เขาเกิดจากเศษเสี้ยวหนึ่งที่คุณแค่ทิ้งไว้ในตัวฉันเท่านั้น นั่น! ไม่ใช่ “ความรัก” // ภาคต่อตอนจบจาก 'เสน่หาคู่นอน'
เขาเกิดจากเศษเสี้ยวหนึ่งที่คุณแค่ทิ้งไว้ในตัวฉันเท่านั้น นั่น! ไม่ใช่ “ความรัก” // ภาคต่อตอนจบจาก 'เสน่หาคู่นอน'
โรงพยาบาลA
ตุ๊บ!!
“อุ๊ยหนู! เจ็บไหมครับ”
ช่วงบ่ายวันหนึ่งที่แสนธรรมดา ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สถานที่ที่เต็มไปด้วยคณาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มากมาย
เด็กชายตัวเล็กวัยกำลังหัดพูด หัดเดิน
เขาเดินเตาะแตะไปตามประสาเด็กจนชนหญิงสาวคนหนึ่งโดยมิตั้งใจ
โนว...
“หึม!? ว่าอะไรนะครับ” สำเนียงและคำตอบแปลกๆ ที่หญิงสาวคนนั้นได้ฟังและไม่เข้าใจ เธอจึงย่อตัวนั่งลงมาใกล้ๆ พร้อมประคองเด็กชายตัวน้อยยืนขึ้น
“คนเก่ง! ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“แอมโอเค้!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา เป็นภาพที่แสนน่ารักจนคนได้รับและคนที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้มตามกับภาพที่เห็น
“น่ารักจัง...ลูกใครเนี้ย!!”
“ปพน! ต๊าย! ปพนมานี้ลูก” หญิงสาวอายุราวๆ เบญจเพสร้องลั่นเมื่อเธอมองหาเด็กชายวัยขวบเศษๆ กำลังน่ารักเดินไปไกลจากตัวมาก
เธอคิดว่าเด็กชายตัวน้อยล้มหน้าคะมำและตอนนี้คงกำลังเบ้ปากอยากร้องไห้แน่ๆ
“ปพน! เจ็บไหมครับเนี้ย”
“พนโอเค”
“You Okay!?”
“เยสสส” เด็กชายตัวน้อยตอบเสียงใสแจ๋ว
สำเนียงแม้จะไม่ได้ดูฝรั่งจ๋าเท่าไร และหน้าตากับสีผมก็ไม่ได้ออกไปทางลูกครึ่งด้วยซ้ำ แต่หนูน้อยปพนที่หญิงสาวร้องถาม ก็ถนัดโต้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษแม้จะฟังไทย(พอ)รู้เรื่องบ้างเล็กน้อย
“นี้ใช่....” หญิงสาวร้องถามผู้ปกครองของเด็กน้อย
“สวัสดีค่ะพี่พิม”
“เออ...หนูชื่อนินิวคะ!”
“เพื่อนยัยนิลใช่ไหม ถึงว่ารู้สึกคุ้นหน้า”
“แหะๆ ใช่ค่าา” คนอ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นไหว้
พิมสุดาในตอนนี้เธอก็ยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้เช่นเดิม
เวลาสองปีเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ได้เยอะแยะ
“แล้วนี่...ลูกเหรอ” พิมสุดาหันมองเด็กชายตัวเล็กที่นินิวอุ้มไว้
หนูน้อยคนนี้นี่เองแหละที่เดินไปชนกับพิมสุดาจนล้ม ขณะที่คนเป็นป้ากำลังรอรับยาแก้ภูมิแพ้และตั้งใจฟังคุณเภสัชกรว่าแต่ละตัวต้องทานยังไงบ้างจนลืมสนใจหลานชายเข้าให้
“คะ!...ลูก!!!” นินิวทำหน้าเลิ่กลั่ก เธอไม่คาดคิดว่าต้องมาตอบคำถามใคร โดยเฉพาะพิมสุดา
ได้ข่าวอยู่ว่าขึ้นเป็นผู้อำนวยการ แต่ไม่นึกว่าจะมาเจอกันวันนี้ ตรงนี้
“ป้า!”
“ห้ะ!?” สองสาวหันมองตามเสียงที่มา
เด็กน้อยมองสองสาวแล้วพูดคำว่า “ป้า” ฟังดูเจ็บ แต่มันเรื่องจริง
“ป้า! หม่ามี้!”
“โอเคๆ! เดี๋ยวหม่ามี้พาไปหม่ำๆ ไอติมเนาะ”
...
“ไปก่อนนะคะพี่พิม สวัสดีค่ะ”
“อืม! สวัสดี”
...
“สวัสดีนะครับปพน! หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ” พิมสุดหาลูบศีรษะกลมมีผมดกดำด้วยความเอ็นดู ไม่รู้ทำไมรู้สึกถูกชะตากับเด็กปพนนี้ตั้งแต่แรกเจอ
“กู๊ดบาย” เด็กน้อยยกมือไหว้พร้อมพูดลา
รอยยิ้มไร้เดียงสาส่งยิ้มให้คนแก่กว่าและใครจะรู้ว่าเสน่หาของเด็กชายนี้จะยึดหัวใจพิมสุดาไปครอง
18.00 น.
“แก! ฉันนี้หัวใจเกือบจะวายตาย”
(แล้วเขาสงสัยอะไรรึเปล่า)
“ฉันว่าไม่”
(นิว...!!)
“โอเคๆ ฉันขอโทษ”
(นิลก็ขอโทษ...นิลแค่กังวลมากเกินไปหน่อย ขอคุยกับปพนหน่อยนะ)
“แม่ฉันพาไปทำวัตรเย็น อีกสักพักก็เสร็จแล้ว”
(งั้นเดี๋ยวนิลโทรมาใหม่นะนิว ขอบคุณมากเลยนะ ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่นิวด้วยที่เมตตาปพน)
“เออๆ! แกขอบคุณบ้านฉันมาเป็นล้านรอบแล้วยัยนิล ทำงานไปเถอะไม่ต้องห่วงทางนี้นะ”
(โอเค)
“โอเค”
การสนทนาแบบเห็นหน้าจบลงโดยที่คนจากทางไกลก็ยังไม่ได้คุยกับเด็กน้อยสักคำ
นินิววางสายเสร็จแล้วเธอก็เตรียมยาและนมอุ่นๆ ให้เด็กชายทานก่อนเข้านอน
“ปพนครับ”
(หม่ามี้!)
“ห้ามซนแบบวันนี้อีกนะครับ”
(หม่ามี้! กู๊ดไนท์...)
“ง่วงแล้วเหรอลูก...กู๊ดไนท์นะครับ”
(หม่ามี้! กู๊ดไนท์....คิส)
...
(หม่ามี้คิส! กู๊ดไนท์คิส!)
เด็กน้อยเคยชินกับอ้อมกอดและจุมพิตจากคนเป็นแม่ทุกค่ำคืน และคืนนี้ก็ไม่มีแม่ของเขาเหมือนอย่างที่เคย หนูน้อยปพนจึงออกลูกงอแงให้คนเป็นแม่ร้อนรุ่มใจ
คนไกลเห็นลูกชายงอแงผ่านเครื่องสื่อสารแล้วน้ำตาจะไหล แต่เพราะเธอมีภาระหน้าที่ที่ต้องผิดชอบจึงจำต้องเอาลูกมาฝากเพื่อนอย่างช่วยไม่ได้
“หม่ามี้ขอโทษนะครับ คืนนี้ให้ป้านิวคิสนะ”
(คิสมี....หม่ามี้)
คนเป็นแม่จึงต้องเข้มแข็งให้ได้แม้ใจจะขาดอยู่รอมร่อ
💋
“กู๊ดไนท์นะครับคนดีของหม่ามี้”
ความอ่อนเพลียจากการเล่นซนมาทั้งวัน ในที่สุดคนทางไกลก็สามารถเอาลูกหลับได้ผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ใช้สนทนากับลูกชาย
เด็กน้อยหลับสนิทลงได้ในทันทีและเธอก็ภาวนาขอให้ยอดดวงใจของเธอคนนี้ฝันดีตลอดคืน...
เพื่อทดแทนบุญคุณของผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง การแต่งงานและละทิ้งความฝันคือสิ่งที่เขาต้องการจาก“เธอ”
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด