ความแค้นที่สะสมเป็นเวลาหลายปีกำลังถูกสะสาง “หล่อน” ที่ไม่เคยสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองกำลังถูก “เขา” ลงทัณฑ์ วิธีการลงโทษขอเขาไม่ธรรมดา นอกจากจะทำให้ครอบครัวเธอหมดเนื้อหมดตัว เขายังทำให้หล่อนมาอยู่ในฐานะนางบำเรอ ที่ยิ่งนับวันความเร่าร้อนของจำเลย จะยิ่งทำให้โจทก์หวั่นไหว และโขกสับหล่อนยิ่งกว่าทาส ทาสสวาทที่ไม่ธรรมดา...เพราะฤทธิ์เดชยิ่งกว่าพริกร้อยเม็ด! “ถ้าเธอไม่หยุดทำให้ฉันปวดหัว ฉันจะจูบเธอต่อหน้าคนงาน” ภาวินทร์ขู่เสียงเขียว จ้องมองสาวตรงหน้าที่ยืนเท้าเอว ไม่มีทีท่าเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย “ถ้าคุณจูบฉันต่อหน้าคนงาน ฉันก็จะจูบพี่ชาตรีต่อหน้าคุณเหมือนกัน” เจอย้อนแบบนี้เข้าไป ภาวินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเธอจะยอกย้อนเช่นนี้ ก่อนจะหันไปมองชาตรี ลูกน้องคนสนิทที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าตนเข้าไปอยู่สงครามประสาท “เธอกล้าเหรอ” ภาวินทร์เสียงเข้มกว่าเก่า “คุณก็ลองทำดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันทำจริงหรือไม่จริง” เอมิกาท้ากลับ เชิดหน้าใส่ “ฉันทำให้คุณดูตอนนี้เลยก็ได้นะ มามะ พี่ชาตรีจ๋า มาให้เอมจูบหน่อย” ผู้พูดเดินตรงไปหาชาตรีที่ก้าวถอยหนีด้วยความกลัว เขาไม่ได้กลัวว่าเอมิกาจะจูบตนจริงๆ แต่กลัวแววตา ท่าทางของเจ้านายตัวดีต่างหาก กลัวว่าเท้าหนักๆ ของเจ้านายจะประเคนใส่หน้าตน ภาวินทร์ถึงกับทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงเรียกสาวแสบดังลั่น “เอมิกา!” ไม่พูดเปล่า เขาก้าวฉับๆ ไปหาร่างแน่งน้อย ก่อนจะจับหล่อนพาดบ่า เดินลิ่วๆ ไปบ้านพัก เดินไปตีก้นหล่อนไปด้วย ไม่สนใจเสียงร้อง และกำปั้นน้อยๆ ที่ทุบหลังเขาไม่หยุด “ร้ายนักนะ ร้ายอย่างนี้เดี๋ยวจะทำให้คลานลงจากเตียงเลยคอยดู” มาดูกันสิว่า คดีนี้ใครจะชนะระหว่าง โจทก์หนุ่มสุดหล่อกับจำเลยสุดสวย ใครคือผู้ชนะ
1
เสียงร้องไห้ปริ่มขาดใจของสตรีวัยห้าสิบเจ็ดปีขณะที่มองกลุ่มควันสีเทาที่ลอยออกมาจากปล่องเมรุกรีดหัวใจชายวัยยี่สิบเจ็ดปี ที่ต้องทนเห็นมารดาบุญธรรมในสภาพเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเข้าไปทุกวัน อาการเช่นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สาริชจากไปอย่างไม่มีวันกลับ นำพาความโศกเศร้ามาให้ครอบครัวของเขาชนิดที่ว่า เสมือนตกอยู่ในโลกมืดก็ว่าได้ แล้วตอกย้ำความเศร้าให้หนักขึ้น เมื่อตัวต้นเหตุที่คร่าชีวิตน้องชาย ไม่ได้ถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่กลับเป็นอีกคนหนึ่งที่ยินยอมเป็นแพะรับผิดแทน
“แม่ครับ เรากลับบ้านกันนะครับ พรุ่งนี้ค่อยมารับปอกลับบ้าน”
ภาวินทร์เข้าไปบอกมารดาที่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะประคองนางให้ลุกขึ้นยืน แต่ดูเหมือนว่าขาทั้งสองข้างของอรุณจะอ่อนล้าเกินกว่าจะหยัดยืนได้ พอลุกขึ้นได้ก็เกิดอาการมึนศีรษะ ทุกอย่างรอบตัวโคลงเคลงราวกับว่าอยู่ในเรือที่ลอยบนพายุคลั่งของทะเล สุดท้ายก็เป็นลมล้มพับ ภาวินทร์จึงอุ้มอรุณไปปฐมพยาบาลในศาลาสวดศพ
“แม่เป็นลมอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแหบโรยของปัญญา บิดาบุญธรรมที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์เอ่ยถาม
“ครับพ่อ” ภาวินทร์ตอบ หยิบยาดมมาจ่อตรงปลายจมูกมารดา
“วันนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย อรุณคงทำใจไม่ได้...ฮือ...พ่อเองก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน...ฮือ”
อุบัติเหตุในค่ำคืนนั้น ไม่เพียงแค่สาริชในวัยยี่สิบปีที่เสียชีวิต ปัญญาโดนผลพวงจากรถยนต์อีกคันที่พุ่งชนรถแท็กซี่ที่ตนเช่าขับอย่างจัง ส่งผลให้รถแท็กซี่หมุนหลายตลบ ก่อนจะพลิกคว่ำกลางถนน ปัญญาที่ยังพอมีสติคลานออกจากรถได้ทัน หมายจะเข้าไปช่วยสาริชบุตรชาย
ทว่าเหตุการณ์ซ้ำร้ายหนัก เมื่อรถแท็กซี่เกิดระเบิด ไฟลุกท่วม เขามองเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ไม่กี่อึดใจ สติของเขาก็ดับวูบ มารู้ตัวอีกทีก็อีกสองวันต่อมา พอฟื้นคืนสติ เขาได้รับข่าวร้ายสองข่าวในเวลาเดียวกัน ข่าวร้ายข่าวที่หนึ่งคือ สาริชเสียชีวิต ข่าวร้ายข่าวที่สองคือ เขาไม่มีขาข้างขวา
ภาวินทร์กัดกรามแน่น มองความเสียใจและความทุกข์ที่อาบใบหน้าบุพการี ที่แม้นว่า ทั้งสองจะไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่ที่ชาตินี้เขาต้องตอบแทนบุญคุณ ยิ่งมองเห็นยิ่งรู้สึกคับแค้นใจ จนอยากจะกรีดเลือดฉีกเนื้อผู้หญิงคนนั้นเป็นชิ้นๆ
“ในเมื่อกฎหมายลงโทษคนทำผิดตัวจริงไม่ได้ ผมเองครับ ผมจะพิพากษาครอบครัวของผู้หญิงนั้นด้วยตัวผมเอง พวกมันจะต้องเจ็บปวดและทุกข์อย่างแสนสาหัสมากกว่าเรา ร้อยเท่าพันเท่า จากนั้นผมจะให้พวกมันมาขอขมาเราทุกคน”
ภาวินทร์ประกาศกร้าว นัยน์ตามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า มองหน้าบิดามารดาบุญธรรม ก่อนจะเงยหน้ามองควันสีเทาที่ลอยออกจากปล่องเมรุ
“ปอไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น พี่จะทวงความยุติธรรมให้ปอเอง ไปสู่สุขคตินะน้องรัก”
ผู้พูดเป็นคนรักษาสัญญา ยึดมั่นในวาจาเป็นที่สุด ในเมื่อเขาเปล่งออกมาแล้ว เขาต้องทำให้ได้ จุดเริ่มต้นของการชำระความแค้นเริ่มต้นนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
เจ็ดปีผ่านไป
“อื้อ...จะนอน”
เจ้าของเสียงไม่ได้ลืมตาขณะพูด แถมยังปัดสิ่งที่ขัดจังหวะการนอนให้พ้นทรวงอกตน ทว่าสิ่งที่หล่อนปัดออก หาได้พ้นไปจากความนุ่มหยุ่นที่กำลังถูกมือใหญ่ของคนรักบีบเคล้น ภาวินทร์กลับออกแรงขยำมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ริมฝีปากเขาจูบไปตามเรียวแขน หัวไหล่ ไล่ไปถึงบ่า เลยไปถึงลำคอ มาหยุดอยู่ตรงใบหูที่อดจะขบเม้มเบาๆ ไม่ได้ การกระทำของเขาส่งผลตรงกับร่างกายเอมิกาที่สะท้านไปทั้งตัว
“ตื่นได้แล้วครับ แมวเหมียวขี้เซา”
พูดจบ เขาเป่าลมปากเข้าไปในหูสาว ไรฟันกัดติ่งหูหล่อนไม่แรงมาก เป็นการปลุกหล่อนอีกทาง...ซึ่งมันได้ผล
“ง่วงค่ะ ไม่อยากลุกเลย”
เอมิกา สาวสวยวัยยี่สิบเจ็ดปี ลูกสาวของนายอมรกับโสภา อินทรหิรัญ เจ้าของโรงแรมรอยัลเพลสจังหวัดกระบี่ และเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางพีวายเค ที่กำลังเป็นที่นิยมในท้องตลาด และกำลังขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งของประเทศในอีกไม่ช้านี้ หล่อนพูดแต่ไม่ลืมตา
“ตื่นครับ เช้านี้มีประชุมนะครับ” ภาวินทร์กระซิบบอกข้างหู มือใหญ่ตระครุบทรวงอวบใหญ่เกินตัวของคนขี้เซาที่แอ่นอกสู้มือแกร่ง “ขนาดนอนหลับนะเนี่ย ดูสิ...สู้มือซะด้วย จัดซะดีไหมเนี่ย”
ภาวินทร์ไม่พูดเปล่า สะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวเอมิกาออก แล้วใช้ร่างกายเขาเป็นผ้าห่มแทน และเมื่อร่างใหญ่อยู่เหนือร่างเล็ก เขาก็เริ่มโยกตัวช้าๆ แกล้งบดเบียดใจกลางร่างกายเบาๆ ก้มหน้าใช้ปากละเลียดชิมยอดทรวงที่เวลานี้หดตัวรอสัมผัส
“พอแล้วค่ะ ไหนบอกมีประชุมไงคะ” คนไม่อยากตื่นก็ต้องตื่น ก็เขาเล่นปลุกหล่อนแบบนี้ ไม่เพียงแค่ตื่นจากนิทรา อวัยวะต่างๆ ในกาย รวมถึงกระแสสวาทก็ตื่นตามไปด้วย หญิงสาวมองหน้าคนรักแล้วยิ้มหวาน “ลามก...เมื่อคืนไม่อิ่มหรือไงคะ”
“ก็เอมสวยไปทั้งตัว แถมอึ๋มอีกต่างหาก พี่ทนไม่ไหวหรอก อีกอย่างไม่ได้เจอกันตั้งสิบวันมันจะขาดใจรู้ไหม” เขาตอบเหนือปทุมถันสีชมพูอ่อน ขบกัดแล้วดึงเบาๆ หล่อนถึงกับครางสั่น ฝ่ามือเล็กลูบไปตามแขนกำยำ ใช้ปลายเล็บกรีดไปตามผิวเนื้ออุดมไปด้วยหมัดกล้ามเชื่องช้า “ยั่วเก่งอีกต่างหาก ไม่จัดคงไม่ได้”
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
หยุนซีแต่งงานกับกู้ซือเฉิน คุณชายที่สูญเสียสิทธิ์ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลแทนน้องสาว ตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ว่าที่สามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวของหยุนซีถูกค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่คิดเลย ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นทั้งแฮ็กเกอร์มืออาชีพ นักประพันธ์เพลงลึกลับ และทายาทคนเดียวของนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับชาติ.... มีทั้งนักร้องชื่อดัง นักแสดงที่เคยได้รับรังวัลมากมายและผู้สืบทอดของตระกูลที่ร่ำรวยมาตามจีบว่าที่ภรรยาของเขา กู้ซือเฉินควรทำอย่างไรดี?
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เมื่อสองปีก่อน เพราะความทำให้ธาวินพลั้งเผลอ มี One Night Stan กับเพื่อนสนิทของหลานสาว แต่เขาก็ใช้เงินแก้ปัญหา สองปีต่อมา... เขาพบเธออีกครั้ง และด้วยไฟสวาทที่ยังคุกรุ่นจึงเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้แม่เด็กสาวลอยนวลอีกแล้ว... ธาวินคำรามด้วยความหื่นกระหาย ขยี้เนินฉ่ำหนักหน่วงไร้ความปรานี ก่อนจะฉีกกางเกงชั้นในที่เป้าของมันเปียกชุ่มออก พร้อมกับตวัดนิ้วเข้าไปสัมผัสกับกลีบเนื้อนาชุ่มฉ่ำ “โอ้ พระเจ้า... แฉะดีเหลือเกิน ทอฝัน” คนตัวโตเงยหน้าจากเต้านมอวบอัด และเสี้ยววินาที เขาก็เลื่อนหน้าหล่อจัดลงมาซบที่กลางหว่างขาอวบแทน หล่อนสะท้านยะเยือก เมื่อริมฝีปากร้อนจัดจูบนาบลงกับความเป็นหญิงหนักหน่วง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"