น้ำค้างพบผู้ชายคนหนึ่งในตอนที่เธอเหงาและต้องการใครสักคน เธอไม่เคยลืมเขา หากโชคชะตามีจริงขอให้เราได้พบกันอีกครั้ง one night คืนหนึ่งเราเคยพบกัน “ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนน้ำนะคะ น้ำจะไม่ลืมหนึ่งคืนที่เราพบกัน ลาก่อนค่ะ” หากโชคชะตามีจริง ขอให้เราได้พบกันอีกครั้ง one night คืนหนึ่งเราเคยพบกัน
ตอนที่1
ท่วงทำนองดนตรีสากลคลอเบาๆ ที่มุมของบาร์มีร่างบางนั่งอยู่ หญิงสาวสวมชุดแซกคว้านถึงสะโพกอวดแผ่นหลังขาวเนียนแสงไฟสลัวยิ่งทำให้ร่างอ้อนแอ้น่ามอง น้ำค้างยกบลูมาการิต้าขึ้นจิบ แสงไฟจากบาร์ทำให้ค็อกเทลสีฟ้าเปร่งประกาย ความหวานละมุนแทรกซึมจากลิ้นสู่ลำคอระหง ค็อกเทลสีสวยรสหวานแต่ทำให้คนมอมเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ซ่อนอยู่
น้ำค้างเลือกที่จะมานั่งดื่มคนเดียวที่คลับแห่งนี้ เพราะเป็นคลับหรูกลางใจเมือง คนที่เข้ามาได้ล้วนต้องเปิดแมมเบอร์ราคาแพง น้ำค้างจึงมั่นใจว่าปลอดภัยหากต้องมานั่งดื่มคนเดียวก็ไม่มีอันตราย เนื่องจากต้องเปิดแมมเบอร์ราคาแพงแล้วเหล้าที่นี่ก็แพงมากๆ ด้วย ทำให้คนที่เขามาดื่มเรียกว่าคัดแล้ว โต๊ะแต่ละตัวก็อยู่ห่างกันมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
“หึหึ” พอคิดถึงตรงนี้ ร่างบางก็หัวเราะคิกคักออกมาคนเดียว แม้จะมั่นใจว่าปลอดภัยแต่เธอก็ดื่มในลิมิตที่ร่างกายรับไหวและระวังตัวเองอยู่เสมอ คลับแห่งนี้เคยทำเธอเจอเรื่องราวแปลกๆ มาแล้ว ปีที่แล้วช่วงน่าจะเดียวกันกับวันนี้ เธอก็นั่งที่บาร์ที่เดียวกับวันนั้น
“คุณครับ”
เสียงเรียกจากด้านหลังน้ำค้างจึงเอี้ยวใบหน้ากลับไปมองเล็กน้อย
“เรียกฉันหรือเปล่าค่ะ” นิ้วเรียวยาวจิ้มเข้าหาตนเอง เธอดื่มไป3แก้วแล้ว เริ่มเมานิดๆ จึงไม่แน่ใจว่าหูแว่วหรือเปล่า
“ครับ เจ้านายผมอยากเชิญให้คุณไปดื่มด้วย ห้องวีไอพีด้านบน” ชายในชุดสูทชี้ไปยังชั้นสอง บอกตำแหน่งห้องที่เจ้านายของตนอยู่
น้ำค้างมองตามมือนั้นไป ชั้นสองน่าจะเป็นห้องส่วนตัว ทิศทางที่ชายในชุดสูทชี้ไป มีเงารางๆ ยืนอยู่ข้างกระจก มองจากตรงนี้ดูไม่ออกเลยว่าคนที่อยู่หลังกระจกบานนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เท่าที่พิจารณาจากเงาก็ถึงว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีมาก สูงใหญ่กำยำล่ำสัน
“ชวนฉันขึ้นไปข้างบนเหรอค่ะ”
“ใช่ครับ เจ้านายผมสนใจคุณ”
“ได้สิค่ะ ฉันอยากมีเพื่อนดื่มเหมือนกัน แต่ฉันขอตัวไปเติมหน้าในห้องน้ำก่อนได้ไหมค่ะ”
“ได้ครับ ห้องวีไอพี 1 เจ้านายผมรออยู่ห้องนั้น” ชายในชุดสูทยิ้มกว้าง งานที่นายสั่งสำเร็จไปอีกงาน
น้ำค้างหยิบกระเป๋าสะพายก่อนจะเปิดกระเป๋าเงินจ่ายค่าเหล้า แต่ชายในชุดสูทก็ห้ามเธอไว้ เขาจะจัดการเอง น้ำค้างก็ไม่ปฏิเสธ เพียงส่งยิ้มบางและเอ่ยขอบคุณ ร่างบางสะพายกระเป๋าขึ้นพาดไหล่แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
เธอเข้าห้องน้ำแล้วทิ้งระยะเวลาซักพักผ่อนก่อนจะชะโงกหัวโผล่ออกมาดูลาดเล่า เมื่อเห็นไม่มีใครก็สาวเท้าวิ่งแผ่นแนบออกมาจากคลับ โชคดีที่คลับแห่งนี้ห้องน้ำอยู่ใกล้ประตูทางเข้าออก มีลูกน้องใช้งานก็ต้องมีเงินพอสมควร หากเธอปฏิเสธเขาอาจจะไม่สนใจและปล่อยผ่าน แต่ถ้าไม่ชอบการปฏิเสธแล้วละก่อนเธอคงมีเรื่องราวยุ่งอยากตามมา จึงเลือกการหนีเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเธอก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว โอกาสที่จะเจออีกหนแทบไม่มี
มีอย่างที่ไหนสนใจผู้หญิงแต่ดันส่งลูกน้องมาชวนไปดื่มด้วย ไม่ต่างอะไรจากจีบสาวแล้วให้เพื่อนขอเบอร์ให้เลย ซึ่งน้ำค้างไม่ชอบผู้ชายแบบนั้น ชอบก็ต้องจีบเองดิว่ะ
“ฮ่าๆ” คิดถึงเรื่องราวเมื่อปีที่แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ดูจากการแต่งตัวลูกน้องยังสวมสูทราคาแพง เจ้านายคงจะมีฐานะเป็นไฮโซคนหนึ่งของเมืองไทยก็ได้ ถ้าเธอไม่หนีกลับวันนั้น ไม่แน่เธออาจได้เปิดประสบการณ์ใหม่ระดับพรีเมียมไปแล้ว น้ำค้างยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบอีกครั้ง รสหวานมอมเมาช่วยให้เธอลืมเรื่องราวความทุกข์ภายในใจ ร่างบางหมุนเก้าอี้ปรับองศาเล็กน้อย มองดูผู้คนที่โยกย้ายร่างกายเบาๆตามจังหวะเสียงเพลง เธอมาดื่มที่คลับเพราะมันทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา ทำให้เธอลืมความทุกข์ได้บ้าง
น้ำค้างมาที่คลับแห่งนี้ปีล่ะครั้ง มาแค่ช่วงที่เดินทางกลับมาเยี่ยมหลุมศพของพ่อและพี่สาว อาทิตย์หน้าเธอก็กลับประเทศจีนกลับไปอยู่บ้านที่ครั้งหนึ่งมีแม่คอยเธออยู่ แต่ตอนนี้แม่ก็จากเธอไปอีกคน เธอไม่มีใครให้กลับไปหาอีกแล้วเธอตัวคนเดียวอยู่เพียงลำพังบนโลกกว้างใหญ่ ผู้คนมากมายไม่อาจเติมเต็มหัวใจที่โดดเดี่ยวของเธอได้เลย
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
โปรยปราย ผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
นางเกิดมาขาพิการแต่หาได้ไร้ใจไม่ มีเพียงคนผู้นั้นที่ไร้หัวใจยิ่งกว่านาง เขามาหลอกให้นางหลงรักแล้วถอนหมั้นอย่างเลือดเย็น หลังนางตายจากไปแล้วยังใช้ความเห็นอกเห็นใจของพี่ชายนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โชคดีสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กลับมาครานี้ ในเมื่อพวกมันรักกันมากนัก ก็เชิญรักกันไปได้เลย ชายชั่วเช่นนี้คิดจนตัวตายก็ไม่เอามาเป็นสามีเด็ดขาด!
ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง