เพราะมีพี่สาวในหมู่บ้านเป็นต้นแบบ เด็กกตัญญูและขยันสุดๆ แบบข้าวขวัญเลยอยากดำเนินรอยตาม ครอบครัวของเธอยากจน ข้าวขวัญเลยอยากเรียนสูงๆ ยายลำดวนที่สนิทกับยายสร้อยเลยบากหน้าไปขอร้องเพื่อนรัก ข้าวขวัญเลยมีโอกาสได้ไปทำงานไกลถึงเบลเยี่ยม ความไร้เดียงสาของเธอเตะตาใครบางคนเข้า เขาหวังครอบครองเธอ แต่ไม่อยากรับผิดชอบ คงเพราะเคลวิน ฟานเดอเวล เคยมีประสบการณ์ด้านความรักในแง่ไม่ดี ข้าวขวัญก็เหมือนสาวๆ ทั่วไป เธอหลงใหลหนุ่มหล่อทันทีที่ได้สบตากัน และเพราะความเจียมตัว หากเทียบกับผู้ชายคนนั้น ข้าวขวัญยอมเก็บความลับ เธอไม่เคยบอกใครเลยเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง... ‘คู่หมั้น’ ของเคลวินมาเยือน ข้าวขวัญได้แต่กลืนน้ำตา เธอตั้งใจจะไม่พูด และลืมความหลังทั้งหมด เธอแค่มาหาเงิน และกลับไปสานฝันให้ยายลำดวน อนาคตของเธอไม่ควรจมอยู่ในความทุกข์ เธอยังมีคนที่รักและหวังดีกับเธอรออยู่
ตอนที่1.เมื่อชีวิตเริ่มมีความหวัง
“ยายจ๋าไปไหนมาแต่เช้าเลย?” ข้าวขวัญตะโกนถามลำดวนที่เดินกระย่องกระแย่งมาตามทางโรยกรวดเม็ดเล็กๆ บริเวณหน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเรอะ!!” ลำดวนไม่ได้ตอบ หลังวางตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักสดลงบนแคร่หน้าบ้าน ก็รีบถามหลานสาวที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว
“เพิ่งกลับมาค่ะยาย วันนี้ข่ายติดปลาเยอะมากเลย เดี๋ยวข้าวทำปลาต้มเค็มให้ยายกินนะคะ” ข้าวขวัญตอบแล้วก็ส่งยิ้มให้
ลำดวนส่ายหน้ากวักมือเรียกหลานสาว “มาหายายแปบสิข้าวเอ๋ย”
“ให้ข้าวทำกับข้าวเสร็จก่อนไม่ได้เหรอคะยาย” ข้าวขวัญท้วง
“จุดเตาหรือยัง ถ้ายังมาหายายก่อน ยายมีเรื่องจะบอก” ลำดวนถามต่อ ข้าวขวัญเลยวางมือเดินมาหาลำดวนก่อน
ลำดวนยกมือลูปศีรษะหลานสาว เด็กน้อยที่ลำดวนฟูมฟักมาอย่างดี แม้จะอดมื้อกินมื้อข้าวขวัญก็ไม่เคยบ่น เด็กดีๆ แบบนี้หากอนาคตจบแค่คนทำงานหนัก หาเช้ากินค่ำมันก็น่าเสียดาย
“ข้าว อยากเรียนต่อไหมลูก?”
เป็นคำถามที่สะเทือนใจทั้งคนถามและคนที่ต้องตอบ
ข้าวขวัญรู้ดี เธอหมดโอกาสที่จะเรียนต่อนานแล้ว ยายที่อายุมาก ทำงานหนักไม่ไหวแล้ว มีรายได้ทางเดียวจากบัตรสวัสดิการของรัฐเดือนละหกร้อยบาท ซึ่งไม่พอกินในแต่ละเดือนด้วยซ้ำ
“ไม่หรอกยาย ข้าวอยากทำงานแล้ว” ข้าวขวัญเม้มปากหลังตอบยาย
“ไม่ต้องมาโกหกยายหรอกข้าวเอ๋ย ข้าวอยากเรียนต่อยายรู้”
ข้าวขวัญส่ายหน้า “ไม่จริงๆ ค่ะยาย ต่อให้ข้าวมีโอกาสได้เรียน ข้าวก็ไม่ไปเรียนหรอก” หากข้าวขวัญรับโอกาสนั่น แล้วยายละจะอยู่ยังไง ยายลำดวนที่อายุเฉียดเจ็ดสิบปี ความที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต บั้นปลายชีวิตของลำดวนเลยเจ็บออดๆ แอดๆ
“ทำไมละลูก?” ลำดวนถามต่อ
“ข้าวไม่ทิ้งยายไปไหนหรอกค่ะ จากนี้ไปข้าวจะดูแลยายเอง” ข้าวขวัญพูดพร้อมกับยิ้ม
หากเป็นไปได้ ข้าวขวัญอยากให้ชีวิตต่อจากนี้ของลำดวนได้สบายบ้าง เธอจะขยันทำงาน เก็บออมเงิน สิ่งแรกคือการสร้างบ้านใหม่ให้แข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งคงต้องเก็บเงินอีกหลายปี กว่าจะมีเงินก้อนนั้น
“ข้าวจำพี่นิดาได้ไหม?” ลำดวนถามทะลุกลางปล้อง หลังข่มความเศร้าในใจไว้มิดชิด
ข้าวขวัญพยักหน้ารัวๆ เรื่องของนิรดากลายเป็นตำนาน เด็กสาวที่ไปเผชิญโชคที่ต่างประเทศ จนสามารถส่งตัวเองเรียนจบ และโชคดีขนาดพิชิตใจเจ้าของสวนเชอร์รี่ที่เบลเยียมได้
“ยายกับยายสร้อยเป็นเพื่อนกันนะ” ข้าวขวัญขมวดคิ้ว พลางคิดตามคำพูดของยายลำดวน
เรื่องของนิรดา ข้าวขวัญได้ยินบ่อยเพราะเพชรชมพูเป็นครูประจำชั้นของเธอ และเพชรชมพูคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับนิรดาเสียด้วย ข้าวขวัญเลยตั้งใจเรียนภาษาเป็นพิเศษ เธอมีความสามารถ แต่ขาดทุนทรัพย์ เพชรชมพูเองก็คอยสนับสนุน แต่ข้าวขวัญบอกปัด เธอไม่อยากให้ตัวเองถ่วงนักเรียนรายอื่น เพราะต่อให้เธอสอบได้ มีคะแนนถึง แต่ก็ไม่สามารถไปเรียนได้ เพราะไม่มีรายจ่ายเนื่องจากญาติคนเดียวของเธอ อายุมากแล้ว ข้าวขวัญตัดใจทิ้งยายลำดวนไม่ลง
ยายจะอยู่ยังไงคนเดียว หากเธอต้องไปเรียนไกลบ้าน
“ยายบากหน้าไปขอให้ยายสร้อยช่วยมา” ลำดวนพูดแล้วก็ก้มหน้า
ข้าวขวัญยกมือปาดน้ำตา เธอสวมกอดยายแล้วก็เผลอสะอื้นออกมา ความอัดอั้นที่แบกรับไว้ตั้งแต่โตรู้ความ เธอเห็นอนาคตของตัวเอง เธอไม่มีทางไปได้ไกลมากกว่านี้แล้ว
“ไปหาเงินนะข้าว แค่สองสามเดือน ยายอยู่ได้”
ฤดูเก็บเกี่ยวทุกปี นิรดาจะมาหาคนจากบ้านเกิดไปทำงานที่สวนเชอร์รี่ของสามี เป็นการเปิดโอกาสให้คนยากไร้ได้ทำตามความฝัน ข้าวขวัญเองก็เคยฝันไว้ แต่เธอต้องตัดใจเพราะห่วงยายลำดวน
“ยายจะรักษาตัวรอให้ข้าวกลับมา ห่างกันเพื่ออนาคตของข้าวนะลูก” ลำดวนกล่อมหลานสาว ข้าวขวัญเรียบร้อยก็จริง แต่ใจแข็งเหลือเกิน
“ยายสัญญากับข้าวแล้วนะคะ” ข้าวขวัญถามเสียงเครือ
“ยายจะกินข้าวเยอะๆ จะเดินออกกำลังกายทุกวัน และยายจะไม่ป่วย” ลำดวนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพื่อให้หลานสาวเชื่อใจ
“ข้าวจะไปซื้อโทรศัพท์ สมัยนี้มีหลายแอปพลิเคชั่นที่ติดต่อกันได้โดยไม่เสียเงินค่ะยาย ข้าวจะโทรหายายทุกวันหลังเลิกงานเลย”
“อย่าถึงขั้นนั้นเลยลูก แค่อาทิตย์ละครั้งพอ เวลาไม่ตรงกัน ข้าวจะเหนื่อยเปล่าๆ” ลำดวนท้วง ข้าวขวัญยิ้มกร่อยๆ แล้วก็พยักหน้ารับ
“ข้าวต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะยาย”
“นี่ไง นังหนูเพชรจดมาให้แล้ว” ลำดวนยื่นกระดาษที่ยัดใส่กระเป๋าไว้ให้หลานสาว
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."