมอวีร์ก็หาเวลาว่างมาดูแลใส่ใจเธอเป็นอย่างดี ทำหน้าที่สามีที่ดีให้เธอทุกระเบียบนิ้ว ไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้แต่เรื่องบนเตียงเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกวัน ตั้งแต่ที่แต่งงานมาคืนแรก จนตอนนี้หมอวีร์กับมัดหมี่แต่งงานมาได้สามเดือนแล้ว เขาก็ไม่เคยเว้นว่างเรื่องบนเตียงเลยสักครั้ง แม้แต่คืนนี้หมอวีร์ก็ปรนเปรอให้เธออย่างมีความสุข
“อ๊าส์ พี่วีร์” เธอนอนส่ายหน้าไปมาบนหมอน ผมของเธอก็ปลิวสยายออก ส่วนปากของมัดหมี่ก็ครวญครางไม่หยุดปาก เมื่อเขากระแทกกระทั้งเข้ามา จนเธอรู้สึกเสียวซ่านแล้วเสียวซ่านอีก จนแทบขาดใจ
สองมือของเธอกำจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไปหมด ทว่าความเสียวซ่านในกายของเธอมันก็ไม่หายไปไหน มันกลับเสียวซ่านทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ารอการระเบิดออกมา แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ระเบิดออกมา มันยังเสียวซ่านจนเธอแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ได้แต่แอ่นรับความใหญ่โตของเขาที่กระแทกเข้ามาในตัวของเธอไม่หยุดหย่อน ยิ่งในตัวของเธออยากจะระเบิดมามากเท่าไร ร่างกายของเธอก็แอ่นไปรับแรงกระแทกของเขามากเท่านั้น จนร่างกายมันสั่นเกร็งแบบควบคุมไม่อยู่และในที่สุดร่างกายของเธอก็เบาสบายอย่างมีความสุข เมื่อได้ระเบิดออกมาอย่างสุขสม
ความสุขสมผ่านไปไม่เกินห้าวินาทีเขาก็จับเธอพลิกตัว โดยมีเขาอยู่ด้านหลัง จับบั้นท้ายเร่งกระหนำบดขยี้ไปที่จุดรัญจวนใจ สาวเจ้าก็ร้องครวญครางออกมาไม่ขาดปาก ส่วนเขาก็สูดปากซีดซาดตามไปด้วย
เขาทั้งจับบั้นท้าย ทั้งจับเอวของเธอ กระแทกกระทั้งใส่เข้าไปไม่หยุด เธอเองก็เสียวซ่านไปกับสัมผัสที่เขากระหน่ำมอบมาให้ จนเธอเองก็สุขสมไปอีกครั้งและอีกครั้งแต่เขาก็ยังอึดทึกทน ไม่มีวี่แววว่าเขาจะสุขสมเสียที จนน้ำในตัวของมัดหมี่แทบจะหมดตัวแล้ว ร่างกายเกร็งสั่นแล้วสั่นอีก ทว่าสุดท้ายหมอวีร์ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสุขสม จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานและผ่านไปหลายท่าทาง เขาถึงได้ปล่อยสายธารแห่งรักออกมา หลังจากเสร็จบทรักเร่าร้อนกันทั้งสองก็นอนกอดกันอย่างมีความสุขแบบนี้กันทุกครั้ง
สามวันต่อมาญาตาวีเพื่อนสนิทของมัดหมี่มาจากต่างจังหวัด ยังหาที่พักใหม่ไม่ได้ จึงขอมาพักด้วยกับมัดหมี่สักสองสามคืน โดยระหว่างนี้จะหาที่อยู่ไปด้วย มัดหมี่ก็โทรขอเรื่องที่เพื่อนจะเข้ามาอยู่ด้วยสักสองสามวัน หมอวีร์ก็ใจดีอนุญาตและบอกว่าก่อนเข้าบ้านจะซื้อของอร่อย ๆ เข้าไปกินด้วยกัน
ญาตาวีเป็นเพื่อนสนิทสมัยตอนอยู่มัธยมด้วยกัน มาห่างกันก็ตอนไปเรียนต่อที่มหาลัย มัดหมี่เลือกมาเรียนที่กรุงเทพฯและแม่มาลีของเธอก็ฝากให้วิไลลักษณ์ แม่ของหมอวีร์ดูแลเธอตอนที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ เนื่องจากแม่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน เคยเรียนด้านคณะบริหารเหมือนกัน แต่แม่มาลีได้สามีที่เชียงใหม่จึงไม่ได้ทำงานด้วยกันกับวิไลลักษณ์ที่กรุงเทพฯ
ตั้งแต่ได้ขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพฯและได้เจอหมอวีร์เป็นครั้งแรก ตั้งแต่นั้นมัดหมี่ก็ตกหลุมรักเขาแล้ว แม้จะรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว แต่เรื่องของหัวใจมันก็ห้ามกันไม่ได้ มัดหมี่ก็ได้แต่แอบรักหมอวีร์อยู่เพียงข้างเดียว โดยที่เธอจะเอาเรื่องที่แอบรักเขาไปเล่าให้ญาตาวีฟังอยู่เสมอ
“หาบ้านยากไหมญาตาวี มัดหมี่บอกแล้วว่าเดี๋ยวออกไปรับที่สนามบิน” เธอเดินออกมาเปิดประตูรับเพื่อนสาว ที่โทรเข้ามาว่าถึงหน้าบ้านแล้ว
“ยากอะไร ก็แค่ส่งให้คนขับรถดูเขาก็พามาได้แล้วเนี่ย บ้านไม่ได้ลึกลับซับซ้อนเสียหน่อย”
“จ้า...คิดถึงจังเลยญาตาวี” มัดหมี่โผล่เข้าไปกอดญาตาวีเอาไว้แน่น ทั้งสองสาวก็ยืนกอดกันห้านาที ก่อนจะปล่อยกอดกันออกมา “ญาก็คิดถึงมัดหมี่เหมือนกัน อิจฉามัดหมี่สุด ๆ ไปเลยที่ได้แต่งงานกับคนที่ตนเองแอบรักมาตั้งสีปี สุดท้ายก็สมหวังแล้วนะ”
“อืม” มัดหมี่ยิ้มให้ญาตาวีทว่าสายตาของมัดหมี่ไม่ได้ยิ้มไปด้วย ความเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้นจวบจนมัธยมปลาย แม้ว่าตอนเรียนมหาลัยจะห่าง ๆ กันไปบ้าง แต่เวลามัดหมี่กลับไปบ้านก็ได้เจอกันทุกครั้ง ทำให้ญาตาวีรู้สึกว่ามัดหมี่กำลังมีเรื่องอะไรอยู่ภายในใจแน่ ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่ามัดหมี่” ญาตาวีถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไร ไป ๆ เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวมัดหมี่ช่วยถือกระเป๋านะ มีแค่นี้เองเหรอ” มัดหมี่เข้าไปช่วยถือกระเป๋าสองใบของญาตาวี
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวญาถือเอง เกรงใจคุณนายสามีหมอนะ เดี๋ยวจะเหนื่อยเอาเปล่า ๆ”
“บ้า ไม่เหนื่อยอะไรขนาดนั้น มาช่วยถือ...ว่าแต่มีของมาแค่นี้เองเหรอ” มัดหมี่ลงไปแย่งกระเป๋าออกจากเพื่อนมาหนึ่งใบ ถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง
“อืม เอามาแค่นี้ก่อน ขาดเหลืออะไรเดี๋ยวค่อยหาซื้อเอาข้างหน้า หรือไม่ก็ให้แม่ส่งตามมาให้อีกที”
หลังจากทั้งสองเดินคุยกันไปก็เข้ามาถึงในบ้านจนได้ บ้านของหมอวีร์เป็นบ้านสองชั้นทรงโมเดิร์น มีพื้นที่สวนกว้างขวาง หน้าบ้านสามารถจอดรถยนต์ได้สองคัน ส่วนในบ้านก็ตบแต่งได้อย่างเรียบหรูดูแพง ทุกอย่างจะเป็นสีโทนเดียวกัน สีขาว ดำ เทา และมีการเพิ่มมิติความอ่อนเข้มสลับกันไป ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์ก็ดูเรียบง่ายแต่มีลูกเล่นสะดุดตามากนัก
“โฮ มัดหมี่บ้านสวยมากเลย นี่มัดหมี่ตบแต่งเองหรือเปล่าเนี่ย” ที่ถามเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะชอบสไตล์แบบนี้เพราะทั้งบ้านคุมโทนไปด้วยขาวดำเทาทั้งหมด แม้ว่าจะมีสีอื่นมาประดับตบแต่งอยู่บ้างให้ดูมีสีสันขึ้นมาบ้างทว่าดูยังไงก็ไม่ใช่สไตล์ของเพื่อนรัก
“อ้อ ตั้งแต่เข้ามา บ้านก็เป็นแบบนี้แล้ว”
“อืม...พี่หมอวีร์ชอบโทนแบบนี้นี่เอง” ญาตาวีพยักหน้าอย่างเข้าใจ มองบ้านไปรอบ ๆ อีกครั้ง โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของเพื่อนว่ากำลังทำสายตาเศร้าอยู่
คืนแรกของการแต่งงาน เธอลงมาเห็นเขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ทว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวของเธอเอง
เขายอมแต่งงานกับเธอเพราะเงื่อนไขบางอย่าง ส่วนเธอแต่งงานกับเขาเพราะความรัก
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"