เรื่อง...อลเวงหัวใจพบรัก คำโปรย รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่การแสดง แต่ทุกครั้งที่เธอถูกเนื้อต้องตัว นอกจากเขาจะเสียเงิน ยังเหมือนถูกเธอลวนลามอีกด้วย (เรื่องราวจะอลเวงขนาดไหน ใครได้กำไร ใครขาดทุน ติดตามได้ในเรื่องนะคะ) แนะนำตัวละคร ปราโมทย์ (ปราชญ์) อายุ 32 ปี เจ้าของโรงแรมชื่อดังของจังหวัด เขาหล่อ รวย จึงไม่แปลกที่จะมีสาวๆเข้ามามากมาย แต่เขาไม่ต้องการ จึงอยากหาไม้กันหมาสักคน มากันผู้หญิงพวกนั้นออกไป เมธาวี (เมล์) อายุ 22 ปี พนักงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานในโรงแรม เธอสวย น่ารัก ขี้งก ความสามารถเรื่องงานไม่มี แต่เรื่องใช้ปากเธอถนัด @@@@@@ นิยายรัก ฟีลกู๊ด ฟินๆ เหมือนเดิมค่ะ
ตอนที่ 1 พบเจอ
ณ โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และภูเขา ในความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่นี่จึงเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งที่โรงแรมแห่งนี้ยังมีอาหารให้เลือกหลากหลาย รสชาติอร่อย ห้องพักสวย หรูหรา สะอาดสะอ้านเป็นส่วนตัว ตลอดทั้งปีของโรงแรมแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมาพักผ่อน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดจะแน่นเป็นพิเศษ
"ไอ้หมอก...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกลูกน้อง หมอกเป็นพนักงานของที่นี่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการโรงแรม
นอกจากหมอกแล้ว ยังมีตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการรองจากหมอกอีกหนึ่งคน เขาคนนั้นชื่อเกม ทั้งสองคนนี้อายุยี่สิบกลางๆนอกจากจะเป็นลูกน้องแล้ว ยังเป็นเพื่อนและคู่หูให้กับคุณปราชญ์เจ้าของโรงแรมที่นี่อีกด้วย
“ครับบอส"
"ช่วงนี้โรงแรมมีปัญหาอะไรมั้ย"
"พนักงานน้อยครับ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ การบริการในด้านต่างๆไม่มีปัญหา แต่พนักงานของเราบ่นว่าเหนื่อยครับ" ช่วงนี้ฤดูฝนต้นไม้ภูเขาค่อนข้างเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวจึงพากันมาสัมผัสธรรมชาติ
"มีคนมาสมัครงานบ้างหรือเปล่า"
"พอมีเข้ามาครับ แต่ส่วนมากจะเป็นเด็กนักศึกษาจบใหม่ ไม่ค่อยมีประสบการณ์"
"รับเข้ามาเถอะ เอามาฝึกเอา ขอแค่ให้ขยันและอดทนกับงานบริการ เรื่องอื่นคงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง"
"รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ครับ"
"อือ..."
"มีอีกเรื่องครับ" ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวสวยเสื้อผ้าค่อนข้างรัดรูป เดินตรงมาทางด้านหลังที่ปราชญ์กำลังยืนอยู่พอดี
"ว่ามา..." หมอกยืนหันหน้าไปทางด้านที่หญิงสาวคนนั้นกำลังเดินเข้ามา เขารีบส่งสายตาบอกเจ้านายหนุ่มทันที แต่มันคงไม่ทันแล้วเพราะเธอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เกือบจะถึงตัวแล้ว
"มาโน้นแล้วครับ" ทันใดนั้นเองเธอคนนั้นก็รีบส่งเสียงหวานๆมาแต่ไกล
"ปราชญ์ขา..."
"ทำไมมึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้!" เขาเบื่อผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะเขาเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ด้วยอาชีพงานบริการที่ทำอยู่ต้องค่อนข้างรักษาหน้าตาให้ตัวเองเป็นพิเศษ เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของตัวเอง สิ่งที่ทำได้ก็แค่ตามน้ำไปเท่านั้น เพราะทุกคนที่เดินเข้ามาในพื้นที่ของเขานอกจากลูกน้องแล้ว คนอื่นๆก็คือลูกค้า
"ผมก็เพิ่งเห็นครับ"
"ปราชญ์ขา...ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ ต้นหอมอยากชวนคุณไปทานอาหารกลางวันค่ะ"
"ผมยังไม่หิวครับ" เขาพยายามปฏิเสธแต่คงไม่เป็นผล
"แสดงว่ายังไม่ได้กิน ไปเถอะนะคะ ไปทานเป็นเพื่อนต้นหอมหน่อย" เฮ่อ...
"ไอ้หมอก..." ปราชญ์รีบกระซิบส่งสายตาให้ลูกน้องช่วย แต่!
"พักเที่ยงพอดี ผมขอตัวก่อนนะครับ" มีลูกน้องแบบนี้มันน่าไล่ออกจริงๆ...ปราชญ์คิดในใจ
"ก็ได้ครับ" ในที่สุดเขาก็ยอมพาต้นหอมไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน โดยเลือกทานที่ห้องอาหารมุมหนึ่งของโรงแรมของเขานี่แหละ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น อยู่ๆก็มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาทักทายเจ้าของโรงแรมด้วยท่าทางออดอ้อน
"พี่ปราชญ์ขา...คิดถึงจังเลยค่ะ"
"ครับ"
ผู้หญิงพวกนี้ เธอเป็นคนในพื้นที่ฐานะค่อนข้างดี ส่วนมากจะเป็นพวกลูกสาวนักธุรกิจหรือลูกสาวนักการเมืองในพื้นที่ ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธพวกเธอได้ ทุกๆคนชอบแวะเวียนมาทานอาหารที่นี่เป็นประจำ สาเหตุหลักก็เพื่อต้องการจะได้พบหน้าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ตราบใดที่เขายังโสดปัญหานี้ก็คงไม่ยอมหมดไปง่ายๆ
"ช่วงนี้ฟ้าไม่ค่อยได้มาหาพี่ปราชญ์ที่นี่เลย พอดียุ่งๆอยู่กับงานไม่โกรธนะคะ"
"อ๋อ...ไม่หรอกครับ"
"โกรธอะไรกัน เธอไม่มาปราชญ์คงสบายใจขึ้นเยอะเลย ใช่มั้ยคะปราชญ์"
"นี่ป้า ถ้าให้ฉันเดา ชวนผู้ชายสินะ หน้าไม่อาย" ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ แม่ม่ายก็มีแวะเวียนมาบ้าง ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
"นี่เธอ!"
"พอเถอะครับ" ฝ่ามือเรียวใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ทั้งหมดนี้คงต้องโทษตัวเขาเองที่ไม่ยอมปฏิเสธพวกเธอตั้งแต่แรก
"ปราชญ์...คุณก็ดูสิคะ ยัยนั่นมาหาเรื่องต้นหอมก่อน" ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น อีกด้านหนึ่งก็มีหญิงชายสองคนกำลังเดินตรงเข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ อีกคนเดินหนี อีกคนตามตื้อไม่ยอมเลิก
"น้องเมล์ครับ น้องเมล์ หยุดก่อนครับ" ฉันชื่อเมธาวีหรือเรียกง่ายๆว่าเมล์ ฉันหยุดเดินกะทันหัน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าเอว พี่เอกจึงรีบเดินมาดักอยู่ทางด้านหน้าของฉันทันที
ฉันมองหน้าพี่เอก ผู้ชายหน้าจืดสวมแว่นหนาอยากนึกรำคาญ ด้านหน้าของฉันถัดออกไปไม่ไกลมากนัก กำลังมีผู้หญิงสองคนยืนเถียงกันอยู่ ซึ่งฉันก็มองไปที่ผู้หญิงสองคนนั้นอย่างนึกรำคาญเช่นกัน เพราะผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำหน้าเบื่อโลกไม่ได้แตกต่างไปจากฉันเลย
"กลับไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังชัดเจน ฉันเบื่อผู้ชายขี้ตื้อที่สุด บอกว่าไม่ชอบๆตามอยู่ได้!
"เดี๋ยวสิครับ...ถ้าน้องเมล์รับรักพี่ พี่สัญญาจะดูแลน้องอย่างดี รับรักพี่เถอะนะครับ" ยังไม่ยอมหยุดอีก! เฮ่อ...ป่วยหรือเปล่าวะเนี่ย พูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก
"ฉันมีแฟนแล้ว พี่กลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาอีก...รำคาญ!” บ้านของพี่เอกอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับฉัน แต่ไม่ได้พบกันบ่อยนักหรอก เพราะเขาทำงาน ส่วนฉันเพิ่งจะเรียนจบกลับมา เขาตามจีบฉันมาหลายปีแล้ว
“แฟนที่ไหนพี่ไม่เคยเห็น โกหกพี่ใช่มั้ย”
“นั่นไงแฟนฉัน” ฉันชี้ไปที่ผู้ชายตัวสูงคนนั้น ฉันไม่รู้จักเขาหรอก แต่ฉันอยากตัดความรำคาญ ขาสั้นๆของฉันรีบก้าวไปหาผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วดึงคอเสื้อของเขาเอาลงมาใกล้ๆ ริมฝีปากนุ่มนิ่มของฉันประกบจูบกับเขาทันที ทันใดนั้นเสียงทะเลาะกันก่อนหน้าเงียบกริบ
“กรี๊ด!!!!” เสียงกรี๊ดของผู้หญิงสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่ก่อนหน้า ทำให้ฉันยอมผละจูบออกมาจากผู้ชายตัวสูงคนนี้
“นี่ไงแฟนฉัน พี่กลับไปเถอะ” ฉันหันไปบอกพี่เอก ผู้ชายที่เดินตามฉันไม่เลิก โดยไม่ได้สนใจพี่ผู้หญิงสองคนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ
“พี่ไม่เชื่อ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ถามเขาดูสิ ที่รักคะ เราเป็นแฟนกันใช่มั้ยคะ” ฉันส่งสายตาขอความช่วยเหลือ คิดว่าถ้าฉลาดสักนิดก็น่าจะเข้าใจ
“ชะ...ใช่ครับ” คำตอบของเขาทำให้ฉันเลือกที่จะส่งยิ้มหวานๆไปให้เขา เป็นการแสดงให้พี่เอกเห็น
“ไปกันเถอะค่ะ” ฉันรีบจูงมือเขาเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ได้ยินเสียงกรี๊ดของผู้หญิงสองคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเขาที่จูงมือฉันเดินนำหน้า ขายาวๆของเขาทำให้ฉันก้าวตามแทบไม่ทัน
“ปล่อย...” ฉันสะบัดมือออกจากการจับกุมของเขาค่อนข้างแรง
“สาวน้อย...” เขาหันมามองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอื่นแต่อย่างใด
“ฉันชื่อเมล์ ไม่ใช่สาวน้อยของใคร” น้ำเสียงของเธอช่างน่าหมั่นไส้ซะจริง เมื่อกี้ใครกันนะที่จูบผมก่อน แถมยังเรียกผมว่าที่รักอีกด้วย
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว