เรื่อง...ประทับใจยัยขี้เมา นิยายเรื่องนี้...เขียนต่อจากเรื่อง อลเวงวิญญาณพบรัก (รุ่นลูก) คำโปรย สัมผัสที่หกของเธอได้รับถ่ายทอดมาจากผู้เป็นแม่ ซึ่งมันจะหายไป ก็ต่อเมื่อเธอได้พบกับรักแท้เท่านั้น แนะนำตัวละคร ขุนเขา (พี่ขุน) อายุ 29 ปี งานแต่งที่กำลังจัดขึ้นอย่างใหญ่โตเกือบต้องยกเลิกเพราะเจ้าสาวของเขาหนีไป แต่อยู่ๆก็มีใครบางคนเสนอตัวอยากแต่งงานกับเขาในค่ำคืนนี้ เฟื่องฟ้า (ฟ้า) อายุ 25 ปี การที่เธอสามารถมองเห็นวิญญาณได้เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่อยู่ๆก็มีวิญญาณเด็กมาขออยู่ด้วยและเรียกเธอว่าแม่ แค่นั้นยังไม่พอ ยังมาขอร้องให้เธอหาพ่อให้อีกด้วย “แม่...หนูอยากเกิด” ตัวละครเรื่อง...ชาตินี้ชาติไหนพี่ก็รัก (แต่งแยกเรื่อง) เพลงพิณ (เพลง) อายุ 25 ปี เธอคือ...น้องสาวพี่ขุนและยังเป็นเพื่อนรักกับเฟื่องฟ้า ภูธเรศ (พี่ภู) อายุ 28 ปี เขาคือ...คนรักของเพลงพิณเมื่อชาติที่แล้ว (ชาติก่อน~เพลงพิณเป็นพญานาค ส่วนภูธเรศเป็นมนุษย์) @@@@@@ 🌼นิยายเซตนี้🌼 1.อลเวงวิญญาณพบรัก (รุ่นแม่) 2.ประทับใจยัยขี้เมา (รุ่นลูก) 3.ชาตินี้ชาติไหนพี่ก็รัก (2&3 เนื้อเรื่องต่อกัน แนะนำให้อ่านคู่ค่ะ)
ตอนที่ 1 ไม่ชอบในสิ่งที่ตัวเองเป็น (รุ่นลูก)
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฟื่องฟ้า หรือจะเรียกง่ายๆว่าฟ้าเฉยๆก็ได้ ตอนนี้ฉันอายุ 22 ปี กำลังจะเรียนจบแล้ว
ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันก็สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
คุณแม่บอกกับฉันว่า สิ่งที่ฉันเป็น เมื่อก่อนท่านก็เคยเป็น แต่ตอนนี้ท่านไม่เห็นวิญญาณพวกนั้นแล้ว กลับกลายเป็นฉันที่เห็นแทนท่าน
คุณแม่เคยเล่าให้ฟังและบอกกับฉันว่า ความพิเศษนี้มันน่าจะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่ออะไรบางอย่าง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้
ในขณะที่ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมที่จะออกไปมหาวิทยาลัย อยู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเรียก ซึ่งจากสัญชาตญาณของฉัน แน่นอนว่าฉันรู้ว่าต้องไม่ใช่คนแน่ๆ
"แม่..." ใครเรียกวะ...ฉันคิดในใจแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย วันนี้มาแปลกเรียกแม่...มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ฉันพยายามไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฉันไม่ใช่คนกลัวผี คนต่างหากน่ากลัวกว่าผี
"แม่..." เรียกอีกและ ผัวยังไม่มีจะไปเอาลูกที่ไหนมา...
"แม่!!" อยู่ๆก็มีเด็กอ้วนคนหนึ่งปรากฏตัวให้ฉันเห็น
"เฮ้ย! ตกใจหมด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง" ฉันหันไปด่า เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนผิวขาว หน้าตาน่ารัก กำลังมองมาที่ฉันตาแป๋ว
"หนูส่งเสียงแล้วนี่ไง ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะได้ยินเหรอ" แม่...โอ๊ยอยากจะบ้า!
"หลงแม่หรือไง ไปๆ ไปที่ชอบๆ" ฉันไล่...ไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอกนะ แล้วเจ้าเด็กคนนี้เข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไงเนี่ย ปู่เจ้าที่ไปไหน...ฉันแอบบ่นเจ้าที่ที่ปกปักรักษาอยู่ในบริเวณบ้านของฉัน
"หนูชอบที่นี่" แล้วยังไง!
"เอ๊ะ! ไอ้เด็กนี่...ฉันไม่มีเวลามานั่งเล่นด้วยหรอกนะ" ฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าเอวแล้วหันไปมองหน้าวิญญาณเด็ก ด้วยสายตาติดรำคาญ จากนั้นฉันก็หยิบหนังสือแล้วเดินออกจากห้องไป
"แม่จะไปไหน..." และแล้วเสียงนั้นก็เอ่ยถามฉันอีกครั้งพร้อมกับเดินตามมา
"ฉันจะไปโรงเรียน แล้วฉันก็ไม่ใช่แม่ของนาย...มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ"
"แม่ครับ...มีคนบอกให้หนูมาอยู่กับแม่"
"ใครบอก..." ฉันขมวดคิ้วถาม...
"หนูก็ไม่รู้...เขาให้หนูมาเกิดในท้องแม่" ห๊ะ!! ไร้สาระ!
"โอ๊ย...จะไปกันใหญ่แล้ว ฉันยังเรียนไม่จบเลย ไปหาแม่ใหม่ก่อนเถอะไป!" พูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญนิดหน่อย จากนั้นฉันจึงเดินลงชั้นล่างไป เห็นคุณพ่อกับคุณแม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารก่อนแล้ว
"เป็นอะไรไปลูก อารมณ์ไม่ดีแต่เช้าเลย" เป็นเสียงของคุณแม่ ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆท่าน
"มีผีเด็กมาขออยู่ด้วยค่ะ ฟ้ารำคาญ" เรื่องที่ฉันเห็นผี จะมีไม่กี่คนที่รู้และเชื่อฉันจริงๆ ส่วนคนไม่เชื่อเขาก็ว่าฉันบ้า...
"เอาน่าลูก...ถ้าเขาไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้เราก็ช่างเขาเถอะ"
"แล้วเมื่อไหร่ฟ้าจะเลิกเห็นสิ่งที่คนส่วนมากมองไม่เห็นสักทีล่ะคะ" ฉันรู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับชีวิตประจำวันของฉันมาก
"เมื่อถึงเวลา...แม่เชื่อว่าการที่หนูได้สิ่งพิเศษนี้มาก็เพื่อต้องทำภารกิจบางอย่าง เหมือนเรื่องของแม่ไง" เมื่อก่อนคุณแม่ก็เห็นวิญญาณเหมือนกับฉัน ส่วนเรื่องราวของท่านกับคุณพ่อนั้นมันวิเศษมากๆ
"ภารกิจอะไร...แล้วทำไมต้องเป็นหนูด้วย ทำไมไม่เป็นคนอื่น" ฉันน้อยใจในโชคชะตานี้มาก ฉันเหมือนคนผิดปกติในสายตาของคนทั่วไป
"แม่ขอโทษนะลูก..." คุณแม่เขยิบเข้ามาหาฉัน ท่านยกมือขึ้นลูบศีรษะของฉันเบาๆ เป็นการปลอบ
"คุณแม่...ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฟ้าไม่ได้โทษคุณแม่ ฟ้าขอโทษ ฟ้าไม่ได้ตั้งใจ" ฉันไม่ได้โทษคุณแม่...ฉันโทษชะตาชีวิตของฉันเองต่างหากล่ะ
"ไม่เป็นไรลูก...แม่เข้าใจ เมื่อก่อนแม่เองก็เคยมีความรู้สึกเหมือนที่ฟ้ากำลังเป็นอยู่"
"คุณพ่อขา...ฟ้าขอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้มั้ยคะ" ฉันคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว...ฉันอยากหนีไปอยู่ในที่สงบๆสักพัก
"ไปไกลหูไกลตาแบบนั้นพ่อเป็นห่วง..."
"ฟ้าอยากหายไปจากสิ่งที่ฟ้าเป็นสักพัก...นะคะคุณพ่อ" น้ำเสียงออดอ้อนของฉันหวังว่าคุณพ่อจะยอมใจอ่อนให้ฉันไป
"คุณแม่ขา...ช่วยฟ้าพูดกับคุณพ่อให้หน่อยสิคะ"
"แม่อยากจะบอกฟ้าว่า...ฟ้าไม่มีวันหนีสิ่งที่ฟ้าต้องเผชิญพ้น แต่แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไร และเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น"
"ฟ้าทราบค่ะ ฟ้าแค่อยากออกไปจากสังคมนี้สักพัก...นะคะคุณแม่" ทุกวันนี้ในสายตาของคนรอบข้างมองฉันเป็นตัวประหลาด...พวกเขาคิดว่าฉันพูดคนเดียวแต่ฉันไม่ได้พูดคนเดียว อธิบายไปก็ไม่มีใครเข้าใจ บ้างก็กลัวในสิ่งที่ฉันอธิบาย บ้างก็หาว่าฉันประสาท พักหลังๆมาฉันพยายามจะไม่สนใจไอ้ผีพวกนั้นที่มันชอบมาชวนฉันคุย...ขอหวยแม่งก็ไม่เคยให้!
"คุณคะ ให้ลูกไปเถอะนะคะ เมื่อก่อนฉันเองก็อึดอัดเหมือนแก ต้องออกมาอยู่คนเดียวจนได้เจอกับคุณนั่นแหละ"
"เอาล่ะ...ถ้าฟ้าอยากไป พ่อจะให้ลูกน้องของพ่อหาที่เรียนและที่พักใกล้ๆให้ หนูอยากไปประเทศไหนล่ะ" ในที่สุดคุณพ่อก็ยอม..เย่! ดีใจจังเลย
"ใกล้ๆก็พอ...อื้อ..." ฉันทำท่าคิด
"นิวซีแลนด์แล้วกันค่ะ บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน"
"ใกล้บ้านแกสิ...ก็ได้ เดี๋ยวพ่อให้ลูกน้องจัดการให้" ฉันยิ้มหวานแล้วรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เข้าไปกอดคุณพ่อทันที
"ขอบคุณค่ะ ฟ้ารักคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดเลย"
"ไม่ต้องมาอ้อน ไปเรียนได้แล้วมั้งเดี๋ยวสาย"
"ค่า..." ฉันตักข้าวต้มเข้าปากอีกสองสามคำแล้วหยิบหนังสือเดินออกจากบ้านไป
@มหาวิทยาลัย
"ฟ้า..." เสียงไอ้เพลงเพื่อนรักของฉันดังขึ้น
"อ้าว...เพลง" ฉันหันไปตามเสียงเรียก แล้วส่งยิ้มให้เพื่อน
"เมื่อวานแกหายไปไหนมา ทำไมถึงไม่มาเรียน" ฉันถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง สำหรับฉันเพื่อนกันไม่จำเป็นที่จะต้องคุยกันทุกวันก็ได้ ถ้ามันไม่โทรมา ฉันจะคิดว่าเพื่อนไม่สะดวก ฉันก็จะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัว ซึ่งฉันเองก็เป็นคนชอบความสงบมากเช่นกัน และคิดว่าคนอื่นก็น่าจะต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน
"โรคประหลาดฉันกำเริบน่ะ ฉันก็เลยไม่อยากมา...เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆพวกนี้จะหายไปสักทีนะ ไม่รู้เวรกรรมอะไรของฉัน"
"เฮ่อ...ฉันก็ไม่รู้ เบื่อเหมือนกัน เออ...ปีหน้าฉันขอคุณพ่อไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์แหละ อยากไปจากที่นี่สักพัก"
"แล้วฉันล่ะ แกก็รู้ว่าฉันเพื่อนน้อย" อ้าว...
"ฉันเองก็มีแกเป็นเพื่อนคนเดียว...ไปด้วยกันมั้ยล่ะ ไปต่อโทที่โน่น เรียนจบแล้วค่อยกลับ" ถ้าไอ้เพลงมันยอมไปเรียนต่อด้วยกันกับฉันก็คงดี
"ต้องลองไปขอที่บ้านก่อน นิวซีแลนด์ใช่มั้ย"
"อือ...อากาศดีเหมาะแก่การไปพักผ่อนหรือแกว่าไง" ฉันหมายถึงว่าถ้ามันอยากเปลี่ยนประเทศก็ได้นะ
"ไม่ว่าอะไร...ฉันจะได้ไปบอกที่บ้านถูก"
"ป่ะ...ได้เวลาเข้าเรียนแล้วไปกัน" ฉันกับไอ้เพลงพากันเดินเข้าห้องเรียนตามปกติ
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่