เขาเกิดจากเศษเสี้ยวหนึ่งที่คุณแค่ทิ้งไว้ในตัวฉันเท่านั้น นั่น! ไม่ใช่ “ความรัก” // ภาคต่อตอนจบจาก 'เสน่หาคู่นอน'
โรงพยาบาลA
ตุ๊บ!!
“อุ๊ยหนู! เจ็บไหมครับ”
ช่วงบ่ายวันหนึ่งที่แสนธรรมดา ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สถานที่ที่เต็มไปด้วยคณาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มากมาย
เด็กชายตัวเล็กวัยกำลังหัดพูด หัดเดิน
เขาเดินเตาะแตะไปตามประสาเด็กจนชนหญิงสาวคนหนึ่งโดยมิตั้งใจ
โนว...
“หึม!? ว่าอะไรนะครับ” สำเนียงและคำตอบแปลกๆ ที่หญิงสาวคนนั้นได้ฟังและไม่เข้าใจ เธอจึงย่อตัวนั่งลงมาใกล้ๆ พร้อมประคองเด็กชายตัวน้อยยืนขึ้น
“คนเก่ง! ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“แอมโอเค้!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา เป็นภาพที่แสนน่ารักจนคนได้รับและคนที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้มตามกับภาพที่เห็น
“น่ารักจัง...ลูกใครเนี้ย!!”
“ปพน! ต๊าย! ปพนมานี้ลูก” หญิงสาวอายุราวๆ เบญจเพสร้องลั่นเมื่อเธอมองหาเด็กชายวัยขวบเศษๆ กำลังน่ารักเดินไปไกลจากตัวมาก
เธอคิดว่าเด็กชายตัวน้อยล้มหน้าคะมำและตอนนี้คงกำลังเบ้ปากอยากร้องไห้แน่ๆ
“ปพน! เจ็บไหมครับเนี้ย”
“พนโอเค”
“You Okay!?”
“เยสสส” เด็กชายตัวน้อยตอบเสียงใสแจ๋ว
สำเนียงแม้จะไม่ได้ดูฝรั่งจ๋าเท่าไร และหน้าตากับสีผมก็ไม่ได้ออกไปทางลูกครึ่งด้วยซ้ำ แต่หนูน้อยปพนที่หญิงสาวร้องถาม ก็ถนัดโต้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษแม้จะฟังไทย(พอ)รู้เรื่องบ้างเล็กน้อย
“นี้ใช่....” หญิงสาวร้องถามผู้ปกครองของเด็กน้อย
“สวัสดีค่ะพี่พิม”
“เออ...หนูชื่อนินิวคะ!”
“เพื่อนยัยนิลใช่ไหม ถึงว่ารู้สึกคุ้นหน้า”
“แหะๆ ใช่ค่าา” คนอ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นไหว้
พิมสุดาในตอนนี้เธอก็ยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้เช่นเดิม
เวลาสองปีเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ได้เยอะแยะ
“แล้วนี่...ลูกเหรอ” พิมสุดาหันมองเด็กชายตัวเล็กที่นินิวอุ้มไว้
หนูน้อยคนนี้นี่เองแหละที่เดินไปชนกับพิมสุดาจนล้ม ขณะที่คนเป็นป้ากำลังรอรับยาแก้ภูมิแพ้และตั้งใจฟังคุณเภสัชกรว่าแต่ละตัวต้องทานยังไงบ้างจนลืมสนใจหลานชายเข้าให้
“คะ!...ลูก!!!” นินิวทำหน้าเลิ่กลั่ก เธอไม่คาดคิดว่าต้องมาตอบคำถามใคร โดยเฉพาะพิมสุดา
ได้ข่าวอยู่ว่าขึ้นเป็นผู้อำนวยการ แต่ไม่นึกว่าจะมาเจอกันวันนี้ ตรงนี้
“ป้า!”
“ห้ะ!?” สองสาวหันมองตามเสียงที่มา
เด็กน้อยมองสองสาวแล้วพูดคำว่า “ป้า” ฟังดูเจ็บ แต่มันเรื่องจริง
“ป้า! หม่ามี้!”
“โอเคๆ! เดี๋ยวหม่ามี้พาไปหม่ำๆ ไอติมเนาะ”
...
“ไปก่อนนะคะพี่พิม สวัสดีค่ะ”
“อืม! สวัสดี”
...
“สวัสดีนะครับปพน! หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ” พิมสุดหาลูบศีรษะกลมมีผมดกดำด้วยความเอ็นดู ไม่รู้ทำไมรู้สึกถูกชะตากับเด็กปพนนี้ตั้งแต่แรกเจอ
“กู๊ดบาย” เด็กน้อยยกมือไหว้พร้อมพูดลา
รอยยิ้มไร้เดียงสาส่งยิ้มให้คนแก่กว่าและใครจะรู้ว่าเสน่หาของเด็กชายนี้จะยึดหัวใจพิมสุดาไปครอง
18.00 น.
“แก! ฉันนี้หัวใจเกือบจะวายตาย”
(แล้วเขาสงสัยอะไรรึเปล่า)
“ฉันว่าไม่”
(นิว...!!)
“โอเคๆ ฉันขอโทษ”
(นิลก็ขอโทษ...นิลแค่กังวลมากเกินไปหน่อย ขอคุยกับปพนหน่อยนะ)
“แม่ฉันพาไปทำวัตรเย็น อีกสักพักก็เสร็จแล้ว”
(งั้นเดี๋ยวนิลโทรมาใหม่นะนิว ขอบคุณมากเลยนะ ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่นิวด้วยที่เมตตาปพน)
“เออๆ! แกขอบคุณบ้านฉันมาเป็นล้านรอบแล้วยัยนิล ทำงานไปเถอะไม่ต้องห่วงทางนี้นะ”
(โอเค)
“โอเค”
การสนทนาแบบเห็นหน้าจบลงโดยที่คนจากทางไกลก็ยังไม่ได้คุยกับเด็กน้อยสักคำ
นินิววางสายเสร็จแล้วเธอก็เตรียมยาและนมอุ่นๆ ให้เด็กชายทานก่อนเข้านอน
“ปพนครับ”
(หม่ามี้!)
“ห้ามซนแบบวันนี้อีกนะครับ”
(หม่ามี้! กู๊ดไนท์...)
“ง่วงแล้วเหรอลูก...กู๊ดไนท์นะครับ”
(หม่ามี้! กู๊ดไนท์....คิส)
...
(หม่ามี้คิส! กู๊ดไนท์คิส!)
เด็กน้อยเคยชินกับอ้อมกอดและจุมพิตจากคนเป็นแม่ทุกค่ำคืน และคืนนี้ก็ไม่มีแม่ของเขาเหมือนอย่างที่เคย หนูน้อยปพนจึงออกลูกงอแงให้คนเป็นแม่ร้อนรุ่มใจ
คนไกลเห็นลูกชายงอแงผ่านเครื่องสื่อสารแล้วน้ำตาจะไหล แต่เพราะเธอมีภาระหน้าที่ที่ต้องผิดชอบจึงจำต้องเอาลูกมาฝากเพื่อนอย่างช่วยไม่ได้
“หม่ามี้ขอโทษนะครับ คืนนี้ให้ป้านิวคิสนะ”
(คิสมี....หม่ามี้)
คนเป็นแม่จึงต้องเข้มแข็งให้ได้แม้ใจจะขาดอยู่รอมร่อ
💋
“กู๊ดไนท์นะครับคนดีของหม่ามี้”
ความอ่อนเพลียจากการเล่นซนมาทั้งวัน ในที่สุดคนทางไกลก็สามารถเอาลูกหลับได้ผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ใช้สนทนากับลูกชาย
เด็กน้อยหลับสนิทลงได้ในทันทีและเธอก็ภาวนาขอให้ยอดดวงใจของเธอคนนี้ฝันดีตลอดคืน...
เพื่อทดแทนบุญคุณของผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง การแต่งงานและละทิ้งความฝันคือสิ่งที่เขาต้องการจาก“เธอ”
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------